เป็นอีกหนึ่งกระแสที่กำลังมาแรง สำหรับเรื่องราวของ 5G ในบ้านเรา เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจและติดตามความเคลื่อนไหวแบบเกาะติดกันเลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะเทคโนโลยี 5G น่าจะเป็น Key Driver สำคัญในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมในอนาคตอันใกล้ ดังนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมรับเทคโนโลยีอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟาก Operator อย่างเอไอเอส ที่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด
แต่ก่อนที่จะไปถึงการเตรียมรับอนาคต อย่าง 5G ลองมาย้อนดู Timeline การพัฒนาเครือข่ายของ AIS เริ่มตั้งแต่หลังการประมูลคลื่น 1800 MHz ครั้งล่าสุด เมื่อเดือนสิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา AIS ประกาศว่ามีคลื่นรองรับผู้ใช้บริการมากที่สุดในประเทศไทย คือมีปริมาณความถี่มากที่สุด จำนวน 120 MHz (60MHz x 2) โดยเฉพาะคลื่น 1800 MHz ที่เพิ่งประมูลได้มา และเป็นช่วงคลื่นที่มีคุณภาพดีที่สุด แบบที่เรียกว่า Super Block (20MHzx2) ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่ถึงเดือน เอไอเอส ก็นำคลื่นความถี่ทั้งหมดไปพัฒนาคุณภาพเครือข่ายทั่วประเทศ ทำให้ลูกค้ากว่า 40.6 ล้านรายสามารถใช้งาน 4G ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกกว่า 30%
ชัดเจนว่า นี่คือเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้ data ของคนไทยตอนนี้ ที่เรียกได้ว่า พุ่งถึงกว่า 70% ของช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว และถ้าประเมินการใช้งานต่อคนก็จะอยู่ราวๆคนละกว่า 10 กิกะไบต์ต่อคนต่อเดือนเลยทีเดียว นับว่าก้าวกระโดดสุดๆ
Step ต่อมาก็คือ เมื่อการใช้ดาต้าของคนไทยเพิ่มขึ้น หลักๆ เกิดจากการขยายตัวของผู้บริโภคในต่างจังหวัดที่เพิ่งเริ่มใช้ดาต้า และมีการเปลี่ยนเครื่องเป็น Smart Phone ที่รองรับ 4G เอไอเอส ไปยังกลุ่มที่เพิ่งเปลี่ยนเครื่องมาใช้ Smart Phone
ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เอไอเอสซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์กับ TOT ในการใช้โครงข่ายร่วม บนความถี่ 2100 MHz อยู่แล้ว จึงเริ่มนำมาให้บริการ 4G เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้คุณภาพการใช้งาน Data ในภาพรวมเร็วเพิ่มขึ้นถึง 20-30% และรองรับการใช้งานได้เพิ่มขึ้นถึง 25% ทำให้เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่นแล้ว เอไอเอสเป็น Operator เพียงรายเดียวที่มีคลื่นความถี่ให้บริการ 4G มากที่สุด ถึง 100 MHz จากจำนวนความถี่ทั้งหมด 120 MHz ที่เอไอเอส สามารถนำมาใช้งานได้ ซึ่งตอนนี้ก็ทยอยขยายในพื้นที่ซึ่งมีการใช้งานหนาแน่นเรียบร้อยแล้ว”
อย่างไรก็ตามการขยาย 4G ข้างต้น ทำให้บางครั้งหน้าจออาจจะโชว์สัญญาณเป็น AIS-T ซึ่งทีมเอไอเอสยืนยันว่า ไม่ต้องกังวลใจ เพราะนี่คือการใช้งาน 4G ตามปกติของ AIS แน่นอน
เอาเป็นว่า นี่คือข้อมูลรายละเอียดการมีคลื่นความความถี่ของทั้ง 3 ค่ายมือถือ AIS True Dtac ณ.วันที่ 28 ต.ค. 2561 โดยนับรวมคลื่นความถี่ที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. และคลื่นความถี่ตามสัญญากับพันธมิตร เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่นแล้ว จะเห็นได้ว่า AIS ยังคงครองความเป็นผู้นำ เบอร์หนึ่งในประเทศไทยที่มีคลื่นความถี่เพื่อให้บริการ 4G มากที่สุด ด้วยจำนวนลูกค้าที่ใช้งานมากที่สุดคือ 40.6 ล้านเลขหมาย
คราวนี้เรามาต่อกันที่ความพร้อมรับเทคโนโลยีอนาคตอย่าง 5G กันบ้าง
หลายคนสงสัยกันเหลือเกินว่า 5G นั้นเป็นอย่างไร มีดีอะไรที่ต่างจาก 4G บ้าง คงต้องอธิบายให้เห็นภาพรวมกันก่อนว่า 5G นั้นไม่ได้เป็น 4G ที่เร็วขึ้น หรือ แค่เพียงการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ต่างๆสำหรับผู้บริโภคทั่วไปเท่านั้น แต่เป็นการยกระดับเทคโนโลยีเครือข่ายไปอีกขั้นเพื่อให้ support การใช้งานกับวงการอุตสาหกรรม และนวัตกรรมเพื่อธุรกิจทุกๆประเภท แบบที่เรียกว่า B2B2C ด้วยความเร็วและประสิทธิภาพของ 5G สามารถที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมเดิม หรือ เพิ่มเติมให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ ได้อีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้านและอาคาร อุตสาหกรรมยานยนตร์ต่างๆ อุตสาหกรรมทางด้านการแพทย์ หรือ ระบบการศึกษาของสถาบันต่างๆ เป็นต้น
