จากการชำแหละชิ้นส่วน iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ของ iFixit ทำให้เราได้ทราบความจุแบตเตอรี่ของ iPhone รุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่น คือ iPhone 8 มีความจุ 1,821mAh ส่วน iPhone 8 Plus มีความจุ 2,691mAh เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ จะพบว่า Apple ได้ลดความจุแบตเตอรี่ลงไป ทั้งที่ขนาดบอดี้หนาขึ้นกว่าเดิม (iPhone 7 มีความจุ 1,960mAh ส่วน iPhone 7 Plus มีความจุ 2,900mAh)
อย่างไรก็ตาม ด้วยประสิทธิภาพของชิปประมวลผล Apple A11 Bionic ทำให้แบตเตอรี่ของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จากการทดสอบของเว็บไซต์ Phonearena พบว่า iPhone 8 (8 ชั่วโมง 37 นาที) ให้อายุการใช้งานนานกว่า iPhone 7 (7 ชั่วโมง 46 นาที) และ iPhone 8 Plus (10 ชั่วโมง 35 นาที) ให้อายุการใช้งานนานกว่า iPhone 7 Plus (9 ชั่วโมง 5 นาที)
ในการใช้งานจริงแบตเตอรี่ของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus สามารถให้พลังงานได้ตลอดทั้งวัน สำหรับการใช้งานทั่วไป และอาจต้องใช้โหมด Power Saving แต่ถ้าคุณติดโซเชี่ยล ติดเกม จนต้องใช้งานติดต่อกันนานเป็นชั่วโมง บางทีคุณอาจต้องใช้วิธีการเหล่านี้ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus
1. ปิดการทำงาน Raise to Wake ฟีเจอร์ตรวจจับ iPhone ว่าถูกหยิบให้ยกขึ้นหรือไม่ เพื่อเปิดจอแสดงผลให้อัตโนมัติ ซึ่งมีหลายครั้งที่จอแสดงผลเปิดเองโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นการเข้าไปปิดระบบ Raise to Wake จะช่วยลดการใช้พลังงานได้ไม่มากก็น้อย
2. จัดการระบบแจ้งเตือน ถึงแม้จะปิดฟีเจอร์ Raise to Wake ไปแล้ว แต่จอแสดงผลยังสามารถเปิดอัตโนมัติ เมื่อ iPhone ถูกยกขึ้นหลังจากได้รับการแจ้งเตือน ดังนั้น เราแนะนำให้คุณเข้าไปปิดฟีเจอร์แสดงการแจ้งเตือนบนหน้าจอล็อคด้วย
3. ปิดระบบ Background App Refresh โดยเฉพาะแอพพลิเคชั่นที่คุณไม่ได้ใช้งานบ่อยนัก
4. ตั้งเวลาล็อคหน้าจออัตโนมัติ ปกติแล้วถ้าคุณเลิกใช้งาน iPhone แล้ววางมันลงบนโต๊ะโดยไม่กดปุ่มใดๆ iPhone ก็จะปิดจอแสดงผลพร้อมล็อคอุปกรณ์ให้อัตโนมัติตามเวลาที่กำหนดไว้ และถ้าคุณต้องการประหยัดแบตเตอรี่ให้มากที่สุด ควรเข้าไปตั้งค่าเวลาให้น้อยที่สุด หรือทางที่ดี ก่อนคุณจะวาง iPhone ให้กดปุ่มปิดหน้าจอทันที
5. ปิดการเชื่อมต่อ Bluetooth วิธีการปิด Bluetooth ที่ถูกต้องสำหรับ iOS 11 ต้องเข้าไปปิดใน Settings เท่านั้น การปิดบน Control Center จะไม่ใช่การปิดที่แท้จริง และอย่าลืมเข้าไปปิด AirDrop และ Wi-Fi ด้วยถ้าไม่มีการใช้งาน
6. จัดการระบบ Location Services เราไม่แนะนำให้คุณปิด Location Services ทั้งหมด แต่ควรปิด Location Services กับแอพพลิเคชั่นที่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องใช้
7. ปิดระบบสั่นและตอบสนองการสัมผัส การใช้มอเตอร์ทำให้แบตเตอรี่สูญเสียพลังงานมากขึ้น ดังนั้นจึงควรเข้าไปปิดระบบสั่นเตือน และระบบตอบสนองการสัมผัสด้วย
8. ปิดฟีเจอร์การอัพเดทแอพพลิเคชั่นอัตโนมัติ
9. ตั้งค่าเวลาการรีเฟรชอีเมลใน Fetch New Data ยิ่งกำหนดเวลาให้นานขึ้น ก็จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น
10. ตั้งค่าการรีเฟรช Podcast เป็นแบบรายสัปดาห์ ประหยัดกว่าการรีเฟรชแบบรายวันหรือรายชั่วโมงอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ Phonearena ยังแนะนำให้ลบแอพพลิเคชั่น Facebook ออกไปด้วย โดยบอกว่าเป็นแอพที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่เยอะมาก แล้วให้ใช้วิธีเข้าถึง Facebook ผ่านเว็บเบราเซอร์ Safari แทน โดยเข้าไปที่ facebook.com จากนั้นก็สร้างทางลัดมาไว้บนหน้าจอโฮม ด้วยการแตะปุ่ม Share และเลือก Add to Home Screen
ที่มา – Phonearena
http://www.flashfly.net/wp/?p=196018