ข่าวดีสำหรับผู้ใช้งาน Apple Watch และ AirPods Pro 2 ในประเทศไทย เพราะวันนี้สามารถใช้งานฟีเจอร์แจ้งเตือนภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ( Sleep Apnea ) ได้แล้ว ขณะที่ AirPods Pro 2 มาพร้อมฟีเจอร์ดูแลสุขภาพการได้ยิน ( Hearing Aid ) ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนหูฟังเพลงทั่วไปให้กลายเป็นอุปกรณ์ช่วยฟังคุณภาพเดียวกับที่ใช้ในคลินิกที่สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องพบแพทย์หรือมีใบสั่งยา ทั้ง 2 ฟีเจอร์นี้ใช้งานในประเทศไทยได้แล้ว โดยจะต้องใช้งานคู่กับ iOS 18.1 ขึ้นไป และ Apple Watch Series 9 ขึ้นไป , Apple Watch Ultra 2 ที่ติดตั้ง watchOS 11 ขึ้นไป

ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ Sleep Apnea

- การนอนหลับเป็นองค์ประกอบสำคัญของสุขภาพ เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อสภาวะของร่างกายและจิตใจโดยรวม ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับเป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อยซึ่งเกิดจากการที่การหายใจหยุดลงเป็นช่วงๆ ระหว่างการนอนและส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ภาวะนี้คาดว่าส่งผลกระทบต่อผู้คนมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก และในหลายกรณียังไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา ภาวะนี้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง เบาหวานชนิดที่ 2 และปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
- Apple Watch มาพร้อมตัวชี้วัดการรบกวนการหายใจที่ใช้อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวเล็กๆ ของข้อมือซึ่งสัมพันธ์กับรูปแบบการหายใจที่ผิดปกติระหว่างการนอนหลับ โดย Apple Watch จะวิเคราะห์ข้อมูลนี้ทุก ๆ 30 วัน และแจ้งเตือนผู้ใช้หากตรวจพบสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับในระดับปานกลางถึงรุนแรง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับขั้นตอนต่อไป รวมถึงการวินิจฉัยและการรักษาที่เป็นไปได้
- คุณภาพของการนอนหลับโดยรวมก็มีความสำคัญเช่นกัน การรบกวนการหายใจจึงช่วยประเมินคุณภาพของการนอนหลับได้ด้วย ซึ่งตัวชี้วัดนี้อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เช่น แอลกอฮอล์ ยา ท่าทางขณะนอน และอื่น ๆ ผู้ใช้สามารถดูค่าการรบกวนการหายใจเป็นรายคืนในแอปสุขภาพ ซึ่งจัดประเภทเป็น “สูงขึ้น” หรือ “ไม่สูงขึ้น” และดูย้อนหลังได้แบบรายเดือน รายครึ่งปี หรือรายปี
- ผู้ใช้ยังสามารถส่งออกไฟล์ PDF ที่แสดงช่วงเวลาที่อาจเกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ข้อมูลการรบกวนการหายใจย้อนหลัง 3 เดือน และข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้พูดคุยกับแพทย์ได้อย่างมีข้อมูล นอกจากนี้ยังมีบทความเกี่ยวกับภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับให้ศึกษาผ่านแอปสุขภาพเช่นกัน
- อัลกอริทึมการแจ้งเตือนภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับนี้พัฒนาขึ้นโดยใช้การเรียนรู้ของระบบขั้นสูงและข้อมูลจากการทดสอบการหยุดหายใจขณะนอนหลับในระดับคลินิกจำนวนมาก คุณสมบัตินี้ได้ ผ่านการทดสอบ ในการวิจัยทางคลินิกซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่สำหรับเทคโนโลยีด้านภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ โดยในการศึกษาทางคลินิกเพื่อทดสอบผลนั้น ผู้เข้าร่วมทุกรายที่อัลกอริทึมตรวจพบล้วนมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับอย่างน้อยในระดับเล็กน้อย

