เริ่มวางจำหน่ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ iPhone 17 Pro Max ที่เรียกได้ว่าเป็น iPhone ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ พร้อมยกระดับกล้องขึ้นไปอีกขั้น ขณะที่คู่แข่งอย่าง Samsung ก็มี Galaxy S25 Ultra ที่ยืนหยัดมาตั้งแต่ต้นปี ถือเป็นเรือธงที่ดีที่สุดอีกหนึ่งรุ่นทางฝั่ง Android ที่สามารถต่อสู้กับ iPhone 17 Pro Max ได้อย่างสูสี แต่จะดีพอล้มน้องใหม่ในสังเวียนได้หรือไม่? ทีมงาน @flashfly ได้นำทั้งคู่มาเปรียบเทียบให้ชมแล้ว

ดีไซน์การออกแบบไทเทเนียม vs อลูมิเนียม

เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน iPhone 17 Pro Max มีดีไซน์ที่แตกต่างไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการออกแบบกล้องหลัง ที่คราวนี้มีกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่มารองรับโมดูลกล้องหลังทั้ง 3 ตัว รวมถึงแฟลช ไมโครโฟน และ สแกนเนอร์ LiDAR ส่วนด้านหน้ายังดูเหมือนกับรุ่นก่อน มาพร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.9 นิ้ว และ Dynamic Island อันเป็นเอกลักษณ์


ทางด้าน Galaxy S25 Ultra ไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ยังดูคล้ายกับ Galaxy S24 Ultra แต่ได้รับการปรับปรุงส่วนขอบให้โค้งมนมากขึ้น เพื่อให้จับถือได้ถนัดมือ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงขอบหน้าจอให้บางลงกว่าเดิม ทำให้มีพื้นที่หน้าจอใหญ่ขึ้น 0.1 นิ้ว เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน โดยมีขนาดหน้าจอ 6.9 นิ้ว พร้อมรองรับการทำงานร่วมกับ S Pen ที่ไม่มีในคู่แข่ง


ถึงแม้ทั้งคู่จะมีขนาดหน้าจอ 6.9 นิ้ว เท่ากัน แต่ Galaxy S25 Ultra มีดีไซน์ขอบหน้าจอที่บางลง ทำให้ได้เปรียบในเรื่องของขนาดตัวเครื่อง โดยมีความสูง 162.8 มม. ความกว้าง 77.6 มม. ความบาง 8.2 มม. ขณะที่ iPhone 17 Pro Max มีความสูง 163.4 มม. ความกว้าง 78.0 มม. ความบาง 8.75 มม. ชัดเจนว่า Galaxy S25 Ultra มีสัดส่วนเล็กกว่าในทุกมิติ และยังมีน้ำหนักเพียง 218 กรัม เบากว่า iPhone 17 Pro Max ที่ชั่งได้ 231 กรัม

Galaxy S25 Ultra ยังมีให้เลือกถึง 7 สี ได้แก่ Titanium Silverblue, Titanium Black, Titanium Whitesilver และ Titanium Gray ซึ่ง 4 สีนี้ สามารถหาซื้อได้ทั่วไป อีก 3 สี ได้แก่ Titanium Jetblack, Titanium Jadegreen และ Titanium Pinkgold เป็นสีพิเศษที่สั่งซื้อได้ทางออนไลน์เท่านั้น
สำหรับ iPhone 17 Pro Max มีให้เลือกเพียง 3 สี (รุ่นก่อนผลิตออกมา 4 สี) ได้แก่ Silver, Cosmic Orange และ Deep Blue ซึ่งน่าเสียดายที่ได้ตัดตัวเลือกสีดำออกไป แต่ก็ชดเชยด้วย Deep Blue ที่มีโทนสีน้ำเงินเข้ม

นอกจากจะทำสีสันออกมาให้เลือกน้อยลง iPhone 17 Pro Max ยังมีการเปลี่ยนแปลงวัสดุกรอบตัวเครื่องจากเดิมที่เคยใช้กรอบไทเทเนียมมาตั้งแต่ iPhone 15 Pro Max เปลี่ยนมาใช้วัสดุอะลูมิเนียมแบบ Unibody ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของการกระจายความร้อน แต่ถ้ามองในแง่ของความแข็งแรงทนทาน วัสดุไทเทเนียมนั้นเหนือกว่า ซึ่ง Galaxy S25 Ultra ใช้กรอบไทเทเนียมแบบเดียวกับ Galaxy S24 Ultra

