Thursday, May 22, 2025
  • Contact us
Flashfly Dot Net
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
Flashfly Dot Net
No Result
View All Result
Home Feature

รีวิว iPad mini 6 สีม่วงเครื่องศูนย์ประเทศไทย จอ 8.3 นิ้ว ชิป A15 Bionic ใช้พอร์ต USB-C รองรับ Apple Pencil 2 ราคาเริ่มต้น 17,900 บาท

Jackrich T. by Jackrich T.
September 29, 2021
in Feature, iPhone, NEWS, Recommended, Review & Preview
0
SHARES
3.2k
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

Apple พร้อมทำตลาด iPad mini รุ่นใหม่ล่าสุด ในประเทศไทยแล้ว โดยมีความพิเศษที่ดีไซน์ใหม่แบบยกเครื่องเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการขยายจอแสดงผลให้ใหญ่ขึ้น แต่ขอบจอบางลงกว่าเดิมทำให้พกพาได้สะดวกกว่า อีกทั้งยังได้รับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ A15 Bionic แบบเดียวกับที่พบใน iPhone 13 นอกเหนือจากนี้ยังมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง? ทีมงาน @Flashfly พร้อมแล้วที่จะรีวิวให้ชม

สเปก iPad mini รุ่นที่ 6

  • จอภาพ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว
  • ชิปประมวลผล A15 Bionic
  • กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล
  • กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล
  • การเชื่อมต่อ Wi‑Fi 6 (2.4/5GHz), Bluetooth 5.0, USB-C
  • รุ่น Wi-Fi + Cellular รองรับ 5G, Gigabit LTE, UMTS, HSPA (ไม่รองรับ GSM/EDGE)
  • เซ็นเซอร์ Touch ID, 3-axis Gyro, Accelerometer, Ambient light sensor, Barometer
  • ระบบเสียง 2 ลำโพง
  • ท่องเว็บผ่าน Wi-Fi หรือดูวิดีโอได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง
  • ขนาดบอดี้ 195.4 x 134.8 x 6.3 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 293 กรัม (รุ่น Wi-Fi) / 297 กรัม (รุ่น Wi-Fi + Cellular)
  • มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Pink, Starlight, Purple และ Space Gray

แกะกล่อง iPad mini รุ่นที่ 6

กล่องของ iPad mini รุ่นใหม่ ยังถูกซีลด้วยพลาสติกใส มาในกล่องสีขาวที่หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพ iPad mini ขนาดใหญ่จนเกือบเต็มพื้นที่ หลังกล่องระบุความจุ ชื่อ iPad mini รุ่นที่ 6 เวอร์ชั่น Wi-Fi หรือ Wi-Fi + Cellular พร้อมให้รายละเอียดอุปกรณ์ในกล่อง

เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับ iPad mini เป็นอย่างแรก ซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยแผ่นพลาสติกพร้อมลิ้นช่วยดึงออกจากกล่อง

ถัดลงมาจะพบซองเอกสาร คู่มือการใช้งานเบื้องต้น เอกสารรับประกันตัวเครื่อง ในรูปแบบภาษาไทย รวมถึงเอกสารจาก กสทช.

ชั้นล่างสุดเป็นช่องเก็บอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ USB-C Power Adapter ขนาด 20 วัตต์ และสายชาร์จ USB-C (ยาว 1 เมตร)

ดีไซน์ใหม่หมด

iPad mini รุ่นที่ 6 ถูกพลิกโฉมการออกแบบครั้งใหญ่นับตั้งแต่รุ่นแรกที่ออกมาในปลายปี 2012 โดยมีการขยายจอแสดงผลใหญ่ขึ้นเป็น 8.3 นิ้ว จากเดิมที่มีขนาด 7.9 นิ้ว แต่ด้วยการออกแบบให้มีพื้นที่ขอบจอบางลง ทำให้ขนาดตัวเครื่องโดยรวมของ iPad mini รุ่นล่าสุด เล็กกว่ารุ่นก่อนทั้งที่มีขนาดหน้าจอใหญ่กว่า อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาลงกว่าเดิมด้วย ทำให้ iPad mini รุ่นที่ 6 พกพาได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

