vivo เปิดตัวระบบปฏิบัติการ OriginOS 6 อย่างทางการแล้ว โดยมีนิยามว่า “ลื่นไหลและสบายจนบินได้” พร้อมนำใช้งานในเดือนพฤศจิกายนนี้ เริ่มจากสมาร์ตโฟน vivo X300 series และ iQOO 15 เป็นรุ่นแรก

ประสิทธิภาพและการแสดงผลที่ล้ำหน้า
OriginOS 6 มาพร้อมเทคโนโลยี Atomic Motion 6.0 ซึ่งนำเสนอเอฟเฟกต์ภาพเบลอของเฟรม ที่เลียนแบบวิธีการรับรู้พื้นที่ของสายตามนุษย์ รวมถึงเอฟเฟกต์การบิดเบือนของเฟรม ที่เพิ่มภาพเคลื่อนไหวแบบไดนามิกเมื่อล็อกหน้าจอหรือกำลังชาร์จ
วัสดุสีโปร่งใสแบบไดนามิกใหม่ ทำงานร่วมกับอัลกอริทึมสีพื้นหลังแบบไดนามิกที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ vivo เพื่อเพิ่มความสดใสของสี ขณะที่ยังคงรักษาความชัดเจนของข้อความ ระบบใช้เทคโนโลยี การไล่เฉดสามชั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของภาพ และใช้อัลกอริทึม ป้องกันคลื่นน้ำ เพื่อทำให้การเปลี่ยนผ่านของพิกเซลราบรื่น ส่งผลให้ได้การแสดงผลแบบเรียลไทม์ที่สมจริงและมีรายละเอียด

การอัปเกรดหน้าจอล็อก และฟีเจอร์ AI
หน้าจอล็อก ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยมีวิดเจ็ตนาฬิกาดิจิทัลที่ปรับแต่งได้ ธีม Fun Grating ที่สนุกสนาน ทำให้ภาพถ่ายของผู้ใช้เคลื่อนไหวด้วยการเอียงโทรศัพท์เพียงเล็กน้อย และรองรับภาพเคลื่อนไหว อินเทอร์เฟซจะปรับคอนทราสต์ของแสงและความมืดโดยอัตโนมัติเพื่อให้ดูมีมิติมากขึ้น การแจ้งเตือนจะปรากฏในรูปแบบ การจัดเรียงแบบซ้อน ทำให้การโต้ตอบเป็นไปตามธรรมชาติและเป็นระเบียบ
ความสามารถด้าน AI ก็ได้รับการพัฒนาให้ล้ำหน้าขึ้นด้วยการอัปเดตโมเดลภาษา เสียง และรูปภาพ Blue Heart ขณะนี้ระบบสามารถจัดเก็บและเรียกคืนบันทึกย่อ ตารางเวลา คู่มือ และรายการสิ่งที่ต้องทำ ครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้ที่หลากหลาย โดยรองรับเสียงส่วนตัว การแปลแบบเรียลไทม์ และฟังก์ชันหน่วยความจำเสียง

เครื่องมือช่วยเหลืออัจฉริยะ
Xiao V Circle Search 2.0 ทำให้การนำทางและการช้อปปิ้งง่ายขึ้น โดยสามารถจดจำสถานที่ เริ่มต้นการเรียกรถ และค้นหาสินค้าที่เหมือนกันทางออนไลน์ ขณะที่ Xiao V Memory 2.0 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกและเรียกค้นข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา

แกนหลักของระบบและประสิทธิภาพ
หัวใจสำคัญของระบบคือ Blue River Smooth Engine ใหม่ ซึ่งรวมเอา การประมวลผลซูเปอร์คอร์ สถาปัตยกรรมการเรนเดอร์คู่ และ พื้นที่จัดเก็บแบบโฟโตนิก (photonic storage) เทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล การแสดงผล และการจัดเก็บ ทำให้ประสิทธิภาพเร็วขึ้นและราบรื่นขึ้น
vivo อ้างว่า vivo X90 ที่ใช้เอนจินนี้ มีการตอบสนองการสัมผัสเร็วขึ้น 63% การสลับอินเทอร์เฟซเร็วขึ้น 35% และความเสถียรของการเลื่อนดีขึ้น 69% เมื่อเทียบกับซอฟต์แวร์รุ่นเก่า แม้ในระหว่างการเล่นเกมที่ต้องใช้ทรัพยากรมาก เช่น Honor of Kings ที่ 120 เฟรมต่ิวอนาที อุณหภูมิของอุปกรณ์ยังคงอยู่ที่เพียง 41.8 องศาเซลเซียส
นอกจากนี้ vivo ยังได้ปรับการตอบสนองของการสั่น โดยลดความล่าช้าเหลือเพียง 30 – 40 มิลลิวินาที สำหรับการตอบสนองการสัมผัสทันที
การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์แบบไร้รอยต่อ
การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน OriginOS 6 ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ตโฟนและระบบรถยนต์ได้อย่างราบรื่น โดยร่วมมือกับ Xiaopeng P7 ผู้ใช้สามารถควบคุมฟังก์ชันของรถผ่านเสียงได้ทั้งภายในและภายนอกรถยนต์ ในทำนองเดียวกัน การเชื่อมต่อกับ PC/Mac ก็กลายเป็นแบบไร้สาย การล็อกอินด้วยบัญชี vivo เดียวกัน ทำให้การถ่ายโอนไฟล์ทำได้อย่างง่ายดาย และ iPad ยังสามารถสะท้อนหน้าจอโทรศัพท์และเข้าถึงกล้องได้โดยตรง


การดูแลสุขภาพดวงตาและความสะดวกสบาย
การดูแลสุขภาพดวงตาได้รับความสนใจเป็นพิเศษด้วยโหมด การปกป้องดวงตา ที่ได้รับการอัปเกรด ซึ่งช่วยลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายได้มากถึง 66% และลดการรบกวนการผลิตเมลาโทนินลง 25% ขณะนี้การแสดงผลจะปรับให้เข้ากับรูปแบบการนอนหลับและแสงโดยรอบโดยใช้ ความสว่างแบบไบโอนิกที่ขับเคลื่อนด้วย AI และยังมีโหมดช่วยเหลือสำหรับ อาการเมารถใหม่รวมอยู่ด้วย
OriginOS 6 จะเปิดตัวพร้อมกับ vivo X300 series และ iQOO 15 ตามมาด้วยการเปิดตัวรุ่น Public Beta สำหรับ vivo X Fold5, vivo X200 series, iQOO 13 และ iQOO Neo10 series โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป
ที่มา – Innogyan