หลังจาก iPhone 17 Pro Max เปลี่ยนวัสดุมาใช้กรอบอะลูมิเนียม และบางส่วนเป็นกระจก ก็มีรายงานว่าพบร่องรอยขีดข่วนบริเวณตัวเครื่อง โดยเฉพาะสันขอบของกล้องหลัง โดยเกิดขึ้นกับเครื่องตัวอย่างที่วางแสดงอยู่ในร้านค้าปลีกของ Apple ตั้งแต่วันแรกของการจำหน่าย โดยทาง Apple ออกมาชี้แจงว่าริ้วรอยดังกล่าว เกิดขึ้นจากที่ชาร์จ MagSafe ภายในร้าน และสามารถเช็ดริ้วรอยออกได้ ซึ่งจากการทดสอบโดย Zack Nelson เจ้าของช่อง JerryRigEverything ใน YouTube ก็พบว่าตัวเครื่อง iPhone 17 Pro Max สามารถทนทานต่อโลหะที่ไม่มีความแข็งมาก อย่างเช่น กุญแจ หรือ เหรียญ ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงไม่ควรกังวลมากเกินไป และปกติก็มีการสวมเคสป้องกันไว้อยู่แล้ว

ด้านหน้าของ iPhone 17 Pro Max ยังได้รับการปกป้องด้วย Ceramic Shield 2 ซึ่ง Apple อ้างว่าแข็งแกร่งกว่ากระจกบนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น และผ่านการเคลือบผิวแบบใหม่ ทำให้มีความทนทานต่อการขีดข่วนได้ดีขึ้น 3 เท่า และยังลดแสงสะท้อนได้ดีขึ้นด้วย สำหรับ Galaxy S25 Ultra ก็ได้รับปกป้องด้านหน้าด้วยวัสดุ Corning Gorilla Armor 2 รุ่นใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวัสดุรุ่นแรกในอุตสาหกรรมที่มีความทนทานยิ่งกว่ากระจกทั่วไป ผ่านการทดสอบจากการตกกระแทกบนพื้นผิวที่จำลองลักษณะของคอนกรีตจากความสูงที่ระดับสูงสุดถึง 2.2 เมตร (ขณะที่วัสดุกระจกเซรามิกชนิดอื่นพบความล้มเหลวเมื่อตกลงมาจากความสูง 1 เมตร) อีกทั้งยังทนทานต่อรอยขีดข่วนได้มากขึ้นถึง 4 เท่า

ทั้งนี้ iPhone 17 Pro Max และ Galaxy S25 Ultra ต่างก็ได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันน้ำได้ดีเช่นกัน ทั้งคู่สามารถทนน้ำในระดับ IP68 แต่ Apple ระบุว่า iPhone 17 Pro Max สามารถทนน้ำที่ความลึกสูงสุด 6 เมตร นานสูงสุด 30 นาที ขณะที่ Galaxy S25 Ultra สามารถแช่น้ำได้ลึก 1.5 เมตร ในเวลาเท่ากัน

กล้อง 200MP vs 48MP

ปัจจุบันการถ่ายภาพถือเป็นปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟน และถ้าต้องการกล้องที่ดีที่สุดบนสมาร์ทโฟนของ Samsung และ Apple คงไม่มีรุ่นไหนจะดีไปกว่า Galaxy S25 Ultra และ iPhone 17 Pro Max
iPhone 17 Pro Max มาพร้อมระบบกล้องแบบเดียวกับที่พบใน iPhone 17 Pro ประกอบด้วย

- กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.78 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ รุ่นที่ 2
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ให้มุมมองภาพ 120 องศา
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.8 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์แบบ 3D
- กล้องหน้า 18 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9

กล้องหลังของ iPhone 17 Pro Max สามารถบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที สำหรับกล้องหน้าสามารถบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ Dual Capture ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกันได้ แต่ในโหมด Dual Capture จะสามารถบันทึกวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
ระบบกล้องของ Galaxy S25 Ultra ดีที่สุดในกลุ่ม Galaxy S25 Series ประกอบด้วย

