ทีมวิจัยของ J.P. Morgan’s Asia Pacific รายงานว่า Apple สั่งผลิต iPhone 7 ออกมาภายในสิ้นปีนี้ ประมาณ 75 ล้านเครื่อง สูงกว่าที่เคยประเมินเอาไว้ก่อนหน้านี้ที่ 70 ล้านเครื่อง และเน้นไปที่ iPhone 7 Plus โดยอ้างอิงข้อมูลจากการเข้าไปตรวจสอบ Supply Chain หรือห่วงโซ่อุปทาน
จำนวนการผลิตที่เพิ่มขึ้นของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในสหรัฐอเมริกา มีการจัดโปรโมชั่นให้ลูกค้าเป็นเจ้าของ iPhone รุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น ปัจจัยต่อมาคือ Apple ได้ขยายตลาดในการวางจำหน่ายครั้งแรกเป็น 28 ประเทศ (เพิ่มขึ้น 12 ประเทศจากครั้งแรกที่วางจำหน่าย iPhone 6s) และ ปัจจัยสุดท้าย เกิดมาจากคู่แข่ง Samsung Galaxy Note 7 พบปัญหาแบตเตอรี่ลุกไหม้
ยังไม่ชัดเจนว่า จำนวนการผลิตที่เพิ่มขึ้นของ iPhone รุ่นใหม่ มาจากความต้องการของตลาดตาม 3 ปัจจัยข้างต้น หรือ Apple ต้องการนำไปชดเชยคลังสินค้าที่มีการขยายไปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิต iPhone 7 ในช่วงท้ายปีนี้ ยังต่ำกว่าข่วงเวลาเดียวกันของปี 2015 ซึ่ง Apple มีการผลิต iPhone 6s ออกมา 85 – 90 ล้านเครื่อง
J.P. Morgan ประเมินว่า ความต้องการ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีแนวโน้มที่จะเงียบ หรือ ไม่เติบโตมากนัก เพราะการอัพเกรดสเปกเพียงเล็กน้อย ยังไม่มีความหมายพอให้ลูกค้าเดิมตัดสินใจซื้อรุ่นใหม่ แต่คาดการณ์ว่า Apple จะกลับมามียอดจำหน่ายที่แข็งแกร่งในปีหน้า กับ iPhone รุ่นใหม่ที่ลือกันว่าจะใช้จอแสดงผล OLED แบบไร้ขอบจอ
ที่มา – AppleInsider
http://www.flashfly.net/wp/?p=159456