Friday, December 5, 2025
  • Contact us
Flashfly Dot Net
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
Flashfly Dot Net
No Result
View All Result
Home Feature

[Exclusive] พาไปชมงานเปิดตัว iPhone X, iPhone 8, iPhone 8 Plus และ Apple Watch Series 3 ส่งตรงจาก Steve Jobs Theater โดยทีมงาน Flashfly

Jackrich T. by Jackrich T.
September 15, 2017
in Feature, iPhone, NEWS, Recommended
247
SHARES
13
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

ผ่านพ้นไปแล้วกับงาน Apple Special Event เปิดตัวผลิตภันฑ์รุ่นใหม่ในช่วงปลายปีซึ่งไม่พ้น iPhone รุ่นใหม่ที่แฟนๆทั่วโลกรอคอยที่ซานฟรานซิสโกเป็นประจำทุกปี โดยในครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งก่อนๆเพราะเป็นครั้งแรกที่ Apple ได้เปิดให้บุคคลภายนอกหรือเหล่าสื่อมวลชนทั่วโลกได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศภายนอกบริเวณของ Apple Park แคมปัสรูปวงแหวนซึ่งอาคารหลักมีพื้นที่ 2.8 ล้านตารางฟุตประกอบไปด้วยแผงกระจกโค้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในอาคารที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดในโลกอีกด้วย
และสถานที่จัดงานคือโรงละคร Steve Jobs Theater ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดภายใน Apple Park เปิดให้กองทัพสื่อมวลชนได้เยี่ยมชมเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้มีโอกาศเข้ามาเยี่ยมชมเป็นอย่างมาก
รวมทั้งทีมงาน @flashfly ที่ได้ถูกทาง Apple เชิญให้เข้าร่วมงานครั้งสำคัญอีกครั้งโดยบริเวณที่จัดงานจะอยู่ลงใต้ดินของ Steve Jobs Theater ซึ่งด้านในจะเป็นโรงละครจุได้ถึง 1000 ที่นั่งมีโครงสร้างเป็นกระบอกแก้วสูง 20 ฟุต กว้าง 165 ฟิตรองรับหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์โลหะ ซึ่งก่อนงานจะเริ่ม Tim Cook ซีอีโอคนปัจจุบันได้ขึ้นกล่าวรำลึกถึง Steve Jobs อดีตซีอีโอและเป็นบุคคลคนสำคัญที่พลิกโฉมโลกไปตลอดกาล ได้ถ่ายทอด DNA สายเลือดความเป็น Apple ส่งต่อไปถึงพนักงานทุกคนในปัจจุบัน
โดยภายในงาน Apple ได้เปิดตัวผลิตภันฑ์ใหม่ออกมาแบบจัดเต็มนั่นก็คือนาฬิกา Apple Watch Series 3 ที่มาพร้อมระบบเซลลูลาร์ในตัวสามารถโทรศัพท์ได้จากข้อมือโดยไม่ต้องเพิ่งพา iPhone อีกต่อไป ตามมาด้วย Apple TV 4K รุ่นใหม่ล่าสุดที่รองรับความละเอียดระดับ 4K และ High Dynamic Range (HDR) จนถึงช่วงเวลาที่รอคอยกับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ที่เปลี่ยนไปใช้วัสดุเป็นกระจกเพื่อให้รองรับการชาร์จไร้สาย
และสุดท้ายกับเซอร์ไพร์ที่ทุกคนรอคอยกับการเปิดตัว iPhone X หรือ iPhone 10 รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 10 ปี iPhone (ไอโฟนเทน)โดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่หมด ไม่มี Touch ID และ ปุ่ม Home อีกต่อไป ซึ่งทางทีมงาน @flashfly ที่ถือได้ว่าเป็นตัวแทนสื่อไทยกลุ่มแรกที่ได้สัมผัสและทดลองใช้งานตัวเครื่องจริงในงานเป็นที่เรียบร้อย ตามมาดูกันได้เลยว่าจะน่าสนใจขนาดไหน
