ย้อนกลับไปในช่วงปี 2000 นั่นเป็นครั้งแรกที่โทรศัพท์มือถือสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เราใช้สำหรับการดาวน์โหลดริงโทน วอลเปเปอร์ รวมถึงเกม เราเคยผ่านความยากลำบากในการเข้าถึงรูปภาพขนาดแสตมป์จดหมาย ในเวลาที่นานแสนนาน เราใช้เวลาประมาณ 15 ปี กระโดดข้ามจากยุค 2G มาสู่ปัจจุบันที่เป็นยุค 4G ซึ่งเป็นยุคที่เราไม่ต้องใช้ความอดทนมากนักในการดาวน์โหลดเพลงหรือไฟล์วีดีโอ แต่เทคโนโลยียังเดินหน้าไปไม่หยุดนิ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราจะก้าวเข้าสู่ยุค 5G
ไม่ใช่เพียงสมาร์ทโฟนเท่านั้น ที่ต้องการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราเพิ่มมากขึ้น IoT จะช่วยให้อุปกรณ์หลายอย่างเชื่อมต่อกันได้ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน อุปกรณ์สวมใส่ได้ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดรน รถยนต์ รวมทั้งรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง แต่ทั้งหมดจะทำงานได้อย่างราบรื่น จำเป็นต้องใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และเทคโนโลยี 5G จะมาตอบโจทย์ให้กับอุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้
ปัจจุบันผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพทืเคลื่อนที่ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะรายใหญ่อย่าง Verizon, AT&T, T-Mobile และ Sprint กำลังอยู่ในระหว่างทดสอบเทคโนโลยี 5G และถ้าทุกอย่างดำเนินไปตามตารางเวลา เครือข่าย 5G จะพร้อมทดสอบอย่างจริงจังในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2018 ในเกาหลีใต้ และคาดว่าจะเริ่มให้บริการในเชิงพาณิชย์ทันการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพ
จากการทดสอบระบบ 5G ของ T-Mobile เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งร่วมกับ Ericsson สามารถทำความเร็วในการดาวน์โหลดได้สูงสุด 12 Gbps ในทางทฤษฎีมันเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของเครือข่าย 4G ที่ใช้งานทั่วไปในสหรัฐอเมริกาถึง 1200 เท่า แต่นั่นเป็นตัวเลขที่ได้จากการทดสอบ หากใช้งานจริงความเร็วของเครือข่าย 5G จะสูงกว่า 4G ประมาณ 10 เท่า แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดวีดีโอความละเอียดสูง 4K หรือ 8K รวมทั้งชมวีดีโอ 360 องศาในรูปแบบสตรีมมิ่งได้อย่างไม่มีสะดุด
ที่มา – Phonearena
http://www.flashfly.net/wp/?p=168219