iPhone X ซึ่งเป็น iPhone ที่ดีที่สุดของ Apple ในปี 2017 ปัจจุบันนี้กลายเป็นตำนานไปแล้ว หลังจาก iPhone XS ได้รับการเปิดตัวเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา และ Apple ได้นำมาทำตลาดแทนที่ iPhone X โดยถอด iPhone X ออกไปจากชั้นวางสินค้า แล้วเปิดรับจอง iPhone XS ในราคาเดียวกัน นั่นคือเริ่มต้นที่ 999 ดอลล่าร์สหรัฐ ดังนั้น คำถามที่อยู่ในหัวเจ้าของ iPhone X ในตอนนี้ก็คือ ควรจะอัพเกรดไปใช้ iPhone XS ดีมั้ย?
ในแต่ละปี iPhone จะมีการพัฒนาไปจากเดิมมาก แต่ในปีนี้ iPhone XS มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ iPhone X โดยทั้งคู่ยังคงใช้ดีไซน์เดียวกัน มากับจอแสดงผล OLED ขนาด 5.8 นิ้ว พร้อมด้วยเทคโนโลยี Super Retina, HDR10 และ Dolby Vision แบบเดียวกัน รวมไปถึงฟีเจอร์ 3D Touch, Face ID และ รองรับ Wireless Charging เหมือนกันด้วย ถึงแม้ Apple จะยืนยันว่า Face ID กับ Wireless Charging ของ iPhone XS ได้รับการพัฒนาให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ยังไม่มีการเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจน
คุณสมบัติแรกที่ iPhone XS และ iPhone XS Max มีความแตกต่างอย่างชัดเจน นั่นคือ การรองรับ 2 ซิมการ์ด ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบซิมการ์ดเดียว + eSIM แต่ในประเทศจีน จะมีถาดใส่ซิมการ์ดปกติ 2 ซิม ไม่ว่าจะเป็น 2 ซิมในรูปแบบใด ต่างก็ช่วยให้เจ้าของ iPhone รุ่นใหม่ได้รับความสะดวกเพิ่มขึ้นในการใช้งาน 2 หมายเลข เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางข้ามประเทศอยู่เป็นประจำ เพราะ eSIM สามารถสลับผู้ให้บริการได้อย่างสะดวก
iPhone XS และ iPhone XS Max ได้รับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ A12 Bionic ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่า iPhone X อย่างชัดเจน เพราะเป็นชิปรุ่นแรกของ iPhone และอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนที่ใช้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร มีประสิทธิภาพดีกว่า 15% เมื่อเทียบกับชิป A11 Bionic ที่อยู่ใน iPhone X และยังลดใช้พลังงานได้ถึง 50% ทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่อยู่ได้นานกว่ารุ่นก่อน
ถึงแม้ชิป A12 Bionic จะมีประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ดีกว่า แต่ในเรื่องแบตเตอรี่จะเห็นความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น Apple บอกว่า iPhone XS ใช้งานได้นานกว่า iPhone X สูงสุด 30 นาที นั่นหมายถึง เมื่อเทียบการใช้งานตลอดทั้งวันแล้ว iPhone XS ไม่ได้ให้พลังงานยาวนานมากไปกว่า iPhone X เท่าไรนัก
iPhone XS และ iPhone XS Max ได้รับการปรับปรุงให้สนับสนุน 4×4 MIMO ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ กันน้ำได้ดีกว่าเดิมจาก IP67 เป็นมาตรฐาน IP68 และบันทึกเสียงวีดีโอในระบบสเตอริโอ
ระบบกล้องของ iPhone XS กับ iPhone XS Max แทบไม่มีความแตกต่างไปจาก iPhone X ในเรื่องของความละเอียดกล้อง แต่ในรุ่นใหม่มากับรูรับแสงที่เร็วขึ้น แฟลชทูโทนใหม่ และสามารถควบคุมระยะชัดลึกสำหรับเล่นกับเอฟเฟกต์ Bokeh ได้ นอกจากนี้ ยังปรับปรุงโหมด Portrait สำหรับกล้องเซลฟี่ และให้รายละเอียดแสงเงาที่ชัดเจนขึ้นด้วย Smart HDR
iPhone XS อาจไม่ได้สร้างความแตกต่างไปจาก iPhone X มากนัก แต่บางที iPhone XS Max อาจจะเป็นคำตอบถ้าหากต้องการอัพเกรดจาก iPhone X ด้วยจอแสดงผลที่ใหญ่กว่าชัดเจน เพราะมีขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2688 x 1242 พิกเซล สนับสนุนการแสดงผลในแนวนอนสำหรับบางแอพพลิเคชั่น อย่างเช่นแอพ Messages สามารถแสดงผลแบบ 2 คอลัมน์ได้ ไม่เพียงแค่นั้น iPhone XS Max ยังให้ความแตกต่างของแบตเตอรี่ที่ชัดเจนกว่า โดยให้พลังงานนานกว่า iPhone X สูงสุด 1 ชั่วโมง กับอีก 30 นาที
สรุป
iPhone XS กับ iPhone XS Max มาพร้อมตัวเลือกสีทอง ปรับปรุงกล้อง มีความจุสูงสุด 512GB รองรับ 2 ซิมการ์ด
การอัพเกรดหรือเปลี่ยนจาก iPhone X เป็น iPhone XS อาจไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไรนัก แต่อาจถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนมาใช้ iPhone XS Max
ที่มา – 9to5mac
http://www.flashfly.net/wp/?p=229631