มาเริ่มกันที่ Apple Watch Series 3 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ทางได้ Apple เพิ่มเพิ่มระบบเซลลูลาร์เข้ามา สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้จากข้อมือโดยไม่ต้องเพิ่งพา iPhone อีกต่อไป แถมยังเป็นหมายเลขเดียวกับ iPhone ที่เราใช้งานอีกด้วยเพราะฉนั้นรายชื่อเบอร์สำคัญต่างๆมาครบหมดแน่นอนระบบจะสลับไปใช้เซลลูลาร์ทันทีเมื่ออยู่ห่างจาก iPhone ซึ่งในครั้งนี้ Apple ได้ดีไซน์เสาอากาศแบบใหม่ที่ใช้จอภาพเป็นตัวรับส่งสัญญาณ LTE และ UMTS ทำงานร่วมกับ eSIM ที่มีขนาดเล็กกว่าซิมการ์ดปกติถึง 100 เท่าที่ใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อยในตัวเรือนเท่านั้น ทำให้ Apple Watch Series 3 มีขนาดเท่ากับ Apple Watch Series 2 ได้
โดย Apple Watch Series 3 มีสองรุ่นด้วยกัน มีรุ่นแรกที่มาพร้อม GPS และระบบเซลลูลาร์ และอีกรุ่นหนึ่งที่มาพร้อม GPS เพียงอย่างเดียว ใช้โปรเซสเซอร์แบบ Dual-core ที่เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 70% และชิพไร้สาย W2 ใหม่ โดยสิ่งที่พิเศษในรุ่น Apple Watch Series 3 เซลลูลาร์ คือจะมีจะ Digital Crown หรือเม็ดมะยมสีแดงและหน้าปัดนาฬิกา Explorer ที่แสดงการเชื่อมต่อระบบเซลลูลาร์ให้เห็นชัดเจน
และด้วยการที่ Apple Watch Series 3 สามารถใช้งานเซลลูลาร์ได้ทำให้รองรับการสตรีมเพลงจาก Apple Music ทั้ง 40 ล้านเพลงได้โดยตรงจากข้อมือได้ รวมถึงสถานีวิทยุต่างๆบน Apple Music ได้แม้จะไม่มี iPhone หรือ Wi-Fi อีกด้วย แถมยังทำให้ Siri สามารถคุยกับเราแบบมีเสียงบนข้อได้แล้วเช่นเดียว สำหรับใน watchOS 4 ก็ได้มีการอัพเดทแอพอัตราการเต้นของหัวใจใหม่ให้ข้อมูลที่ละเอียดขึ้น ทั้งการวัดระหว่างการพัก การออกกำลังกาย การฟื้นตัว การเดิน และขณะใช้แอพหายใจเป็นต้น
ภายในงาน Apple ยังได้เปิดตัวสาย Apple Watch ใหม่ๆ พร้อมกับ Apple Watch Edition ตัวเรือนเซรามิคสีเทาเข้มใหม่อีกด้วย Apple Watch Nike+ รุ่นใหม่ก็มารวมถึงรุ่นสุดหรู Apple Watch Hermès ก็มาคู่กับคอลเลกชั่นสายแบบใหม่
Apple Watch Series 3 จะเปิดจองในที่ 15 กันยายนเป็นต้นไปราคาเริ่มต้นที่ 11,900 บาท และจะวางจำหน่ายทางการในวันที่ 22 กันยายนในกลุ่มประเทศแรก นอกจากนี้ Apple ยังได้ลดราคา Apple Watch Series 1 ลงอีกด้วย ส่วน Apple Watch Series 2 นั้นจะไม่มีจำหน่ายแล้ว
มาต่อกันที่ iPhone รุ่นใหม่ของปีนี้กันบ้างหลังจากที่มีข่าวลือยาวนานมาตลอดทั้งปีในที่สุด Apple ก็ได้ข้ามรุ่น iPhone 7s และ iPhone 7s Plus ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยประกาศเปิดตัว iPhone 8 และ iPhone 8 Plus อย่างเป็นทางการ ดีไซน์โดยรวมจะคล้ายๆกับรุ่นก่อนหน้าแต่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเปลี่ยนดีไซน์วัดุใหม่หมดใช้กระจกและอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ
ชิปเซ็ต A11 Bionic ชิพที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟนของ Apple ใช้ซีพียูแบบ 6 คอร์ มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมถึง 70% กราฟิกให้เร็วขึ้นอีกถึง 30% เหมาะการเล่นเกม AR กราฟิกที่ลื่นไหลระดับ 60fps บน iPhone ได้สมจริงสุดๆ
