AirPods หูฟังไร้สายจาก Apple กลับมาขายดีอีกครั้งในช่วงท้ายปี ถึงแม้จะยืนอยู่ในตลาดมานาน 1 ปีแล้วก็ตาม และถ้าคุณสั่งซื้อ AirPods จากระบบออนไลน์ของเว็บไซต์ Apple ในวันนี้ ก็ต้องรอจัดส่งไปถึงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม 2018 และสำหรับใครที่เพิ่งได้รับมาเป็นของขวัญในวันคริสมาสต์หรือต้อนรับปีใหม่ เราได้รวบรวมเทคนิคต่างๆ ในการใช้งาน AirPods ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นจับคู่กับอุปกรณ์ต่างๆ การปรับแต่ง การค้นหาเมื่อทำหาย และตรวจสอบแบตเตอรี่
สิ่งที่คุณต้องมีนอกจาก AirPods
หากต้องการเรียนรู้เทคนิคทั้งหมดในบทความนี้ คุณจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ iOS ที่รันบนเวอร์ชั่น iOS 10.2 ขึ้นไป แต่ถ้าเป็นรุ่นใหม่ iOS 11 ขึ้นไปจะยิ่งดีกว่า นอกจากนี้คุณอาจจะต้องมี Apple Watch ที่รันบน watchOS 3 ขึ้นไป และ Mac ที่รันบน macOS 10.12 Sierra ขึ้นไป และที่ขาดไม่ได้คือ จำเป็นต้องมีบัญชี iCloud
ปรับแต่งการแตะ AirPods
AirPods มีเซ็นเซอร์ที่ช่วยตอบสนองการแตะ เช่น แตะสองครั้งติดกัน เพื่อเปิดฟีเจอร์ที่ต้องการ และคุณสามารถปรับแต่งได้ ด้วยวิธ๊การดังต่อไปนี้
- ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า AirPods กำลังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ iOS ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ iPad
- เข้าไปที่แอพ Settings
- เลือก Bluetooth
- เมื่อเข้ามาในการตั้งค่า Bluetooth ให้แตะไอคอนตัว i ที่อยู่ฝั่งขวาหลังชื่อ AirPods
- เลือกข้าง AirPods ซ้าย หรือ ขวา เพื่อปรับแต่งการแตะสองครั้ง ซึ่งคุณสามารถตั้งค่าได้ทั้ง 2 ข้าง จากตัวเลือกที่มีให้ เช่น กำหนดให้หูฟังข้างซ้ายเปิด Siri และ กำหนดให้หูฟังข้างขวาเลื่อนไปเล่นเพลงถัดไป เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คำสั่ง Next Track กับ Previous Track ใช้ได้กับ iOS 11 ขึ้นไปเท่านั้น
นอกจากปรับแต่งการแตะสองครั้งแล้ว คุณจะพบว่าในการตั้งค่า AirPods ยังมีตัวเลือกอื่นๆ ด้วย ซึ่งคุณสามารถเปลี่ยนชื่อเรียก AirPods และปิดระบบการตรวจจับเมื่อสวมเข้าไปในหูได้
แตะที่หูก็ได้
คุณไม่จำเป็นต้องแตะที่ AirPods เมื่อต้องการใช้งานการแตะสองครั้ง เพื่อสั่งการตามที่ตั้งค่าไว้ แต่คุรอาจจะถัดกว่าถ้าแตะเบาๆ ที่ด้านหลังหูแทน ซึ่ง AirPods ก็จะตอบสนองต่อคำสั่งเช่นเดียวกัน
การสลับใช้ AirPods กับอุปกรณ์อื่นๆ
AirPods มาพร้อมชิป W1 ที่ช่วยให้ AirPods สามารถเชื่อมต่อกับบัญชี iCloud ของคุณ หมายความว่าทุกอุปกรณ์ที่คุณได้เข้าสู่ระบบ iCloud เดียวกัน จะสามารถเชื่อมต่อกับ AirPods ได้ทันที โดยไม่ต้องจับคู่ใหม่ทุกครั้ง
วิธีสลับ AirPods ไปใช้กับอุปกรณ์อื่น ทำได้โดยไปที่การตั้งค่า Bluetooth เพื่อเปิดใช้งาน แล้วแตะที่ชื่อ AirPods ของคุณ AirPods จะเชื่อมต่ออัตโนมัติทันทีที่เปิดฝากล่องชาร์จ
จับคู่กับ Apple TV อย่างรวดเร็ว
วิธีการจับคู่ AirPods กับ Apple TV ที่สะดวกรวดเร็วที่สุด คือ เปิดฝากล่องชาร์จ AirPods (จะหยิบขึ้นมาสวมที่หูหรือใส่ไว้ในกล่องก็ได้) จากนั้นเปิด Apple TV เมื่อเข้าสู่หน้าจอหลักให้กดปุ่ม Play/Pause บน Siri Remote ค้างไว้ จากนั้นจะเข้าสู่หน้าจอเลือกระบบเสียง ให้เลื่อนลงมาเลือก AirPods
กรณีใช้แอพพลิเคชั่น Apple Remote หรือ Control Center Apple TV Remote ก็สามารถกดปุ่ม Play/Pause ค้างไว้เพื่อเข้าสู่การเลือกระบบเสียงได้เช่นกัน