สุขภาพการได้ยิน – การทดสอบการได้ยิน
- ภาวะสูญเสียการได้ยินมักเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังเผชิญกับภาวะนี้อยู่ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจถึงสุขภาพการได้ยินของตนเองได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น Apple จึงเปิดตัวแบบทดสอบการได้ยินระดับคลินิกที่ใช้งานได้ง่ายโดยอิงจากวิธีมาตรฐานทางการแพทย์ที่เรียกว่าการตรวจสมรรถภาพการได้ยินด้วยเสียงบริสุทธ์ (pure-tone audiometry) ซึ่งผู้ใช้สามารถทำได้ด้วยตนเองผ่าน AirPods Pro และ iPhone หรือ iPad ที่รองรับ
- ผู้ใช้สามารถทำแบบทดสอบนี้ได้สะดวกจากที่บ้านของผู้ใช้งานโดยใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเท่านั้น คุณสมบัติการทดสอบการได้ยินนี้ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ด้านเสียงขั้นสูง พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานแบบอินเทอร์แอ็คทีฟให้กับผู้ใช้ เมื่อผู้ใช้ทำแบบทดสอบเสร็จ พวกเขาจะเห็นสรุปผลที่เข้าใจง่าย ซึ่งจะแสดงตัวเลขระดับการสูญเสียการได้ยินของหูแต่ละข้าง การจำแนกประเภท และคำแนะนำที่เหมาะสม ผลลัพธ์ของการทดสอบซึ่งรวมถึงภาพกราฟเสียงจะจัดเก็บไว้อย่างเป็นส่วนตัวและปลอดภัยในแอปสุขภาพ และสามารถแชร์ให้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อใช้ประกอบการพูดคุยอย่างมีข้อมูลยิ่งขึ้นได้
- การทดสอบการได้ยินได้รับการพัฒนาต่อยอดจากองค์ความรู้ในการศึกษาด้านการได้ยินของ Apple โดยอิงจากข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมจากการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน จากนั้น จึงมีการทดสอบโดยเปรียบเทียบกับมาตรฐานสูงสุดทางคลินิกอย่างการตรวจสมรรถภาพการได้ยินด้วยเสียงบริสุทธ์
สุขภาพการได้ยิน – อุปกรณ์ช่วยฟัง