จอภาพ Retina HD ใหม่ขนาด 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว พร้อมการแสดงผลแบบ True Tone ที่ช่วยปรับสีบนหน้าจอให้เป็นธรรมชาติเหมือนกำลังดูแผ่นกระดาษจริงๆแบบเดียวกับบน iPad Pro แถมลำโพงสเตอริโอได้รับการออกแบบใหม่มีเสียงดังขึ้น 25% พร้อมเสียงเบสที่ทุ้มลึกกว่าเดิม
iPhone 8 ใช้กล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซลที่ดีกว่าเดิม พร้อมเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นและไวขึ้น ฟิลเตอร์สีแบบใหม่ และพิกเซลที่เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ออโต้โฟกัสได้เร็วขึ้นในสภาพแสงน้อย และถ่ายภาพ HDR ได้ดีขึ้น ทางด้านแฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวงก็ออกแบบใหม่มาพร้อมคุณสมบัติสโลว์ซิงค์ช่วยให้ภาพมีความสว่างพอดีทั้งฉากหลังและฉากหน้า
และเฉพาะ iPhone 8 Plus ที่มาพร้อมกล้องคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ยังโดดเด่นด้วยการถ่ายภาพ Portrait Mode และโหมดการจัดแสงภาพถ่ายบุคคล Portrait Lighting ใหม่ล่าสุด สามารถปรับเอฟเฟ็กต์ระยะชัดตื้นในสไตล์การจัดแสงที่แตกต่างกัน 5 แบบ ทั้ง 2 รุ่นถ่ายวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60fps และสโลว์โมชั่นแบบ 1080p สูงสุด 240fps
ทั้ง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus รองรับการชาร์จไร้สายแล้ว สามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของ Qi ซึ่งรวมถึงแผ่นรองชาร์จไร้สายแบบใหม่สองรุ่นจาก Belkin และ mophie นอกจากนี้ในงาน Apple ยังได้เปิดตัว AirPower อุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สายที่สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกันถึง 3 ชิ้นทั้งตัวเครื่อง iPhone 8 ,Apple Watch และ AirPods มีกำหนดวางจำหน่ายในปี 2018
iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มี 3 สีใหม่ให้เลือก ได้แก่ สีเทาสเปซเกรย์ สีเงิน และสีทอง ตัวผิวกระจกผ่านกระบวนการลงหมึกถึง 7 ชั้น ทำให้สามารถแสดงเฉดสีและความทึบแสงได้อย่างแม่นยำอีกทั้งยังคงกันน้ำกันฝุ่นตามมาตราฐานระดับ IP67 มี 2 ความจุให้เลือกคือ 64GB และ 256GB เปิดจองในที่ 15 กันยายนเป็นต้นไป วางจำหน่าย 22 กันยายนนี้เฉพาะในกลุ่มประเทศแรก ราคาเริ่มต้นที่ $699 หรือราว 23,100 บาท
โดยภายในงาน Apple ยังได้ประกาศวันปล่อยอัพเดท iOS 11,watchOS 4 และ tvOS 4 ตัวเต็มให้ผู้ใช้งานทั่วโลกได้อัพเดทพร้อมกันในวันที่ 19 กันยายนนี้หรือวันที่ 20 กันยายนในประเทศไทย
เซอร์ไพร์หลังจากที่ Apple ได้ทำการเปิดตัว iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ไปเรียบร้อยแล้ว ก็ตามมาด้วย iPhone X (อ่านว่าไอโฟนเทน) รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 10 ปี iPhone ที่มาพร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องใหม่หมดไร้กรอบทั้ง 4 ด้าน ด้วยกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง


และไม่มีปุ่ม Home และ Touch ID อีกต่อไปแล้ว โดย Apple เคลมว่าเป็นกระจกที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน
จอภาพโค้งรับกับดีไซน์แบบโค้งไปจนจรดมุมมนทั้งสี่อย่างสวยงามลงตัว ขอบสแตลเลสสตีลด้านข้างเป็นเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรมสวยงาม มีให้เลือกในสีเงินและสีเทาสเปซเกรย์ ใช้ชิป A11 Bionic แบบเดียวกับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus
ซึ่ง Apple ให้นิยามกับ iPhone X ว่าเป็นสมาร์ทโฟนแห่งอนาคตเพราะอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆมากมายมากกว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้าทั้งจอภาพ Super Retina ขนาด 5.8 นิ้วแบบ OLED ถ่ายทอดสีสันได้สวยงามและแม่นยำ แสดงสีดำได้ดำสนิท มีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่ 1,000,000 ต่อ 1 รองรับขอบเขตสีแบบกว้างรองรับ HDR ทั้ง Dolby Vision และ HDR10 และยังมีเทคโนโลยี่ True Tone ที่เพิ่มเข้ามายังช่วยปรับไวท์บาลานซ์บนหน้าจอให้ตรงกับแสงรอบๆ อยู่ตลอดเวลาทำให้อ่านสบายตา
แทนที่ปุ่มโฮมด้วยการขยับนิ้วสั่งการที่รวดเร็วและลื่นไหล สามาถใช้งาน iPhone X ได้อย่างสุดแสนง่ายดายเพียงแค่ปัดขึ้นจากด้านล่างก็สามารถไปที่หน้าจอโฮมได้จากทุกที่
Face ID ระบบยืนยันตัวตนแบบใหม่ที่ปลอดภัยที่สุดบน iPhone X โดยใช้ระบบกล้อง TrueDepth ในการฉายจุดแสงสร้างแผนผังโครงสร้างที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ากว่า 30,000 จุด และรู้จำใบหน้าอย่างแม่นยำเพื่อให้ผู้ใช้ปลดล็อค iPhone อย่างปลอดภัย แถมยังสามารถจดจำรูปลักษณ์ใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาอีกด้วย โดย Face ID จะปลดล็อค iPhone X ก็ต่อเมื่อมองที่เครื่องเท่านั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันการหลอกโดยใช้รูปถ่ายหรือหน้ากาก
กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 7 ล้านพิกเซลใหม่สามารถถ่าย Portrait Mode ได้หรือที่เรียกว่า Portrait Mode Selfies รวมถึงการแต่งแสงในภาพถ่าย Portrait Lighting ได้อีกด้วย
 ทางด้านกล้องดิจิตอลด้านหลังของ iPhone X นั้นเป็นกล้องเลนส์คู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลที่ออกแบบใหม่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS ทั้ง 2 เลนส์โดยกล้องมุมกว้างมีรูรับแสงขนาด ƒ/1.8 ส่วนกล้องเทเลโฟโต้มีรูรับแสงกว้างขึ้นเป็น ƒ/2.4 ถ่ายรูปและวิดีโอได้สวยงามยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ฟิลเตอร์สีแบบใหม่ พิกเซลที่เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น สามารถบันทึกภาพด้วยขอบเขตสีกว้าง ออโต้โฟกัสในสภาพแสงน้อยได้เร็วขึ้น และถ่ายภาพ HDR ได้สวยขึ้นด้วย ถัดมาคือแฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวงใหม่พร้อมด้วยคุณสมบัติสโลว์ซิงค์ จึงทำให้ภาพมีความสว่างสม่ำเสมอยิ่งขึ้นทั้งในฉากหลังและฉากหน้า
กล้อง iPhone X สามารถถ่ายวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60fps และสโลว์โมชั่นแบบ 1080p สูงสุด 240fps รองรับการใช้งาน AR ในระดับสูงมีไจโรสโคปพร้อมด้วยอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบใหม่ที่แม่นยำ กราฟิก AR ที่ลื่นไหลระดับ 60fps
โหมดภาพถ่ายบุคคลหรือ Portrait Mode พร้อมคุณสมบัติการจัดแสงภาพถ่ายบุคคล Portrait Lighting ของทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเป็นการนำเอฟเฟ็กต์แสงระดับสตูดิโอมาสู่ iPhone X ช่วยให้สามารถถ่ายภาพ Portrait ได้สวยงามด้วยเอฟเฟ็กต์ระยะชัดตื้นในสไตล์การจัดแสงที่แตกต่างกัน 5 แบบ
ปิดท้ายด้วยการเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับอิโมจิด้วย Animoji ที่มีเฉพาะบน iPhone X เท่านั้นด้วยกล้องหน้า TrueDepth จะทำงานร่วมกับชิพ A11 Bionic เพื่อบันทึกและวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่แตกต่างกันกว่า 50 รูปแบบ แล้วจำลองการแสดงออกทางใบหน้าเหล่านั้นบน Animoji ที่เคลื่อนไหวได้ 12 แบบ เช่น แพนด้า ยูนิคอร์น และหุ่นยนต์ โดยสามารถบันทึกเสียงของตนเอง และยังสามารถยิ้ม ขมวดคิ้วและส่งข้อความ Animoji ไปหาเพื่อนได้ด้วยแอพ iMessage
iPhone X รองรับการชาร์จไร้สายแบบเดียวกับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus
โดย iPhone X ความจุ 64GB และ 256GB ให้เลือก มีให้เลือก 2 สีได้แก่เงินฝาหลังสีขาวและสีเทาสเปซเกรย์ฝาหลังสีดสามารถสั่งซื้อ iPhone X ได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคมนี้ในกลุ่มประเทศแรกต่อจากวางจำหน่าย iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ไปทั่วโลก และจะวางจำหน่ายทางการในวันที่ 3 พฤศจิกายนเป็นต้นไปราคาเริ่มต้นที่ $999 หรือราว 33,000 บาท
 และนี่คือทั้งหมดภายในงาน Apple Special Event ที่จัดขึ้นที่โรละคร Steve Jobs Theater ภายในบริเวณของ Apple Park หรือที่หลายคนเรียกชื่อว่ายานแม่นั่นเอง ซึ่งในการร่วมงานครั้งนี้ทีมงาน @flashfly ก็ได้มีโอกาศสัมผัสทั้ง iPhone X รวมถึง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus อีกด้วยจะนำมารีวิวให้ชมตามมาเร็วๆนี้ ติดตามกันได้เลย