จับคู่กับอุปกรณ์ iOS (iOS 11) อย่างรวดเร็ว
วิธีการจับคู่ AirPods กับอุปกรณ์ iOS ที่รันบน iOS 11 อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่แอพ Settings เพราะคุณสามารถจับคู่ได้จากวิดเจ็ต Now Playing ใน Control Center (วิธีการนี้จะทำให้คุณจับคู่ AirPods กับอุปกรณ์ iOS ได้รวดเร็วกว่าการเข้าไปในแอพ Settings)
- สำหรับอุปกรณ์ iOS ที่รันบน iOS 11 สามารถเข้าสู่ Control Center ด้วยการแตะนิ้วที่ขอบจอด้านล่างแล้วปัดขึ้นไปด้านบน
- ที่วิดเจ็ต Music หรือ Now Playing ให้แต่ที่ไอคอนตรงมุมบนขวา (สัญลักษณ์เส้นโค้ง 2 เส้น) จะขยายการเล่นเพลงกับอุปกรณ์อื่นๆ
- เลือก AirPods
วิธีการจับคู่ AirPods กับ Apple Watch
หากต้องการฟังเพลงจาก Apple Watch ด้วย AirPods ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- หยิบ AirPods ขึ้นมาสวมที่หู แล้วเปิด Control Center ที่ Apple Watch
- แตะไอคอน AirPlay ที่อยู่ด้านล่างสุดของ Control Center
- เลือก AirPods
ทำงานร่วมกับ Siri
AirPods สามารถเรียกใช้งาน Siri ได้อย่างรวดเร็ว เพียงแตะที่ AirPods ติดกันสองครั้ง แต่คุณต้องตั้งค่าก่อน ซึ่งเราอธิบายไปแล้วในหัวข้อ “ปรับแต่งการแตะ AirPods”
การใช้งาน Siri ผ่าน AirPods ช่วยให้คุณได้รับความสะดวกมากขึ้น เพราะมือของคุณไม่จำเป็นต้องถืออุปกรณ์ iOS อีกต่อไป คุณสามารถสั่งให้ Siri เปิดเพลงได้ทันที และถ้าคุณเป็นสมาชิก Apple Music ก็สามารถสั่งให้ Siri เล่นเพลงจากในคลังของ Apple Music ได้ สามารถเจาะจงแนวเพลงที่อยากฟังได้อีกด้วย
นอกเหนือจากการเปิดเพลงฟัง คุณยังสามารถใช้คำสั่งทั่วไปกับ Siri ได้ ตราบเท่าที่คุณเชื่อมต่อกับ iPhone หรือ iPad ไม่ว่าจะเป็นการโทร, ส่งข้อความ, บันทึกเตือนความจำ, เปิดแอพ, ถามคำถามทั่วไป รวมไปถึงการควบคุมอุปกรณ์ HomeKit
ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่า บางคำสั่งของ Siri ต้องอาศัยการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย
ใช้ AirPods เพียงข้างเดียวก็ได้
คุณไม่จำเป็นต้องสวม AirPods ไว้ทั้ง 2 ข้าง ในบางกรณีถ้าคุรอยากได้ยินเสียงสภาพแวดล้อมรอบตัวคุณ คุณสามารถสวม AirPods ไว้เพียงข้างใดข้างหนึ่ง คุณยังสามารถใช้โทร หรือฟังเพลงด้วย AirPods เพียงข้างเดียวก็ได้
ทั้งนี้ คุณต้องเปิดฟีเจอร์ Automatic Ear Detection (การตรวจพบหูโดยอัตโนมัติ) ให้ทำงานด้วย (ค่าเริ่มต้น จะเปิดไว้อยู่แล้ว) โดยเพลงจะเล่นต่อเนื่องเมื่อถอด AirPods ออกเพียงข้างเดียว และจะหยุดเล่น เมื่อคุณถอด AirPods ออกจากหูทั้ง 2 ข้าง
การจับคู่ AirPods กับอุปกรณ์อื่น ที่ไม่ใช่แบรนด์ Apple
AirPods ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายกับผลิตภัณฑ์ของ Apple แต่คุณก็สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่แบรนด์ Apple ได้เหมือนเป็นหูฟัง Bluetooth ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ PC โดยมีวิธีการจับคู่ดังต่อไปนี้
- เก็บ AirPods ให้อยู่ในกล่องชาร์จ
- เปิดฝากล่องชาร์จ
- กดปุ่มหลังกล่องชาร์จค้างไว้ จนกว่าไฟสีขาวจะกะพริบ
- เปิดการตั้งค่า Bluetooth บนอุปกรณ์ที่ต้องการจับคู่ และเลือก AirPods
ฟังชื่อคนโทรเข้าก่อนรับสาย
เมื่อคุณสวม AirPods อยู่แล้วมีสายเรียกเข้า คุณสามารถตั้งค่าให้ AirPods บอกชื่อคนที่โทรเข้ามาได้ด้วยฟีเจอร์ Announce Calls
- เปิดแอพ Settings
