vivo กำลังจะเปิดตัวระบบปฏิบัติการ OriginOS 6 ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ที่งาน vivo Developer Conference โดยครั้งนี้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก vivo มีแผนขยาย OriginOS 6 ออกไปทั่วโลก สำหรับสมาร์ทโฟน vivo และ iQOO จากเดิมที่จำกัดเฉพาะในจีน หมายความว่าในอนาคต FuntouchOS จะถูกแทนที่ด้วย OriginOS

Bucky ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ระบบปฏิบัติการของ vivo ได้แชร์ผลการทดสอบ OriginOS 6 บนสมาร์ทโฟน vivo X300 Series ซึ่งพบว่าสามารถเปิดแอปพลิเคชันได้สูงสุด 52 แอปติดต่อกันหลายครั้ง โดยไม่มีอาการกระตุก แม้ตัวเครื่องจะวัดอุณหภูมิได้ถึง 48 องศาเซลเซียส
vivo มุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาสมาร์ทโฟนกระตุกระหว่างเล่นเกม หรืออินเทอร์เฟซที่ช้าลงเมื่อใช้งานหนัก โดยสร้างระบบแกนหลักของ Android ขึ้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งให้ความสำคัญกับ การประมวลผล, จอแสดงผล และ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล
การประมวลผลในปัจจุบันทำงานบน HyperCore Computing ซึ่งเป็นระบบที่ทำงานคล้ายกับผู้ช่วยอัจฉริยะมากกว่าตัวจัดตารางเวลาแบบตายตัว แทนที่จะปล่อยให้งานเบื้องหลังกินทรัพยากรมากเกินไป ระบบจะจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริง เพื่อให้การเล่นเกมหรือวิดีโอคอลราบรื่นไม่ติดขัด
ประสิทธิภาพของจอแสดงผลขับเคลื่อนด้วย Unified Rendering Architecture ใหม่ ลองนึกภาพการย้ายเข้าไปในอาคารที่ครั้งหนึ่งเคยมีเพียงบันได แล้วจู่ๆ ก็มีลิฟต์อยู่ที่นั่น การเลื่อนหน้าจอจะเบาและลื่นไหล ขณะที่ภาพเคลื่อนไหวที่หนักหน่วงและเกมที่ต้องใช้ทรัพยากรมากจะถูกยกระดับขึ้นอย่างง่ายดาย
พื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้รับการออกแบบใหม่ด้วย “ETC Fast Lane” สำหรับงานเร่งด่วน ช่วยให้กระบวนการสำคัญต่างๆ ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นโดยไม่เกิดความล่าช้า vivo ยังอ้างว่าสามารถแก้ไขปัญหาจุดบอด DMA ที่ซับซ้อนได้เป็นครั้งแรกของโลก ช่วยให้การใช้งานหน่วยความจำมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากการอัปเกรดประสิทธิภาพ OriginOS 6 ยังดีไซน์อินเทอร์เฟซใหม่ ให้ความรู้สึกสว่างขึ้น ชัดเจนขึ้น และสบายตาขึ้น โดยไม่ลดทอนความสามารถในการอ่าน แทนที่ดีไซน์ทีบแสงด้วยวัสดุโปร่งแสงแบบไดนามิกใหม่ ช่วยเพิ่มความสดใสในส่วนที่สำคัญ และลดความนุ่มนวลในส่วนที่มืดลง สร้างสมดุลที่ตัวอักษรยังคงคมชัด และพื้นหลังดูมีชีวิตชีวาด้วยมิติความลึกที่ละเอียดอ่อน
อินเทอร์เฟซใหม่ของ OriginOS 6 ยังได้ปรับปรุงการเบลอภาพแบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยี Three-Layer Coloring และอัลกอริทึม Anti-Ripple เพื่อให้ภาพดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพเบลอที่ไม่เพียงแต่ดูเหมือนซอฟต์แวร์ แต่ยังให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการรับรู้ของดวงตามนุษย์ในพื้นที่และแสงมากขึ้น เมื่อนำไปใช้กับองค์ประกอบทั้งแบบเต็มหน้าจอและเฉพาะส่วน จะช่วยสร้างความอบอุ่นและมิติให้กับอินเทอร์เฟซ
ที่มา – Innogyan