บทความโดย – www.flashfly.net






Tags: AppleApple ParkApple Special EventApple Watch Series 3iPhone 8iPhone 8 PlusiPhone X
Share247TweetShare

Related Posts

Alan Dye หัวหน้าฝ่ายออกแบบ UI ของ Apple กำลังจะย้ายไปอยู่กับ Meta
iPhone

Alan Dye หัวหน้าฝ่ายออกแบบ UI ของ Apple กำลังจะย้ายไปอยู่กับ Meta

December 4, 2025
Apple และ Intel อยู่ในขั้นหารือสำหรับการผลิตชิปให้กับอุปกรณ์ iOS ในอนาคต บนพื้นฐาน ARM
iPhone

นักวิเคราะห์คาดว่า Apple และ Intel จะทำงานร่วมกันอีกครั้ง เพื่อจัดหาชิป M-series สำหรับ Mac ในอนาคต

November 29, 2025
Siri เวอร์ชันใหม่จะพึ่งพา Gemini ของ Google อ้างอิงจาก Bloomberg
iPhone

Apple Intelligence อาจพร้อมให้บริการในจีนอีกไม่นานนี้ หลังจาก Apple เริ่มทำแบบสำรวจในจีน

November 26, 2025
Load More
  • ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    356 shares
    Share 0 Tweet 0
  • วาร์ปสู่โลกใหม่!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy S24 Series ครบทุกรุ่นทุกสี พร้อมใช้งาน Galaxy AI สุดล้ำ

    101 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy Tab A9+ แท็บเล็ตสุดคุ้มจอ 11 นิ้วรีเฟรช 90Hz ใช้ชิป Snapdragon 695 รองรับ 5G ระบบเสียง Dolby Atmos ราคา 8,990 บาท

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy S23 FE มาอย่างพี๊คคค สเปกแฟล็กชิป ในราคาเป็นมิตร จอ 120Hz กล้องหลัง 3 ตัว 50MP ซูม 3x คมกริบ แบต 4,500mAh

    502 shares
    Share 0 Tweet 0
  • เปรียบเทียบ 2 เรือธงแห่งปี Galaxy S25 Ultra vs iPhone 17 Pro Max

    788 shares
    Share 0 Tweet 0

Browse by Category

  • AIS
  • Android
  • App Free
  • BlackBerry 10
  • dtac
  • EV Car
  • Feature
  • Flashfly Online Channel
  • Games
  • iPhone
  • Lifestyle
  • NEWS
  • Nintendo
  • Nokia
  • OPPO
  • Playstation
  • PR News
  • Recommended
  • Review & Preview
  • Samsung
  • Smartphone
  • Tips&Tricks
  • Truemove H
  • Windows Phone

Recent News

Samsung จะปล่อย One UI 8.5 Beta ให้อัปเดตในวันที่ 8 ธันวาคมนี้

Samsung จะปล่อย One UI 8.5 Beta ให้อัปเดตในวันที่ 8 ธันวาคมนี้

December 5, 2025
Apple Arcade เพิ่ม 4 เกมใหม่ เล่นได้แล้ววันนี้!!

Apple Arcade เพิ่ม 4 เกมใหม่ เล่นได้แล้ววันนี้!!

December 5, 2025
  • About
  • Advertise
  • Privacy & Policy
  • Contact

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');

No Result
View All Result
  • NEWS
  • Review & Preview
  • iPhone
  • Android
  • Smartphone
  • Games

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');