คุณภาพการผลิตและงานประกอบของ iPad mini รุ่นที่ 6 ยังคงสร้างความประทับใจได้เช่นเคย โดยใช้วัสดุอะลูมิเนียมที่ผ่านการรีไซเคิล 100% น้ำหนักเบาเพียง 293 กรัม จากรุ่นก่อนที่มีน้ำหนัก 300.5 กรัม ส่วนขอบรอบด้านแบนราบตามสไตล์ iPad Pro หรือ iPad Air รุ่นใหม่ และมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีม่วง, สีชมพู, สตาร์ไลท์ และ สีเทาสเปซเกรย์

ด้านหน้ามาพร้อมจอแสดงผล Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว รองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil (รุ่นที่ 2) แต่ไม่ได้แถมมาให้ ที่น่าสนใจก็คือการออกแบบใหม่ที่ทำให้ขอบจอแคบลงรอบด้าน ทำให้มีขนาดตัวเครื่องโดยลงเล็กกว่ารุ่นก่อน ทั้งที่จอใหญ่ขึ้น 

สาเหตุที่ iPad mini รุ่นที่ 6 จอใหญ่ขึ้น แต่ขนาดตัวเครื่องเล็กลง นอกจากจะเป็นเพราะพื้นที่ขอบจอบางลงแล้ว ยังเป็นเพราะการถอดปุ่มโฮมใต้หน้าจอออกไป ทำให้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Touch ID ถูกย้ายออกไปด้วย

Touch ID ไม่ได้หายไปไหน แต่ถูกย้ายไปไว้ที่ขอบด้านบน รวมกับปุ่มเพาเวอร์ขนาดใหญ่ แตะใช้งานได้อย่างถนัด ที่ด้านบนยังมีปุ่มปรับระดับเสียง และลำโพงสเตอริโอด้วย

ด้านล่างก็มีลำโพงสเตอริโอเช่นกัน ตรงกลางเป็นพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C จากเดิมที่ใช้พอร์ต Lightning จึงสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้กว้างขวางมากขึ้น

ถึงแม้ iPad mini รุ่นที่ 6 ดูเหมือนจะมีลำโพง 4 ตัว ด้วยการออกแบบช่องตะแกรงคู่ทั้งด้านบนและด้านล่าง แต่ที่จริงมีลำโพงเพียง 2 ตัวเท่านั้น และจะให้เสียงสเตอริโอเมื่อใช้งานในโหมดแนวนอน

ขอบด้านข้างมีความบาง 6.3 มิลลิเมตร ตรงกลางเป็นตำแหน่งของช่องต่อแบบแม่เหล็ก สำหรับแนบติดกับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 และถ้าเป็นรุ่น Wi-Fi + Cellular จะพบถาดใส่ซิมการ์ด (Nano-SIM) อยู่ทางฝั่งเดียวกัน

อีกข้างถูกปล่อยให้เรียบแบน ไม่มีปุ่มกดใดๆ แม้แต่ปุ่มปรับระดับเสียง ก็ถูกย้ายไปไว้ด้านบน

เหนือจอแสดงผล ยังติดกล้อง FaceTime HD มาให้เช่นเคย แต่ได้รับการปรับปรุงให้มีความละเอียดสูงขึ้น มุมมองกว้างมากขึ้น เพื่อรองรับฟีเจอร์ Center Stage หรือ จัดให้อยู่ตรงกลาง

ด้านหลังมาพร้อมกล้องหลัก ความละเอียดสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อน ถัดลงมามีรูไมโครโฟน และ แฟลช True Tone แบบ Quad-LED โดยมีโลโก้ Apple จัดอยู่ตรงกึ่งกลาง

โดยรวมแล้ว iPad mini รุ่นที่ 6 มีดีไซน์ที่แตกต่างไปจาก iPad mini ทุกรุ่นก่อนหน้านี้ ด้วยการขยายจอแสดงผลให้ใหญ่ขึ้น ไม่มีปุ่มโฮมใต้หน้าจออีกต่อไปแล้ว และยังมีส่วนขอบที่แบนราบ รวมถึงการเปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อจาก Lightning มาเป็น USB-C ทำให้ดูเหมือน iPad Air รุ่นที่ 4 ที่ถูกย่อขนาดให้เล็กลง

