iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดในปีนี้ มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ซึ่งดูเหมือนรุ่นเริ่มต้นอย่าง iPhone 11 จะพัฒนาต่อยอดมาจาก iPhone XR ในปีที่แล้ว และมีคุณสมบัติดีกว่า iPhone X ถ้าไม่พูดถึงเรื่องวัสดุ ขณะที่ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นทายาทของ iPhone XS และ iPhone XS Max ตามลำดับ
ขณะที่ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max เป็น iPhone ที่ดีที่สุดของ Apple แต่ iPhone 11 ก็มีความสุดยอดในตัวเอง และมีคุณสมบัติที่น่าสนใจไม่แพ้รุ่น Pro โดยเว็บไซต์ Business Insider ได้ยกเหตุผลขึ้นมา 9 ข้อ ที่ทำให้ iPhone 11 น่าซื้อมากกว่า iPhone 11 Pro หรือ iPhone 11 Pro Max
1. iPhone 11 ราคาถูกกว่ามาก
รุ่นพื้นฐานของ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มีความจุ 64GB เท่ากัน โดยมีราคาเริ่มต้น 24,900 บาท, 35,900 บาท และ 39,900 บาท ตามลำดับ
นั่นหมายถึง ถ้าซื้อ iPhone 11 แทนที่จะซื้อ iPhone 11 Pro จะประหยัดเงินได้ 11,000 บาท และประหยัดได้ถึง 15,000 บาท ถ้าซื้อ iPhone 11 แทนที่จะซื้อ iPhone 11 Pro Max
2. iPhone 11 มีสีสันให้เลือกมากกว่า
iPhone 11 Pro กับ iPhone 11 Pro Max มีให้เลือก 4 สี คือ สีเขียวมิดไนท์กรีน, สีเทาสเปซเกรย์, สีเงิน และ สีทอง
แต่ iPhone 11 มีให้เลือก 6 สี คือ สีม่วง, สีเขียว, สีเหลือง, สีดำ, สีขาว และ สีแดง PRODUCT(RED)
3. iPhone 11 มีขนาดกำลังพอดี
iPhone 11 มาพร้อมจอแสดงผล 6.1 นิ้ว ซึ่ง Dave Smith จาก Business Insider เชื่อว่าเหมาะสำหรับคนส่วนใหญ่ แม้เขาจะชอบขนาดจอ 5.8 นิ้ว ของ iPhone 11 Pro มากที่สุด และมองว่าขนาดจอแสดงผล 6.5 นิ้ว ของ iPhone 11 Pro Max มีใหญ่เกินไป
4. iPhone 11 มีจอแสดงผลที่ยอดเยี่ยม
ถึงแม้ iPhone 11 จะไม่ได้ใช้จอแสดงผล OLED แบบเดียวกับ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max แต่จอแสดงผล Liquid Retina ของ iPhone 11 ก็ยังมีคุณภาพสูงและให้สีสันที่แม่นยำกว่าจอแสดงผล LCD ของสมาร์ทโฟนทั่วไป เรียกได้ว่า iPhone 11 มาพร้อมจอแสดงผล LCD ที่ดีที่สุดของสมาร์ทโฟนที่ใช้จอ LCD เหมือนกัน
5. iPhone 11 ได้รับระบบกล้องหลังเหมือนกัน
ระบบกล้องหลังของ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ประกอบไปด้วยกล้องไวด์ 12 ล้านพิกเซล กล้องอัลตร้าไวด์ 12 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้สเปกเดียวกัน แต่ iPhone 11 Pro กับ iPhone 11 Pro Max จะมาพร้อมกล้องตัวที่ 3 เป็นกล้องเทเลโฟโต้ 12 ล้านพิกเซล สำหรับการซูมแบบออปติคอล
นั่นหมายถึง ถ้าตัดเรื่องระบบซูมแบบออปติคอลออกไป iPhone 11 จะได้รับประสบการณ์การถ่ายภาพแบบเดียวกับ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max
6. ระบบกล้องหน้าเหมือนกัน
iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ใช้กล้องหน้าแบบเดียวกันหมด ด้วยกล้อง TrueDepth 12 ล้านพิกเซล สนับสนุนการบันทึกวีดีโอระดับ 4K และยังอัพเกรด Face ID ให้ปลดล็อคได้เร็วขึ้น สแกนใบหน้าในมุมที่กว้างขึ้น
7. ใช้ชิปประมวลผลตัวเดียวกัน
iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ได้รับชิปประมวลผล A13 Bionic เหมือนกันทั้ง 3 รุ่น ซึ่งมีประสิทธิภาพด้าน CPU ดีกว่า 20% ด้าน GPU ดีกว่า 30% และประหยัดพลังงานสูงสุด 40% เมื่อเทียบกับชิป A12 Bionic อีกทั้งระบบ Machine Learning Accelerators ยังทำงานได้มากกว่า 1 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที
8. อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนาน
ในปีที่แล้ว iPhone XR เป็น iPhone ที่มีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยาวนานที่สุด สามารถให้พลังงานยาวนาน 15.5 – 16.5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จครั้งเดียว แต่ในปีนี้ iPhone 11 มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิม 1 ชั่วโมง นั่นหมายถึง iPhone 11 สามารถให้พลังงานยาวนาน 16.5 – 17.5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม iPhone 11 Pro Max ยังมีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า iPhone 11 โดยสามารถให้พลังงานยาวนาน 18.5 – 19.5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จครั้งเดียว
9. มีฟีเจอร์เหมือนกันหลายอย่าง
iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ได้รับคุณสมบัติเหมือนกันหลายอย่าง เช่น ป้อนกันน้ำตามมาตรฐาน IP68, ระบบเสียง Dolby Atmos, การเชื่อมต่อ WiFi 6, ชิป U1, รองรับ 2 ซิมการ์ด, ฟีเจอร์กล้องใหม่อย่างอย่าง Night Mode, QuickTake และ Deep Fusion
อย่างไรก็ตาม iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ยังกันน้ำได้ลึกกว่า iPhone 11 ถึง 2 เท่า มีความเร็วในการดาวน์โหลดผ่าน LTE สูงกว่า มีกล้องเทเลโฟโต้ และใช้วัสดุโลหะที่แข็งแรงกว่า ขึ้นอยู่กับว่า คุณสมบัติเหล่านี้ คุ้มค่าพอที่จะจ่ายเงินเพิ่มอย่างน้อย 11,000 บาท หรือไม่
ที่มา – Business Insider
https://www.flashfly.net/wp/267378