การ์เนอร์ บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำของโลก ระบุว่า โทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ “แอนดรอยด์” จากค่ายกูเกิล ที่มีสัญลักษณ์เป็นหุ่นยนต์สีเขียวตัวกลมๆน่ารัก มีสัดส่วนในตลาดสมาร์ทโฟนระดับโลกสูงสุดเป็นอันดับ 1 โดยมีสัดส่วนในตลาดโลกถึง 52% รองลงมาได้แก่ ระบบปฏิบัติการ “ซิมเบียน” จากค่ายโนเกียที่ครองส่วนแบ่งในตลาด 16.9% ส่วน “ไอโอเอส” จากค่ายแอปเปิลครองส่วนแบ่งในตลาด 15%
เหตุผลหลักประการหนึ่งคือ “แอนดรอยด์” เป็นระบบปฏิบัติการ (โอเอส) แบบโอเพ่นซอร์ส ที่เปิดให้นักพัฒนาโปรแกรมนำไปพัฒนาต่อยอดโดยไม่มีการปิดกั้น นั้นเป็นระบบปฏิบัติการที่มีความยืดหยุ่นต่อการใช้งาน ทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน นำไปใช้กับผลิตภัณฑ์หลากรุ่น หลายราคา ตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับสูง จึงเป็นเหตุให้เจ้าหุ่นยนต์สีเขียวครองตลาดสมาร์ทโฟนโลกอยู่ในปัจจุบัน
กูเกิล ก็พัฒนาโอเอส “แอนดรอยด์”รุ่นใหม่ๆออกมาโดยตลอด ล่าสุดที่มีการเปิดตัวออกสู่ตลาดได้แก่แอนดรอยด์เวอร์ชั่น “ไอศกรีม แซนด์วิช” หรือ “แอนดรอยด์ 4.0” ที่มีการยกระดับความสามารถในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆบนโทรศัพท์มือถือให้สูงขึ้น เมื่อเทียบกับ แอนดรอยด์ 2.3.3 ที่เป็นที่นิยมสำหรับผู้ผลิตโทรศัพท์มือถืออยู่ในปัจจุบัน (แม้กูเกิลจะผลิตแอนดรอยด์ 3.0 ออกมา แต่โอเอสตัวนี้ออกแบบมาเพื่อผลิตภัณฑ์ตระกูลแท็บเล็ต)
คาดกันว่า ความสามารถใหม่ๆของโทรศัพท์มือถือที่ใช้โอเอส แอนดรอยด์ ที่จะออกสู่ตลาดในปี 2555 จะมีการเพิ่มประสิทธิภาพในส่วนของการสั่งการด้วยเสียง หรือ ว็อยซ์ คอมมานด์ ที่เป็นฟังก์ชั่นมาตรฐานสำหรับแอนดรอยด์ตั้งแต่ เวอร์ชั่น 2.0 แล้ว แต่ด้วยความไม่ลงตัวของผู้ผลิตโทรศัพท์และผู้ผลิตแอปลิเคชั่น ทำให้ฟังก์ชั่นนี้ไม่เป็นที่นิยมกันในโทรศัพท์แอนดรอยด์ทั้งหลาย
กูเกิล มีแผนที่จะพัฒนาให้โทรศัพท์มือถือที่รันโอเอส แอนดรอยด์รับคำ สั่งจากเสียงพูดในการค้นหาสถานที่ผ่านบริการอื่นๆของกูเกิล เช่น กูเกิล ทรานสเลท ที่ใช้สำหรับแปลภาษากว่า 50 ภาษาทั่วโลก (แต่อย่าคาดหวังกับประสิทธิภาพในการแปลมากนัก) หรือจะเป็นโปรแกรม การแปลงหน่วยต่างๆ ของกูเกิล เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพซอฟท์แวร์ควบคุมกล้องถ่ายรูปให้ดียิ่งขึ้น เช่น ลดเวลารอให้ชัตเตอร์กล้องทำงาน ปรับระบบโฟกัสภาพวีดีโอสำหรับมือถือ หรือแท็บเล็ต ที่มีระบบวีดีโอคอลล์ เพื่อรองรับการมาถึงของระบบสื่อสารไร้สาย 4 จี ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานฟังก์ชั่นการสนทนาผ่านวีดีโอได้ดียิ่งขึ้น
รวมทั้งการพัฒนาให้โอเอสและโทรศัพท์รองรับการทำงานฟังก์ชั่นอื่นๆที่มี ความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมจุดเด่นของสมาร์ทโฟน ที่ใช้โอเอส แอนดรอยด์ให้ แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเชื่อว่าจะมีการพัฒนาให้สมาร์ทโฟนที่รันโอเอสหุ่นยนต์สีเขียวมีความ ยืดหยุ่นในการทำงานเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์มากยิ่งขึ้น
โดยเป็นไปตามกลไกตลาดในส่วนของการจจำหน่ายสินค้าออนไลน์ที่มีการขยายตัว และการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดสำคัญๆเช่น สหรัฐอเมริกา ก็พบว่าผู้บริโภคใช้โทรศัพท์มือถือในการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น นั่นเอง
เจ้าของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่รันบนโอเอส “แอนดรอยด์” ที่จะออกมาในปีหน้าจะได้เพลิดเพลินกับการเล่นแอปลิเคชั่นที่ลื่นไหลมากยิ่ง ขึ้น จากการพัฒนาในส่วนของซีพียู และจีพียู ที่นำมาใช้กับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ
ขณะเดียวกัน ค่ายแอปเปิล ก็ไม่ยอมแพ้มีแผนการพัฒนาโอเอส ตระกูล ไอโอเอส ให้เชื่อมต่อกับ โอเอส ตระกูล โอเอสเอ็กซ์ ที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ตระกูลแมค ได้อย่างไม่มีการสะดุด โดยมีข่าวว่าจะใช้ระบบ “digital hand shake” ที่ออกแบบมาเพื่อให้โอเอสในค่ายแอปเปิล ทำความรู้จักกันได้สะดวกเพียงนำกล้องวีดีโอของแมคบุ๊ค และไอโฟนมาจ่อตรงกัน ระบบจะทำการตรวจสอบสารเคลือบพิเศษบนเลนส์กล้องและเชื่อมต่อกันโดยอัตโนมัติ ทำให้การส่งผ่านข้อมูลระหว่างกันทำได้อย่างสะดวกสุดๆ
แต่ที่สำคัญผู้บริโภคที่ต้องการซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่อง ต้องคำนึงถึงการใช้งานของตนเองเป็นหลัก ก่อนตัดสินใจ เพราะแม้จะมีรุ่นราคาถูกไม่เกิน 5 พันบาทออกจำหน่ายในตลาดกันแล้ว แต่ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของโทรศัพท์ฉลาดๆที่มีราคาแพงกว่า ก็เป็นเครื่องล่อใจที่ผู้ผลิตโทรศัพท์ใช้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้ผลดีมา โดยตลอด
ที่มา – bangkokbiznews