- กล้องหลัก 200 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 ให้มุมมองภาพ 85 องศา มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 ให้มุมมองภาพ 120 องศา
- กล้อง Telephoto (1) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.4 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล
- กล้อง Telephoto (2) ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล
- กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ให้มุมมองภาพ 80 องศา
กล้องหลังของ Galaxy S25 Ultra สามารถบันทึกวิดีโอสูงสุด 8K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที สำหรับกล้องหน้าสามารถบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และมีโหมดบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกัน ซึ่งสามารถสลับกล้องหลังเพื่อเปลี่ยนระยะได้ ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลัก, กล้อง Ultra Wide หรือ กล้อง Telephoto

iPhone 17 Pro Max รวมถึง iPhone 17 Pro เป็น iPhone รุ่นแรกของ Apple ที่มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดเท่ากัน 48 ล้านพิกเซล โดยได้รับการอัปเกรดกล้อง Telephoto ให้ดีขึ้นจากรุ่นก่อน พร้อมโฆษณาว่ารองรับการซูมคุณภาพระดับออปติคัลที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone ที่ 8 เท่า

ความจริงแล้วกล้อง Telephoto ของ iPhone 17 Pro Max สามารถซูมแบบออปติคัลได้สูงสุด 4 เท่า ส่วนการซูม 8 เท่า เป็นการซูม “คุณภาพระดับ” ออปติคัล และ ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 40 เท่า

ขณะที่กล้อง Telephoto ของ Galaxy S25 Ultra ติดตั้งมาให้ 2 ตัว โดยตัวรองที่มีความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซูมออปติคัลได้สูงสุด 3 เท่า ส่วนตัวหลักที่มีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล สามารถซูมออปติคัลได้สูงสุด 5 เท่า และ ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 100 เท่า


อย่างไรก็ตาม กล้องหน้าของ iPhone 17 Pro Max ก็ได้รับการอัปเกรดให้ดีขึ้นอย่างมาก ทั้งความละเอียดที่เพิ่มขึ้น และยังรองรับฟีเจอร์ Center Stage ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพและวิดีโอในแนวนอนขณะถือ iPhone ในแนวตั้งได้ และยังช่วยจัดเฟรมให้อัตโนมัติไม่ว่าจะถ่ายเซลฟี่คนเดียวหรือแบบกลุ่ม รวมถึงการโทรผ่าน FaceTime

















เปรียบเทียบฟีเจอร์ AI Apple Intelligence vs Galaxy AI

AI (Artificial Intelligence) ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการเทคโนโลยี และถูกนำมาใช้ในสมาร์ทโฟนตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม เพียงแต่ทำงานในเบื้องหลัง จนกระทั่ง Samsung เปิดตัวระบบอัจฉริยะ Galaxy AI และนำมาใช้กับ Galaxy S24 Series เป็นรุ่นแรก ก็ทำให้อุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนตื่นตัวในด้าน AI มากขึ้น ถึงแม้ว่าlสมาร์ทโฟน Pixel ของ Google จะเป็นรายแรกที่ใช้งานมาพักใหญ่แล้วก็ตาม แต่เนื่องจาก Pixel จำกัดการทำตลาดในไม่กี่ประเทศ ทำให้ชื่อของ Galaxy AI กลายเป็นที่จดจำในฐานะผู้นำด้าน AI บนสมาร์ทโฟน



เพื่อไม่ให้คู่แข่งทิ้งห่างไปไกล Apple ได้เปิดตัวระบบอัจฉริยะที่เรียกว่า Apple Intelligence ก่อนจะพร้อมใช้งานครั้งแรกบน iPghone 16 Series ในช่วงปลายปี 2024 หลังจากอัปเดตเป็น iOS 18.1 จนมาถึงปัจจุบันก็ยังพบกับความล่าช้าในการพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ตามที่เคยให้สัญญาไว้ในงานประชุม WWDC 2024