จอ 8.3 นิ้วใหญ่กว่าเดิม

iPad mini รุ่นที่ 6 มาพร้อมจอแสดงผล ขนาด 8.3 นิ้ว จากรุ่นก่อนที่มีขนาด 7.9 นิ้ว ถ้าคำนวณดูแล้วอาจจะดูเหมือนใหญ่ขึ้นเพียง 0.4 นิ้ว แต่นั่นเป็นการวัดในแนวทแยง ทำให้ขนาดที่เพิ่มขึ้นมาเพียง 0.4 นิ้ว ส่งผลให้มีพื้นที่จอแสดงผลกว้างมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน โดยที่มีขนาดตัวเครื่องโดยรวมเล็กลง

iPad mini รุ่นใหม่ล่าสุดใช้จอภาพ Liquid Retina พร้อมเทคโนโลยี IPS ให้ความชัดเจนแม้มองจากมุมกว้าง โดยมีความละเอียด 2266 x 1488 พิกเซล ความหนาแน่น 326 พิกเซลต่อนิ้ว ให้ความสว่าง 500 นิต รองรับการแสดงผลแบบ True Tone ขอบเขตสีกว้าง (P3) ผ่านการเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ และเคลือบสารกันแสงสะท้อน 

จอแสดงผลของ iPad mini รุ่นที่ 6 ยังสนับสนุนการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil (รุ่นที่ 2) โดยมีช่องต่อแบบแม่เหล็กที่ขอบด้านข้าง สำหรับแนบติดกับ Apple Pencil พร้อมชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ Apple Pencil แบบไร้สาย เพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น

Touch ID แบบใหม่

ปุ่มโฮมใต้หน้าจอที่เคยมีมาตั้งแต่รุ่นแรก ปัจจุบัน iPad mini รุ่นที่ 6 ไม่มีปุ่มโฮมใต้หน้าจออีกต่อไปแล้ว ส่วน Touch ID ที่เคยถูกรวมไว้กับปุ่มโฮมตั้งแต่ iPad mini รุ่นที่ 3 ก็ถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ โดยย้ายไปรวมกับปุ่มเพาเวอร์ด้านบน แบบเดียวกับ iPad Air รุ่นที่ 4 โดยทำหน้าที่ปลดล็อคเข้าใช้งาน iPad และยืนยันตัวตนสำหรับทำรายการซื้อจาก iTunes Store และ App Store รวมถึงรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวภายในแอป

กล้องหน้าอัลตร้าไวด์  

กล้องหน้าของ iPad mini รุ่นที่ 6 ก็ได้รับการปรับปรุงด้วยเช่นกันทั้งความละเอียดสูงขึ้น และรองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ โดยมาพร้อมกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมมองภาพ 122 องศา ขนาดรูรับแสง f/2.4 รองรับฟีเจอร์ Smart HDR 3 แบบเดียวกับกล้องหลัง มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ โหมดภาพถ่ายต่อเนื่อง และสามารถบันทึกภาพถ่ายและ Live Photos ด้วยขอบเขตสีกว้าง

กล้องหน้าสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มาพร้อมโหมด Time‑lapse ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว, ช่วงไดนามิกกว้างขึ้นสำหรับวิดีโอที่มีอัตราความเร็วของเฟรมสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที และมีระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวในคุณภาพระดับภาพยนตร์ (1080p และ 720p)

ฟีเจอร์ใหม่ Center Stage

ฟีเจอร์ Center Stage หรือ จัดให้อยู่ตรงกลาง เปิดตัวพร้อมกับ iPad Pro รุ่นล่าสุดที่ใช้ชิป M1 และตอนนี้ก็มาอยู่ใน iPad mini รุ่นที่ 6 แล้ว ช่วยให้ผู้ใช้งานวิดีโอแชทผ่าน FaceTime ด้วยกล้องหน้า Ultra Wide ที่ให้มุมมองภาพ 122 องศา โดยฟีเจอร์ Center Stage จะช่วยแพนกล้องให้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีคนช่วยถือ และถ้ามีบุคคลคื่นเข้ามาอยู่ในเฟรมด้วย Center Stage ก็สามารถตรวจจับได้ และจะซูมออกเพื่อให้ผู้ใช้งานกับเพื่อนได้ร่วมเฟรมเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้อาศัย Machine Learning หรือการเรียนรู้ของระบบขั้นสูง จึงไม่ต้องมีใครมาคอยถือ iPad และช่วยควบคุมกล้องแต่อย่างใด

กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล

กล้องหลังของ iPad mini รุ่นที่ 6 ได้รับการปรับปรุงขึ้นอย่างมกาเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน มาพร้อมกล้อง Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/1.8 จากรุ่นก่อนที่มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ทำให้ iPad mini รุ่นใหม่ถ่ายภาพได้คมชัดขึ้น โดยเฉพาะภาพถ่ายในสภาพแสงน้อย อีกทั้งยังมีแฟลช True Tone แบบ Quad-LED ติดตั้งมาให้ด้วย

กล้อง Wide ของ iPad mini รุ่นใหม่ ประกอบด้วยชุดเลนส์ 5 ชิ้น สามารถซูมได้สูงสุด 5 เท่าแบบดิจิทัล ใช้ระบบออโต้โฟกัสแบบ Focus Pixels มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ รองรับโหมด Panorama (สูงสุด 63MP), Burst (โหมดภาพถ่ายต่อเนื่อง) และบันทึกภาพถ่ายและ Live Photos ด้วยขอบเขตสีกว้าง

นอกจากนี้ iPad mini รุ่นที่ 6 ยังได้รับประโยชน์จาก ISP ใหม่ในชิป A15 Bionic ทำให้รองรับ Smart HDR 3 ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพของรูปภาพโดยการกู้คืนรายละเอียดในส่วนที่เป็นเงามืดและมีความสว่างสูง

สำหรับการถ่ายวิดีโอ รองรับความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มาพร้อมโหมด Time‑lapse ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว, Slo‑mo (ความละเอียดสูงสุด 1080p ที่ 240 เฟรมต่อวินาที), ช่วงไดนามิกกว้างขึ้นสำหรับวิดีโอที่มีอัตราความเร็วของเฟรมสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที และมีระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวในคุณภาพระดับภาพยนตร์ (4K, 1080p และ 720p)

ขุมพลังจากชิป A15 Bionic

iPad mini รุ่นที่ 6 ได้รับการเปิดตัวทางการพร้อมกับ iPhone 13 series และยังได้รับชิปประมวลผลรุ่นเดียวกันด้วย นั่นคือชิป A15 Bionic ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 5 นาโนเมตร ประกอบด้วย CPU แบบ 6-core ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 40% และ GPU แบบ 5-core ให้ประสิทธิภาพกราฟิกสูงขึ้นถึง 80% อีกทั้งยังมาพร้อม Neural Engine แบบ 16-core และตัวเร่งความเร็วสำหรับ ML ใหม่ใน CPU ที่สามารถประมวลผลการทำงานด้านการเรียนรู้ของระบบที่เร็วขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับ iPad mini รุ่นก่อนหน้า

ด้วยประสิทธิภาพของชิป A15 Bionic ช่วยให้ iPad mini รุ่นที่ 6 ตอบสนองการใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวิดโอ 4K เล่นเกมที่เน้นกราฟิกสวยงามสมจริง รวมไปถึงแอปพลิเคชั่นระดับมืออาชีพ ไม่ว่าจะแต่งเพลง แอปเกี่ยวกับการออกแบบ ไปจนถึงแอปที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพของนักบิน และแพทย์ 

นอกจากนี้ Machine Learning ที่เร็วขึ้น 2 เท่า ยังช่วยให้ iPad mini รุ่นที่ 6 รองรับฟีเจอร์ Live Text ซึ่งอาศัยระบบอัจฉริยะบนอุปกรณ์ช่วยตรวจหาข้อความในรูปภาพและให้ผู้ใช้งานทำสิ่งต่างๆ กับข้อความนั้นได้ แม้แต่แปลข้อความจากรูปภาพเป็นภาษาต่างๆ ได้ถึง 7 ภาษา