- งานวิจัยระดับโลกพบว่าภาวะสูญเสียการได้ยินมักไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม และข้อมูลจากการศึกษาด้านการได้ยินของ Apple พบว่า 75% ของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะสูญเสียการได้ยินยังไม่ได้รับความช่วยเหลือหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นในการสนับสนุนการได้ยินของตนเอง
- AirPods Pro 2 จึงมาพร้อมความสามารถใหม่สุดล้ำในการทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ช่วยฟังโดยไม่ต้องพบแพทย์หรือมีใบสั่งยาสำหรับผู้ที่มีภาวะสูญเสียการได้ยินในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ด้วยโปรไฟล์การฟังเฉพาะบุคคลที่ได้จากการทดสอบการได้ยิน คุณสมบัติใหม่นี้จะเปลี่ยน AirPods Pro 2 ให้กลายเป็นอุปกรณ์ช่วยฟังระดับคลินิก หลังจากตั้งค่าแล้ว คุณสมบัตินี้จะปรับเสียงแบบไดนามิกให้เหมาะกับผู้ใช้โดยอัตโนมัติและช่วยขยายเสียงรอบตัวแบบเรียลไทม์ สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการสนทนาได้ดีขึ้น และเชื่อมต่อกับผู้คนรวมถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้อย่างไม่สะดุด ด้วยคุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยมของ AirPods Pro โปรไฟล์การฟังเฉพาะบุคคลของผู้ใช้จะถูกนำไปใช้กับเสียงเพลง ภาพยนตร์ เกม และการโทรบนทุกอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติม ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าอุปกรณ์ช่วยฟังด้วยกราฟเสียงที่จัดทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพการได้ยินอีกด้วย
- คุณสมบัติอุปกรณ์ช่วยฟังนี้ได้ผ่านการทดสอบทางคลินิก ซึ่งประเมินประสิทธิภาพที่ผู้ใช้รับรู้ได้ของคุณสมบัตินี้และการตั้งค่าแบบปรับแต่งได้ โดยเปรียบเทียบกับการตั้งค่าที่ดำเนินการโดยนักโสตสัมผัสวิทยา
- หลังจากทำแบบทดสอบการได้ยินแล้ว โปรไฟล์การฟังเฉพาะบุคคลของผู้ใช้ยังสามารถช่วยปรับประสบการณ์การฟังผ่าน AirPods Pro 2 ให้เหมาะสมยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะมีภาวะสูญเสียการได้ยินเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ก็ยังได้รับประโยชน์จากการปรับเสียงในย่านความถี่เฉพาะได้เช่นเดียวกัน และเพื่อมอบประสบการณ์การฟังที่ดีที่สุด ยังมีการเปิดตัวผู้ช่วยสื่อซึ่งเป็นคุณสมบัติใหม่ที่ช่วยขยายเสียงบางส่วนของบทสนทนาในระหว่างการโทร หรือเสียงเครื่องดนตรีในเพลงประกอบให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ในกลุ่มกว้างขึ้น
- คุณสมบัติเหล่านี้เป็นการต่อยอดจากเครื่องมือดูแลสุขภาพการได้ยินที่ Apple มีให้กับผู้ใช้อยู่แล้วในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น ในแอปเสียงรบกวน ผู้ใช้ Apple Watch สามารถเปิดการแจ้งเตือนได้เมื่อระดับเสียงรอบข้างอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพการได้ยินของตัวเอง ผู้ใช้สามารถตั้งค่าจำกัดระดับเสียงของหูฟังได้บน iPhone โดยเปิดคุณสมบัติการลดเสียงดัง แล้วเลื่อนแถบควบคุมไปยังระดับเดซิเบลที่ต้องการ Apple ยังมีคุณสมบัติด้านการช่วยการเข้าถึงเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ปรับแต่งการตั้งค่าให้สอดคล้องกับความต้องการด้านการได้ยินของตนเองได้อย่างเหมาะสม
สุขภาพการได้ยิน – การลดเสียงดัง

- จากผลการศึกษาด้านการได้ยินของ Apple ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงสาธารณะแบบเสมือนจริงในระยะยาวที่จัดทำร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน และองค์การอนามัยโลก พบว่าหนึ่งในสามของผู้คนต้องเผชิญกับเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมในระดับดังเป็นประจำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการได้ยินของพวกเขาได้ สถานการณ์เหล่านี้รวมถึงกิจกรรมทั่วไป เช่น การนั่งรถไฟใต้ดินในระหว่างเดินทาง ตัดหญ้าที่บ้าน เข้าร่วมชมการแข่งขันกีฬา และอื่นๆ อีกมากมาย
- เพื่อช่วยลดการสัมผัสกับเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมโดยไม่ลดทอนคุณภาพเสียงที่ผู้ใช้กำลังฟัง AirPods Pro 2 จึงมาพร้อมคุณสมบัติการลดเสียงดัง โดยจุกหูฟังจะช่วยลดเสียงรบกวนแบบพาสซีฟ ขณะที่ชิป H2 จะช่วยลดเสียงดังแบบแอ็คทีฟได้ถึง 48,000 ครั้งต่อวินาที คุณสมบัติการลดเสียงดังนี้จะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติในโหมดฟังเสียงภายนอกและโหมดเสียงที่ปรับตามสภาพแวดล้อม ซึ่งสามารถช่วยลดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่มีเสียงดังหลากหลายรูปแบบ และด้วยอัลกอริทึมมัลติแบรนด์แบบใหม่หมดที่มีช่วงไดนามิกสูง เสียงในกิจกรรมสดอย่างคอนเสิร์ตจะยังคงฟังเป็นธรรมชาติและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น