Generative Edit เป็นหนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ Galaxy AI สามารถตรวจจับผู้คนในพื้นหลังของภาพถ่ายโดยอัตโนมัติ และแนะนำสิ่งที่ควรลบออกโดยไม่ต้องเลือกหรือตัดต่อด้วยตัวเอง Generative Edit ไม่เพียงแต่ช่วยลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากรูปภาพ แต่ยังเติมวัตถุได้อย่างแนบเนียน แถมยังทำงานรวดเร็ว และใช้งานง่าย ขณะที่ Apple มีฟีเจอร์ AI ที่คล้ายกัน เรียกว่า Clean Up อยู่ในแอป Photos แต่ในการใช้งานจริง AI ของ Samsung ทำงานได้แนบเนียนและฉลาดกว่า โดยเฉพาะในฉากที่มีความซับซ้อน
Visual Intelligence เป็นไม้เด็ดของ Apple Intelligence ที่เริ่มต้นด้วยการทำงานร่วมกับกล้องหลัง เพื่อใช้ค้นหาข้อมูลต่างๆ ที่กล้องระบุได้ แต่ในเวอร์ชันล่าสุด ได้รับการอัปเกรดให้ฉลาดยิ่งขึ้น สามารถระบุเนื้อหาต่างๆ บนหน้าจอ iPhone ได้อีกด้วย สามารถถามคำถาม ChatGPT เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังดูอยู่บนหน้าจอเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม และถ้าหากกำลังดูกิจกรรมต่างๆ AI ของ Apple จะแนะนำให้บันทึกลงปฏิทินพร้อมใส่รายละเอียดสำคัญให้ด้วย เช่น วันที่ เวลา และ สถานที่

ทางด้าน Samsung ก็มีความสามารถแบบเดียวกัน เรียกว่า Circle to Search แต่ใช้งานง่ายกว่า เพียงแต่วาดวงกลมบนหน้าจอล้อมรอบสิ่งที่ต้องการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม อีกทั้ง Galaxy S25 Ultra ยังมี S Pen ยิ่งช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้นไปอีก และนอกจากค้นหาข้อมูล Circle to Search ในเวอร์ชันล่าสุดยังถูกอัปเกรดให้สามารถค้นหาข้อมูลระหว่างเล่นเกม ระบบจะแสดงเคล็ดลับหรือกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องทันทีในหน้าต่างลอย โดยไม่รบกวนประสบการณ์การใช้งาน

ที่สำคัญก็คือ Galaxy AI ยังรองรับการใช้งานมากกว่า 20 ภาษา รวมถึงภาษาไทย ขณะที่ Apple Intelligence ในปัจจุบัน รองรับเพียง 9 ภาษา แต่กำลังจะเพิ่มอีก 7 ภาษา ใน iOS 26.1 แต่ก็ยังไม่รองรับภาษาไทย ทำให้ Galaxy S25 Ultra เป็นมิตรกับผู้ใช้งานชาวไทยมากกว่าในด้าน AI

ประสิทธิภาพ Snapdragon 8 Elite for Galax vs A19 Pro

เป็นครั้งแรกของ Apple ที่นำระบบระบายความร้อน Vapor Chamber มาใช้กับ iPhone 17 Pro Max เพื่อยกระดับการกระจายความร้อนและประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น โดยการกักเก็บน้ำที่ผ่านการกำจัดไอออนไว้ภายใน Vapor Chamber ซึ่งเชื่อมติดเข้ากับโครงเครื่องอะลูมิเนียมด้วยเลเซอร์เพื่อถ่ายเทความร้อนออกจากชิป A19 Pro ช่วยให้ชิปทำงานในระดับประสิทธิภาพที่สูงขึ้น จากนั้นความร้อนจะถูกนำพาไปยังตัวเครื่องแบบชิ้นเดียวที่ขึ้นรูปจากอะลูมิเนียม ก่อนจะกระจายออกไปเท่าๆ กันทั่วทั้งระบบ เพื่อเป็นการจัดการกับพลังงานและอุณหภูมิบนพื้นผิวให้มีประสิทธิภาพโดยยังคงถือได้สบายมือ

สำหรับ Galaxy S25 Ultra ก็ใช้ระบบระบายความร้อน Vapor Chamber เช่นเดียวกัน และมีมาตั้งแต่ Galaxy S22 Series แต่ Samsung เลือกใช้วัสดุตัวเครื่องไทเทเนียม ที่มีความแข็งแรงกว่าอะลูมิเนียม พร้อมอัปเกรดระบบระบายความร้อนที่ใหญ่ขึ้นถึง 40% ออกแบบโครงสร้างการกระจายความร้อนใหม่ ทำงานร่วมกับวัสดุอินเทอร์เฟซระบายความร้อน (Thermal Interface Material) ที่ออกแบบมาเฉพาะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนได้อย่างเหนือชั้น รองรับการการใช้งานได้ยาวนานไม่มีสะดุด