การเชื่อมต่อมาตรฐานใหม่ Wi‑Fi 6 ,5G และ USB-C

iPad mini รุ่นที่ 6 ได้รับการปรับปรุงระบบเชื่อมต่อทั้งแบบใช้สายและไร้สาย โดยรองรับ Wi‑Fi 6 (802.11a/b/g/n/ac/ax) ให้ความเร็วสูงสุด 1.2 Gbps จากรุ่นก่อนที่ใช้ Wi‑Fi 5 (802.11a/b/g/n/ac) ให้ความเร็วสูงสุด 866 Mbps อย่างไรก็ตาม การเชื่อมต่อ Wi‑Fi 6 จำเป็นต้องอาศัย Wi‑Fi Router ที่รองรับมาตรฐาน 802.11ax ด้วย 

สำหรับ iPad mini รุ่นที่ 6 ที่เป็นเวอร์ชั่น Wi-Fi + Cellular ที่สามารถใส่ซิมการ์ดได้ ก็รองรับเครือข่าย 5G (ความเร็วสูงสุดถึง 3.5Gbps) จากเดิมที่รองรับสูงสุด 4G LTE และในรุ่นใหม่ล่าสุดยังรองรับ 4G LTE ระดับ Gigabit (สูงสุด 32 ย่านความถี่) จึงมีความเร็วในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น เสถียรขึ้น โดยยังรองรับเฉพาะการใช้งานข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถใช้โทรได้ (นอกจากจะโทรผ่าน FaceTime หรือแอปแชทต่างๆ)

สำหรับการเชื่อมต่อโดยใช้สาย iPad mini รุ่นที่ 6 ได้เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C จากเดิมที่เป็น Lightning ช่วยให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้สูงสุด 5Gbps เร็วกว่าในรุ่นก่อนหน้าถึง 10 เท่า และรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม USB-C ได้กว้างขวางหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกล้องโปร อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก และจอภาพความละเอียดสูงสุดถึง 4K ช่วยยกระดับให้ iPad mini กลายเป็นอุปกรณ์สำหรับการทำงานขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ทำงานสร้างสรรค์แบบมืออาชีพ ช่างภาพที่ต้องการเชื่อมต่อกับกล้องขณะถ่ายภาพหน้างาน หรือ แพทย์ที่ต้องตรวจวินิจฉัยด้วยคลื่นความถี่สูงจากระยะไกล และแน่นอนว่าผู้ใช้งานทั่วไป จะได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

แบตเตอรี่ใช้ต่อเนื่องนาน 10 ชั่วโมง

ด้วยชิปประมวลผล A15 Bionic ทำให้ iPad mini รุ่นที่ 6 ประหยัดพลังงานมากขึ้น ให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานตลอดวัน โดยใช้แบตเตอรี่ Lithium Polymer 19.3 Wh สามารถท่องเว็บผ่าน Wi-Fi หรือดูวิดีโอได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง ขณะที่เวอร์ชั่น Wi-Fi + Cellular จะลดลงไป 1 ชั่วโมง 

เมื่อถึงเวลาเติมพลังงาน โชคดีที่ในกล่อง  iPad mini รุ่นที่ 6 แถมอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่มาให้ด้วย (USB-C Power Adapter ขนาด 20 วัตต์) พร้อมสายชาร์จ USB-C ยาว 1 เมตร หรือจะชาร์จจากเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB‑C ก็ได้เช่นกัน

ระบบปฏิบัติการ iPadOS 15

iPad mini รุ่นที่ 6 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iPadOS 15 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่ Apple ปล่อยออกมาให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้อัพเดทเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถเฉพาะตัวของ iPad ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้ความอเนกประสงค์ของ iPad mini ให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่าเดิม และมาพร้อมฟีเจอร์ๆ ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