- เข้าไปที่ Phone
- เลือก Announce Calls
ในการตั้งค่า Announce Calls จะมีเมนูให้เลือก 4 รายการคือ คือ Always คือเปิดให้ฟีเจอร์อ่านรายชื่อผู้โทรเข้าทำงานอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าคุณจะไม่ได้สวมหูฟังก็ตาม, Headphones & Car เลือกรายการนี้ถ้าต้องการเปิดฟีเจอร์ Announce Calls ให้ทำงานเมื่อสวมหูฟังหรือกำลังขับขี่ยานยนต์, Headphones Only ลือกรายการนี้ถ้าต้องการเปิดฟีเจอร์ Announce Calls ให้ทำงานเมื่อสวมหูฟังเท่านั้น และ Never เป็นการปิดฟีเจอร์นี้ ซึ่งปกติจะถูกใช้เป็นค่าเริ่มต้น
วิธีการค้นหา AirPods เมื่อทำหาย
ฟีเจอร์ Find My AirPods สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่รันบน iOS 10.3 ขึ้นไป แต่จะสามารถค้นหา AirPods ได้ เมื่อคุณทำตกหล่นในบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น หากทำหายโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ได้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ หรือ แบตเตอรี่ AirPods หมด ฟีเจอร์ Find My AirPods จะทำได้เฉพาะการแสดงตำแหน่งล่าสุดที่เคยมีการเชื่อมต่อ
คุณสามารถค้นหา AirPods ได้จากอุปกรณ์ iOS ผ่านแอพพลิเคชั่น Find My iPhone หรือค้นหาด้วยคอมพิวเตอร์โดยเข้าไปที่ iCloud.com สำหรับการใช้งานอย่างละเอียด สามารถเข้าไปดูได้จากคู่มือของ Apple
วิธีตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ AirPods
คุณสามารถตรวจสอบระดับพลังงานแบตเตอรี่ของ AirPods ในระหว่างใช้งานได้ ผ่าน iPhone หรือ iPad ด้วยการปัดนิ้วไปทางขวาของหน้าจอ แล้วมองหาวิดเจ็ต Batteries ซึ่งจะพบกับข้อมูลแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ iOS, AirPods รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีการเชื่อมต่ออยู่ในขณะนั้น
ถ้าคุณเก็บ AirPods ไว้ในกล่องชาร์จ จะต้องเปิดฝาออก และถือให้อยู่ใกล้ iPhone ก็จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาแสดงสถานะแบตเตอรี่ นอกจากนี้ คุณยังสามารถตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ AirPods กับ Apple Watch หรือ Mac ได้เช่นเดียวกัน และยังสามารถถาม Siri ได้ว่าระดับแบตเตอรี่เหลือเท่าไรแล้ว
แสงไฟในกล่องชาร์จ AirPods บอกอะไรได้บ้าง
คุณจะพบกับหลอดไฟแสดงสถานะดวงเล็กๆ เมื่อเปิดฝากล่องชาร์จ โดยแต่ละสี มีความหมายแตกต่างกันดังนี้
- ไฟสีเขียว – ชาร์จเต็มแล้ว
- ไฟสีเหลืองอำพัน – มีกำลังไฟเหลือน้อยกว่าการชาร์จเต็มหนึ่งรอบ
- ไฟกะพริบเป็นสีขาว – พร้อมสำหรับการจับคู่กับอุปกรณ์
- ไฟกะพริบเป็นสีเหลืองอำพัน – คุณอาจจำเป็นต้องตั้งค่า AirPods อีกครั้ง
การชาร์จแบตเตอรี่ AirPods
AirPods จะถูกชาร์จโดยอัตโนมัติเมื่อเก็บไว้ในกล่อง และในกรณีที่ต้องการชาร์จทั้งกล่องและ AirPods ให้ปิดฝา แล้วชาร์จผ่านสาย Lightning หรือจะใช้แท่นชาร์จของ iPhone ก็ได้ (สามารถอ่านวิธีการชาร์จอย่างละเอียดได้จากคู่มือของ Apple)
วิธีการตรวจสอบเฟิร์มแวร์ และดู Serial Number
ถ้าคุณอยากทราบ Serial Number หรือหมายเลขประจำเครื่องของ AirPods รวมทั้งอยากทราบเวอร์ชั่นของเฟิร์มแวร์ ให้ตรวจสอบผ่านอุปกรณ์ iOS
- เปิดแอพ Settings ขณะที่สวม AirPods อยู่ในหู
- เลือก General
- เข้าไปที่ About
- เลื่อนลงมาที่ AirPods และแตะเข้าไป ก็จะพบกับรายละเอียดที่ต้องการ
ที่มา – MacRumors
http://www.flashfly.net/wp/203811