ปัจจุบัน Apple กำลังถูกฟ้องแล้วมากกว่า 26 คดีทั่วโลก จากข้อกล่าวหาเจตนาชะลอประสิทธิภาพ iPhone รุ่นเก่า หลังจากปล่อยซอฟต์แวร์ iOS 10.2.1 ออกมาเมื่อต้นปีที่แล้ว เฉพาะในสหรัฐอเมริกาถูกฟ้องแล้ว 24 คดี โดยเป็นคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ซึ่งหมายถึงผู้บริโภคได้รวมตัวกันฟ้องร้อง อีกทั้งยังพบว่าผู้บริโภคในอิสราเอล และฝรั่งเศส ก็ฟ้องร้อง Apple จากข้อกล่าวหาเดียวกัน
ข้อกล่าวหาระบุว่า Apple มีเจตนาชะลอประสิทธิภาพ iPhone รุ่นเก่า หลังจากปล่อย iOS 10.2.1 ออกมาให้กับ iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPhone 6s,iPhone 6s Plus และ iPhone SE เพื่อช่วยจัดการปัญหา iPhone ปิดตัวเองโดยไม่คาดคิด แต่ไม่ได้ประกาศหรือแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบว่า จะส่งผลกระทบถึงประสิทธิภาพหรือความเร็วที่ลดลง
ผู้ฟ้องร้องส่วนใหญ่ต้องการให้ Apple ชดเชยเจ้าของ iPhone ทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ด้วยการเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ฟรี หรือคืนเงินเพื่อให้ลูกค้าได้ซื้อ iPhone รุ่นใหม่กว่าที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และขอให้ Apple เพิ่มข้อความอธิบายลงใน iOS เพื่อชี้แจงให้ผู้ใช้งานทราบว่าการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ จะสามารถป้องกันการชะลอประสิทธิภาพได้
Apple ออกมายอมรับว่าซอฟต์แวร์ iOS 10.2.1 ส่งผลให้ประสิทธิภาพ iPhone ชะลอตัวลง หลังจากมีเจ้าของ iPhone 6s พบว่าหลังจากเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ก็ทำให้ iPhone ของตัวเองเร็วขึ้น และ Primate Labs เจ้าของแอพพลิเคชั่น Geekbench ก็ยังรายงานการทดสอบที่แสดงให้เห็นว่า Apple มีแนวโน้มที่จะอัพเกรดเวอร์ชั่นใหม่ๆ ของ iOS โดยแอบจำกัดประสิทธิภาพการทำงาน เมื่อพบว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพ หรือมีอายุการใช้งานที่น้อยลง
ทั้งนี้ Apple ได้ออกมาขอโทษ ปัญหาดังกล่าวแล้ว พร้อมกับประกาศลดค่าบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้กับ iPhone รุ่นเก่า ตั้งแต่ iPhone 6 ขึ้นไป ในราคาเพียง 1,000 บาท มีผลเฉพาะปี 2018 และสัญญาว่าต้นปีนี้ จะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ลงใน iOS เพื่อให้ผู้ใช้งานตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ได้สะดวกมากขึ้น
Apple ยืนยันว่า หลังจาก iPhone รุ่นเก่า ได้รับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ จะทำให้ประสิทธิภาพกลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่เหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมประสิทธิภาพกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ยังถูกนำมาใช้งานต่อไป และยังขยายไปยัง iOS 11.2 สำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ด้วย
ที่มา – MacRumors
http://www.flashfly.net/wp/204859