  • ส่วนเลย์เอาท์วิดเจ็ตใหม่สำหรับหน้าจอ Home Screen และ App Library ช่วยให้สามารถปรับแต่ง iPad mini ให้เหมาะกับผู้ใช้งายรวมถึงจัดระเบียบแอปได้อย่างดี 
  • การจดโน้ตก็สามารถทำได้แล้วทั้งระบบ ด้วย Quick Note ที่มอบวิธีใหม่ๆ ในการทำงานร่วมกันและจัดระเบียบสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือพิมพ์ด้วย Apple Pencil
  • แอป Translate มาอยู่บน iPad พร้อมคุณสมบัติใหม่ๆ ที่ทำให้การสนทนาง่ายและเป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม ซึ่งรวมไปถึงการแปลภาษาอัตโนมัติ และมุมมองแบบเห็นหน้าด้วย
  • การทำงานแบบ Multitasking ที่ง่ายดายขึ้นกว่าเดิมด้วยการทำให้คุณสมบัติอย่าง Split View และ Slide Over สามารถค้นพบได้ง่ายขึ้น ใช้งานได้ง่ายขึ้น รวมทั้งทรงพลังกว่าเดิม
  • ฟีเจอร์ Live Text ซึ่งใช้ระบบอัจฉริยะบนอุปกรณ์เพื่อตรวจหาข้อความในรูปภาพแล้วให้ผู้ใช้ทำสิ่งต่างๆ กับข้อความนั้นได้ ตัวอย่างเช่น ภาพถ่ายหน้าร้านอาจแสดงหมายเลขโทรศัพท์และตัวเลือกให้โทรไป
  • Swift Playgrounds 4 เพิ่มความสามารถในการสร้างแอป iPhone และ iPadแล้วส่งแอปเหล่านั้นไปยัง App Store ได้โดยตรง
  • การโทร FaceTime เพลิดเพลินกับประสบการณ์ที่ใช้ร่วมกันเมื่อโทร FaceTime ด้วย SharePlay ฟังเพลงด้วยกัน รับชมภาพยนตร์ หรือรายการทีวีไปพร้อมกับเพื่อนๆ หรือจะแชร์หน้าจอแบบเรียลไทม์ในระหว่าง FaceTime 
  • แถบปุ่มลัดคีย์บอร์ดที่ได้รับการออกแบบใหม่และมุมมองปุ่มลัดคีย์บอร์ดใหม่จะทำให้การใช้คีย์บอร์ดภายนอกทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น

สรุปราคาและการวางจำหน่าย

iPad mini รุ่นที่ 6 ได้รับการยกเครื่องใหม่หมด ทั้งดีไซน์ และ ประสิทธิภาพ สำหรับใครที่ใช้ iPad mini รุ่นก่อนหน้านี้ และต้องการเปลี่ยนมาใช้รุ่นใหม่ล่าสุด ถือเป็นการอัพเกรดที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน ด้วยชิปประมวลผลที่ทรงพลัง A15 Bionic ระบบกล้อง 12 ล้านพิกเซล ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง สามารถใช้ถ่ายภาพและวิดีโอได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพา iPhone อยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้ iPad mini รุ่นที่ 6 รองรับการทำงานด้านตัดต่อวิดีโอตั้งแต่ต้นจนจบในเครื่องเดียว 

สรุปแล้ว iPad mini รุ่นที่ 6 เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการ iPad ประสิทธิภาพสูง ในขนาดที่พกพาสะดวก ตอบสนองการทำงานรอบด้าน ตั้งแต่การใช้งานด้านความบันเทิงทั่วไป ไปจนถึงการเล่นเกมที่มีกราฟิกคุณภาพสูง และแอปพลิเคชั่นระดับมืออาชีพ โดยมีพอร์ต USB-C ที่ช่วยขยายการใช้งาน iPad mini รุ่นที่ 6 ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

ราคา

iPad mini รุ่นที่ 6 เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทย 30 กันยายน 2564 เป็นวันแรก แต่ช่วงแรกยังมีให้เลือกเฉพาะ Wi-Fi เท่านั้น มาในสีชมพู สีสตาร์ไลท์ สีม่วง และ สีเทาสเปซเกรย์ มีตัวเลือกและราคาแตกต่างกันดังนี้

  • iPad mini รุ่นที่ 6 รุ่น Wi-Fi ความจุ 64GB ราคา 17,900 บาท
  • iPad mini รุ่นที่ 6 รุ่น Wi-Fi ความจุ 256GB ราคา 23,400 บาท
  • iPad mini รุ่นที่ 6 รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 64GB ราคา 23,400 บาท
  • iPad mini รุ่นที่ 6 รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 256GB ราคา 28,900 บาท

สำหรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 2) วางจำหน่ายแยกต่างหากในราคา 4,490 บาท และ Smart Folio สำหรับ iPad mini วางจำหน่ายในราคา 2,590 บาท มาในสีดำ สีขาว สีเชอรี่เข้ม สีอิงลิชลาเวนเดอร์ และ สีส้มอิเล็คทริค




Tags: AppleipadiPad mini 6iPad mini Gen 6iPad mini รุ่นที่ 6Review
ShareTweetShare

Related Posts

เหตุผล 6 ข้อ ที่ทำให้ Galaxy S25 Ultra เหนือกว่า iPhone 16 Pro Max
iPhone

ความภักดีต่อแบรนด์ Apple ในสหรัฐอเมริกาลดลงเล็กน้อย ขณะที่ Samsung เพิ่มขึ้น

May 22, 2025
รีวิว Xiaomi 212W HyperCharge Power Bank 24500 แบตเตอรี่พกพาความจุสูง ชาร์จเร็วสูงสุด 212W พกพาขึ้นเครื่องบินได้
Feature

รีวิว Xiaomi 212W HyperCharge Power Bank 24500 แบตเตอรี่พกพาความจุสูง ชาร์จเร็วสูงสุด 212W พกพาขึ้นเครื่องบินได้

May 20, 2025
รีวิว Sonos Arc Ultra สุดยอดลำโพง Soundbar ระดับพรีเมียม ระบบเสียงรอบทิศทาง 9.1.4 CH รองรับการควบคุมทั้ง iOS และ Andorid
Feature

รีวิว Sonos Arc Ultra สุดยอดลำโพง Soundbar ระดับพรีเมียม ระบบเสียงรอบทิศทาง 9.1.4 CH รองรับการควบคุมทั้ง iOS และ Andorid

May 19, 2025
Load More
  • ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    356 shares
    Share 0 Tweet 0
  • วาร์ปสู่โลกใหม่!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy S24 Series ครบทุกรุ่นทุกสี พร้อมใช้งาน Galaxy AI สุดล้ำ

    101 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy Tab A9+ แท็บเล็ตสุดคุ้มจอ 11 นิ้วรีเฟรช 90Hz ใช้ชิป Snapdragon 695 รองรับ 5G ระบบเสียง Dolby Atmos ราคา 8,990 บาท

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy S23 FE มาอย่างพี๊คคค สเปกแฟล็กชิป ในราคาเป็นมิตร จอ 120Hz กล้องหลัง 3 ตัว 50MP ซูม 3x คมกริบ แบต 4,500mAh

    502 shares
    Share 0 Tweet 0
  • วิธีเปลี่ยนภาพความละเอียดต่ำให้คมชัดด้วยเทคโนโลยี AI ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆได้ที่นี่

    2 shares
    Share 2 Tweet 0

Browse by Category

  • AIS
  • Android
  • App Free
  • BlackBerry 10
  • dtac
  • EV Car
  • Feature
  • Flashfly Online Channel
  • Games
  • iPhone
  • Lifestyle
  • NEWS
  • Nintendo
  • Nokia
  • OPPO
  • Playstation
  • PR News
  • Recommended
  • Review & Preview
  • Samsung
  • Smartphone
  • Tips&Tricks
  • Truemove H
  • Windows Phone

Recent News

ทรู ชดเชยผู้ได้รับผลกระทบใช้ดาต้าฟรี 10GB โทรฟรี 100 นาที ใช้งานได้ 24 ชั่วโมง รอรับ SMS แจ้ง

ทรู ชดเชยผู้ได้รับผลกระทบใช้ดาต้าฟรี 10GB โทรฟรี 100 นาที ใช้งานได้ 24 ชั่วโมง รอรับ SMS แจ้ง

May 22, 2025
Jony Ive อดีตหัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Apple จับมือกับซีอีโอของ OpenAI สร้างอุปกรณ์ AI ส่วนบุคคล

อุปกรณ์ AI ของ Jony Ive จะเป็นอุปกรณ์หลักชิ้นที่ 3 รองจาก MacBook และ iPhone

May 22, 2025
  • About
  • Advertise
  • Privacy & Policy
  • Contact

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');

No Result
View All Result
  • NEWS
  • Review & Preview
  • iPhone
  • Android
  • Smartphone
  • Games

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');