นอกจากระบบระบายความร้อน ทั้งคู่ยังขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผลที่ทรงพลังที่สุดของแต่ละฝ่าย iPhone 17 Pro Max ใช้ชิป A19 Pro ประกอบด้วย CPU แบบ 6-core และ GPU แบบ 6-core รองรับ Ray Tracing ที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ ทำให้สามารถเล่นเกมระดับ AAA ได้อย่างลื่นไหล

Galaxy S25 Ultra ใช้ชิป Snapdragon 8 Elite for Galaxy ที่ร่วมกับ Qualcomm เพื่อปรับแต่งชิปเซ็ตให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นไปอีกจากมาตรฐานเดิม เรียกได้ว่าเป็นชิปประมวลผลที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Galaxy S Series ให้ประสิทธิภาพด้าน CPU เพิ่มขึ้น 37% ประสิทธิภาพของ GPU ดีขึ้น 30% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน พร้อมอัปเกรด Vulkan Engine และ Ray Tracing ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนที่ลื่นไหลระดับคอนโซล
แบตเตอรี่และการชาร์จ

Apple ไม่ได้เปิดเผยขนาดแบตเตอรี่บนเว็บไซต์ทางการในหลายประเทศ ยกเว้นในสหภาพยุโรป ที่จะต้องแสดงฉลากพลังงานบนหน้าผลิตภัณฑ์ และต้องเปิดเผยความจุแบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์แต่ละรุ่น ทำให้เราได้ทราบว่า iPhone 17 Pro Max มีความจุแบตเตอรี่ 5,088mAh ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบกับ iPhone 16 Pro Max ขณะที่ Galaxy S25 Ultra มีความจุแบตเตอรี่ 5,000mAh ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกัน

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการชาร์จ Galaxy S25 Ultra ได้เปรียบกว่าเล็กน้อย เนื่องจากรองรับชาร์จเร็วสูงสุด 45W สามารถชาร์จได้ถึงระดับ 65% ในเวลาประมาณ 30 นาที ด้วยหัวชาร์จ 45W ขณะที่ iPhone 17 Pro Max สามารถชาร์จได้ถึง 50% ภายในเวลา 30 นาที ด้วยหัวชาร์จ 30W ขึ้นไป แต่ถ้าใช้หัวชาร์จ 40W ขึ้นไป จะชาร์จได้เร็วขึ้น ซึ่งจากการทดสอบพบว่า iPhone 17 Pro Max รองรับชาร์เร็วสูงสุดประมาณ 36W

นอกจากนี้ Galaxy S25 Ultra ยังรองรับการชาร์จแบบไร้สาย Fast Wireless Charging 2.0 และ Wireless PowerShare สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นของ Samsung แบบไร้สายได้ ขณะที่ iPhone 17 Pro Max รองรับการชาร์จไร้สายแบบ MagSafe แต่ไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นได้
สรุป

iPhone 17 Pro Max เป็น iPhone ที่ดีที่สุดของ Apple อย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้จะมีการลดเกรดวัสดุจากไทเทเนียมมาเป็นอะลูมิเนียม ทำให้ความแข็งแกร่งถูกลดทอนลงไป แต่ก็แลกมาด้วยการระบายความร้อนที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมาพร้อมระบบกล้องที่ทรงพลังที่สุดอยู่ในกลุ่มหัวแถวของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ทางด้าน Galaxy S25 Ultra เด่นในเรื่อง AI ที่มีฟีเจอร์หลากหลายกว่า และใช้งานได้จริง อีกทั้งยังรองรับภาษาไทย ด้านดีไซน์ก็ให้ความพรีเมียมกว่าด้วยวัสดุไทเทเนียม มีให้เลือกหลากหลายสีสัน ส่วนการถ่ายภาพยังเหนือกว่าในเรื่องของการซูม เพราะสามารถซูมออปติคัลได้สูงสุด 5 เท่า ขณะที่กล้อง Telephoto ของ iPhone 17 Pro Max ซูมออปติคัลได้สูงสุด 4 เท่า ส่วนอายุการใช้งานแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพพอๆ กัน แต่ Galaxy S25 Ultra ชาร์จได้เร็วกว่า

สรุปแล้ว Galaxy S25 Ultra และ iPhone 17 Pro Max ต่างก็เป็นที่สุดของ Android และ iOS แต่ถ้าต้องเลือกสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่าเรือธงของ Samsung ดูเหมือนจะตอบสนองการใช้งานได้ครบถ้วนสมบูรณ์กว่าในภาพรวม






