สำนักข่าว Nikkei รายงานว่าบริษัท Apple อาจต้องเผชิญปัญหาการผลิต iPhone 7 ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยเฉพาะในช่วงแรกของการวางจำหน่าย ตามที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ในช่วงเดือนกันยายนนี้ เท่าที่ทราบซัพพลายเออร์บางส่วนของ Apple ยังคงพยายามที่จะแก้ไขอัตราผลตอบแทนที่ต่ำของส่วนประกอบสมาร์ทโฟน
อัตราผลตอบแทน เป็นตัวชี้วัดปริมาณหรือจำนวน ที่ผู้ผลิตจะได้รับในช่วงท้ายของกระบวนการผลิต และถ้าพบว่ามีอัตราผลตอบแทนที่ต่ำ จะส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายในการผลิตที่สูงขึ้น หรืออาจจะส่งมอบสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
Jeff Pu นักวิเคราะห์จาก Yuanta Investment Consulting ประเมินว่ากำลังการผลิต iPhone ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคมนี้ จะลดลงจาก 120 ล้านเครื่อง เหลือประมาณ 114 ล้านเครื่อง ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่า เนื่องจากพบความบกพร่องในชิ้นส่วนกันน้ำของลำโพง และชิ้นส่วนกล้องคู่ ซึ่งยังไม่ได้รับการแก้ไข
ตามที่บันทึกไว้ในวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา Jeff Pu คาดการณ์ว่า iPhone 7 จะผลิตออกมาได้ประมาณ 74 ล้านเครื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ iPhone 6s ผลิตออกมาได้ 84 ล้านเครื่อง ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2015 เป็นผลมาจากแรงกดดันของราคา Jeff Pu ให้ความเห็นว่าซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่ในห่วงโซ่ของ Apple มองเห็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีลดลงจากเดิม เมื่อเทียบแบบปีต่อปี
นอกจากปัญหากระบวนการผลิตแล้ว Apple ยังต้องต่อสู้กับปัญหาความต้องการทางตลาดลดลงด้วย รายได้รวมของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ผ่านมาลดลงจากปีที่แล้วเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี จากการมาของ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ที่ไม่สามารถทำให้ลูกค้าตัดสินใจทิ้งรุ่นเก่ามาซื้อรุ่นใหม่ได้มากพอ
นักวิเคราะห์อีกราย ได้คาดการณ์ว่าความต้องการ iPhone 7 ในตลาดยังลดลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากการขาดฟีเจอร์ใหม่ๆ แหล่งข่าวจากอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อชิปประมวลผลสำหรับ iPhone รุ่นใหม่ ลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่แหล่งข่าวจากซัพพลายเออร์ยืนยันว่า คำสั่งซื้อในการผลิต iPhone รุ่นใหม่ อยู่ที่ 54 ล้านเครื่องเท่านั้น
ที่มา – Nikkei
http://www.flashfly.net/wp/?p=156876