หากจะพูดถึงจุดเด่นของ หัวเว่ย พีเก้า คงเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้โดดเด่นที่กล้องแบบเลนส์คู่ซึ่งถูกพัฒนาร่วมกับ ไลก้า บวกกับฟีเจอร์เด่นด้านอื่นที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยพื้นฐานแล้วสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เปรียบเสมือนกล้องดิจิทัลที่มีฟังก์ชั่นของสมาร์ทโฟนติดมาด้วยมากกว่าที่จะเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้องคุณภาพสูงและด้วยแนวคิดข้างต้น ทำให้ หัวเว่ย พีเก้า เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่รักการถ่ายภาพ
หัวเว่ย พีเก้า ดีไซน์เรียบหรูด้วยตัวเครื่องอลูมิเนียมขัดมันที่บางเพียง 6.95 มม. ซึ่งบางกว่าคู่แข่งในตลาด ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถใช้สมาร์ทโฟนได้ด้วยมือเดียว นอกจากนั้นยังมีน้ำหนักเพียง 144 กรัม ฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือตัวสแกนลายนิ้วมือระดับ 4 (Level 4 Fingerprint Scanner) ที่ออกแบบมาให้อยู่ที่ด้านหลังของตัวเครื่องซึ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถสแกนนิ้วได้ 360 องศา ต่างจากบางรุ่นที่จะต้องสแกนนิ้วจากทางตรงเท่านั้น นอกจากนั้น Fingerscan ยังสามารถตั้งค่าเพื่อใช้เป็น Short cut สำหรับใช้รับสายเรียกเข้า ถ่ายรูป หรือเรียกใช้งานแอพพลิเคชันต่างๆได้อีกด้วย
หัวเว่ย พีเก้า มีหน้าจอขนาด 5.2 นิ้วแสดงผลแบบ full HD (1920x1080p) หน้าจอแสดงผลมีความสว่างคมชัดและตอบสนองเร็วแถมลูกเล่นการปรับอุณหภูมิของสีที่ให้ความคมชัดได้มากขึ้น พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh ที่ใช้งานได้ถึง 48 ชั่วโมง และเพียงพอต่อการใช้งานหนึ่งวันสบายๆ ด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว ทั้งยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว โดยผู้ใช้งานสามารถใช้รับสายได้ยาวนานถึง 5 ชั่วโมงจากการชาร์จเพียง 10 นาที นอกจากนั้นยังมี แอพพลิเคชันไว้สำหรับช่วยจัดการแบตเตอรี่ให้คุณสามารถเปิด พีเก้า ด้วยโหมด 720p เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้โดยไม่ต้องรีบูทเครื่องอีกด้วย ขับเคลื่อนบนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ที่มาพร้อมกับ EMUI 4.1 Kirin 955 ความจุ 32GB และRAM 3GB และสามารถเพิ่มความจำด้วย SD card นอกจากนั้นยังมีเสารับสัญญาณแบบสามตัวซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อเป็นไปอย่างลื่นไหล
ฟีเจอร์สำคัญของ หัวเว่ย พีเก้า อยู่ที่กล้องหลังที่ร่วมพัฒนากับบริษัทผู้ผลิตกล้องสัญชาติเยอรมันอย่าง ไลก้า ที่หัวเว่ยได้สร้างกระแสความแรงด้วยการชูจุดเด่นในเรื่องความสามารถในการถ่ายภาพมาตั้งแต่ในงานเปิดตัวที่ผ่านมาจนได้กลายเป็นที่ร่ำลือในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพไปจนถึงช่างภาพมืออาชีพที่พากันพูดถึงความสามารถของกล้องถ่ายรูปในสมาร์ทโฟนรุ่นนี้กันอย่างต่อเนื่อง หัวเว่ย พีเก้า ใช้เลนส์กล้องสองตัวติดอยู่ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ตัวหนึ่งเป็นแบบ RGB และอีกตัวเป็น Monochrome โดย มร.ริชาร์ด หยู ซีอีโอ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ได้มีการนำสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไปเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งในงานเปิดตัว เช่น หัวเว่ย พีเก้า สามารถจับแสงได้มากกว่าสมาร์ทโฟรุ่นเรือธงของคู่แข่งได้สูงสุดถึง 270% หรือการมีระบบโฟกัสที่ยอดเยี่ยมเนื่องมาจากการรวมเทคโนโลยี Hybrid Focus เทคโนโลยีเฉพาะของหัวเว่ย เข้ากับตัวชิปวัดความลึกอิสระจนเกิดความเร็วและแม่นยำในการจับภาพ เพราะกล้องจะจับโฟกัสด้วยเลเซอร์ วัดค่าความลึก คอนทราสต์ และเลือกปรับรายละเอียดของภาพเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัตินอกจากนี้ ยังมีค่ารูรับแสงที่กว้างและทำงานอย่างยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ และยังมีเซ็นเซอร์ Monochrome สำหรับการถ่ายรูปแบบ ขาว-ดำ ซึ่งให้ผลดีในการถ่ายรูปในที่แสงน้อยเพราะสามารถจับแสงได้มากกว่าเลนส์ RGB ถึง 200%
การใช้นิ้วมือและการสัมผัสในการสั่งงานแบบต่างๆถือเป็นรายละเอียดที่สอดแทรกมาใน หัวเว่ย พีเก้า เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการใช้งานให้แก่ผู้บริโภค โดยผู้ใช้งานสามารถปัดนิ้วขึ้นด้านบนเมื่อใช้โหมดกล้องธรรมดาก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นโหมดการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ เพื่อปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ ตั้งค่า ISO และ Exposure รวมถึงปรับ Auto White Balance กับ Autofocus ได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่การปัดนิ้วไปขวาไปซ้ายจะทำให้สามารถตั้งค่าการจับภาพได้ทุกอย่างตั้งแต่ GPS Tagging ไปจนถึงการปรับรูปภาพ และการปัดซ้ายไปขวาหมายถึงการเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพ เช่น เปลี่ยนเป็นโหมด Beauty เพื่อการเซลฟี่แบบเก๋ๆ โหมด Time-Lapse และโหมด Light-Paint ที่ทำให้คุณสามารถตั้งค่าต่างๆ เพื่อเก็บภาพการเคลื่อนไหวของเส้นแสงและสายน้ำได้ นอกจากนั้นยังมีโหมดปรับโฟกัสเอกสารอัตโนมัติชื่อ Document Readjustment ด้วย นอกจากนั้นยังสามารถซูมโดยใช้ระบบจอสัมผัส หรือปรับปุ่มเพิ่มลดเสียงด้านข้างตัวเครื่องเพื่อซูมเข้าออกได้อีกด้วย ลูกเล่นจากไลก้า ที่สอดแทรกอยู่ในหัวเว่ย พีเก้า คือการเอาเสียงกดชัตเตอร์ในแบบฉบับของ ไลก้า กลับมาใส่ในกล้อง ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาให้กับแฟนกล้องได้ไม่น้อย
หัวเว่ย พีเก้า วางจำหน่ายแล้วในประเทศ อังกฤษ จีน และประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปและจะเปิดตัวในประเทศไทยในวันที่ 7 มิถุนายน 2559 นี้