โดยถ้าจะพูดถึงเรื่องของเทคโนโลยี 5G นั้นอาจแยกให้เห็นภาพอย่างชัดเจนถึงคุณสมบัติเด่น 3 ด้าน ด้วยกันได้แก่
1.Enhanced Mobile Broadband-EMBB ยกระดับความเร็วการใช้ดาต้า เน้นเรื่องของ ความเร็ว(Speed)
2. Massive machine type communications-mMTC ขยายขีดความสามารถการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ เน้นเรื่องของการสนับสนุน IoT ที่จะถูกนำมาใช้อย่างมหาศาล
3. Ultra-reliable and low latency communications คือ เพิ่มคุณภาพเครือข่ายให้สามารถตอบสนองได้รวดเร็วและเสถียรที่สุด เน้นเรื่องประสิทธิภาพความเร็วในการตอบสนอง หรือ Low Latency ที่จะตอบโจทย์รูปแบบการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางการแพทย์ หรือ อุตสาหกรรมยานยนต์อย่าง Self Driving Car อย่างมีประสิทธิภาพ
พอจะเห็นภาพของโครงสร้างและประสิทธิภาพของ 5G กันไปทั้ง 3 ด้านแล้ว ถึงคำถามต่อไปแล้วว่า AIS ได้เตรียมพร้อมเพื่อรับ 5G อย่างไรบ้าง หลังจากได้พูดคุยกับทีมวิศวกร ที่อธิบายว่า
ที่ผ่านมา AIS ได้มีการพัฒนาโครงสร้างเครือข่ายมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมวางรากฐานสำหรับเทคโนโลยีอนาคต ไม่ว่าจะเป็น 5G หรือ อื่นๆ ที่กำลังจะมาถึง เพื่อที่ว่าเมื่อเทคโนโลยีเหล่านั้นพร้อม AIS ก็จะสามารถให้บริการได้ทันที เรียกได้ว่า เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่ยังคงเป็นผู้นำ และขยับตัวเตรียมระบบรองรับ 5G เป็นรายแรกตัวจริง เพราะสิ่งที่ได้เตรียมมาก่อนหน้านี้ สอดคล้องกับคุณสมบัติ 3 ด้านของ 5G อย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็น Speed หรือ ความเร็ว ที่ AIS ได้เปิดตัว 4.5G ที่เร็วระดับกิกะบิทและ เปิดตัว Massive MIMO 32T 32R ครั้งแรกในโลก รวมถึงเปิดให้บริการ NEXT G พร้อมผนึกกำลังพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตชิปและสมาร์ทโฟน ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์เร็วแรงระดับกิกะบิทครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กันไปแล้ว ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
ส่วน IoT นอกจากจะเปิดเครือข่ายทั้ง NB IoT และ EMTC แล้ว AIS ยังเป็นรายแรกในไทยที่เปิดให้บริการ IoT เชิงพาณิชย์ให้แก่หลากหลายอุตสาหกรรมได้ใช้งานจริงแล้วอีกด้วย
โดยในส่วนสุดท้าย คือ ศักยภาพการตอบสนองของเครือข่าย หรือ Latency นั้น AIS ได้เริ่มศึกษาและเป็นรายแรกที่เริ่มต้นปรับโครงสร้างเครือข่ายหลักที่กระจายอยู่ในแต่ละภูมิภาค หรือ AIS Core Network Architecture Ready for 5G ให้สามารถสื่อสารตรงไปยังเซิร์ฟเวอร์บริการต่างๆได้ทันที โดยไม่ต้องย้อนกลับมาผ่านศูนย์กลางเครือข่ายในส่วนกลาง ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลให้อัตราการตอบสนองได้เร็วขึ้น เพราะค่า Latency ต่ำ ทำให้เมื่อประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมต่างๆ แล้วจะได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง
โดยสรุปแล้ว การพัฒนาโครงสร้างเครือข่ายให้พร้อมรับความต้องการใช้งานของผู้บริโภคในยุค Digital ที่การใช้งานสมาร์ทโฟนได้ขยายตัวไปสู่ทุกช่วงวัย ไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดพื้นที่ เป็นหัวใจหลักที่จะท้าพิสูจน์ว่า ใครคือ ผู้นำเครือข่ายตัวจริง ที่สำคัญยิ่งไปกว่าคือ การพร้อมรับกับเทคโนโลยีอนาคตได้อย่างรวดเร็ว เพื่อจะใช้สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยตามนโยบายภาครัฐ
ซึ่งครั้งนี้ต้องบอกว่า AIS ตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 ตัวจริงอย่างชัดเจน จากล่าสุดที่ทั้งเตรียมเครือข่ายให้พร้อมรับ 5G และได้รับการอนุมัติจาก กสทช. สาธิต 5G บนคลื่น ความถี่ย่าน 26.5-27.5 GHz เรียกได้ว่า เป็นรายแรกในเมืองไทย ที่ผนึกพาร์ทเนอร์ อย่าง โนเกีย หัวเหว่ย และ แซดทีอี นำ 5G พร้อมตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ มาให้คนไทยได้สัมผัสจริง ในงาน “5G the First LIVE in Thailand by AIS” ณ AIS DC ชั้น 5 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียมตั้งแต่วันนี้ถึง กลางเดือนธันวาคม (ชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย)
จากนี้ไปคงต้องจับตาดูกันให้ดีๆว่า AIS จะมีเทคโนโลยีอนาคตอะไรมามอบให้คนไทยอีก งานนี้บอกได้คำเดียวว่า ห้ามพลาด