เริ่มเปิดศักราชใหม่ในปี 2019 กับการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่มากขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G ที่เป็นที่สนใจอย่างมากในปีนี้ แน่นอนว่าหลายองค์กรได้มีการปรับตัวและแสดงวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานของปีนี้ออกมาให้เห็นในแนวทางนี้กันมากขึ้น และหนึ่งในองค์กรยักษ์ใหญ่ทางด้านไอทีในบ้านเราอย่าง AIS ซึ่งได้มีแนวทางการพัฒนาองค์กรในด้านนี้มาโดยตลอด ก็ได้ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ด้วยเช่นกัน และในปีนี้ AIS ได้ออกมาประกาศว่าจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ Operator หรือผู้ให้บริการเครือข่ายเท่านั้น แต่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปเป็น Digital Service Provider หรือผู้ให้บริการทางด้านดิจิทัล รวมถึงแสดงถึงความพร้อมที่จะพัฒนาและก้าวไปเป็น Digital Platform ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sharing Digital Economy Platform เพื่อเสริมสร้างให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมของภาครัฐ และเอกชนแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นอีกด้วย มาติดตามกันดูดีกว่าว่า ในการแถลงวิสัยทัศน์ของ AIS ในครั้งนี้ จะมีอะไรใหม่ที่น่าสนใจรวมถึงทิศทางการพัฒนาในอนาคตของ AIS นั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้าง
AIS พร้อมสนับสนุน Digital Infrastructure ให้ทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Digital Intelligent Nation
คุณกานต์ ตระกูลฮุน ประธานกรรมการ AIS ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในภาพรวมของประเทศไทย โดยได้ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะก่อให้เกิดการปฎิบัติทางด้านอุสาหกรรมโลกครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันรวมถึงภาคเศรษฐกิจและสังคม โดยข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับการเติบโตทางด้าน Digital Service ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่ใช้ Digital Service ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในลักษณะการใช้งานแบบบุคคลมีการใช้งาน 3G/4G ไปสู่ภาคประชาชนได้รวดเร็วนอกจากนั้นยังมีค่าใช้จ่ายของการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ถูกที่สุดในอาเซียนและถูกเป็นที่ 3 ของโลกรวมไปถึงมีอัตราการเติบโตของการใช้งานโซเชียลมีเดียที่เร็วที่สุดเช่นกัน
ดังนั้นการนำ Innovation และ Digitalization มาลงทุนและพัฒนาในองค์กรจะช่วยทำให้เกิดความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และหากมีการร่วมมือกันทั้งในภาครัฐและเอกชนจะทำให้สามารถขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ Digital Intelligent Nation ในระดับสากลได้ โดยเป้าหมายของ AIS ในภาพรวมนั้น มีความพร้อมที่จะสนับสนุน Digital Infrastructor ให้กับประเทศไทยอย่างเต็มที่
ย้อนอดีตความเป็นมาระบบคมนาคมพร้อมย้ำ 4G ในไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก
คุณสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS ได้แสดงให้เห็นความเป็นมาของ AIS กับระบบโทรคมนาคมในประเทศไทย โดยทาง AIS นั้นได้วางรากฐานให้กับระบบโทรคมนาคมในประเทศไทยมาแล้วถึง 28 ปี นับตั้งแต่ปี 1990 โดยเป็นสัญญาร่วมงานกับองค์กรโทรศัพท์แห่งประเทศไทย 25 ปีและได้รับใบอนุญาติจาก กสทช. อีก 6 ปี ซึ่งในปีแรกได้ให้บริการแบบ 1G หรือโทรศัพท์แบบ Analog จากนั้นอีก 4 ปีจึงได้เปลี่ยนไปเป็นยุคดิจิทัล 2G แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ประเทศไทยใช้เวลานานถึง 18 ปีกว่าจะมี 3G ใช้ในปี 2012 หลังจากที่ได้มีการจัดตั้ง กสทช.ชุดใหม่พร้อมการประมูลคลื่น 2100 MHz เพื่อนำมาใช้พัฒนาเป็น 3G และภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช.ชุดนี้ได้มีการจัดประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ทำให้สามารถนำมาพัฒนาเป็น 4G ในระยะเวลาเพียง 3 ปีต่อมา วันนี้จึงพูดได้ว่าระบบคมนาคมและ 4G ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเรื่องเทคโนโลยี ความเร็ว หรือความเสถียร ไม่แพ้ชาติใดในโลกอย่างแน่นอน
AIS พร้อมแล้วสำหรับ 5G แต่ประเทศไทยควรใช้ในเวลาที่เหมาะสม
เรื่องของ 5G กำลังป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าจะเป็นสิ่งที่จะกำลังจะเข้ามาปฎิวัติวงการอุตสาหกรรมและธุรกิจโลกในเร็วๆนี้ ซึ่งทาง AIS ได้กล่าวอธิบายถึงแนวทางการพัฒนา 5G ที่น่าสนใจว่า
- ในขณะนี้มีหลายประเทศในโลกที่เริ่มมีการเปิดให้บริการหรือมีแนวทางการพัฒนา 5G อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น จีน เกาหลี อเมริกา ญี่ปุ่น แต่สิ่งที่น่าสนใจคือทุกประเทศเหล่านี้ได้รับคลื่นความถี่ฟรีโดยรัฐบาล หรือมีการประมูลคลื่นความถี่ในราคาที่ถูกมาก เพราะมองว่าคลื่นความถึ่เป็นเหมือนเครื่องมือที่ผู้ให้บริการเครือข่ายจำเป็นจะต้องนำไปใช้และลงทุนในด้านอื่นๆอีกมากมายเพื่อพัฒนาเครือข่าย 5G ขึ้นมา
- ประเทศเหล่านี้มีมุมมองของรัฐบาลที่เห็นว่า 5G ไม่ได้เป็นเพียงการพัฒนาเรื่องของโลกดิจิทัลเท่านั้น แต่ประเทศเหล่านี้มีมุมมองในการสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าอื่นๆที่ประเทศไทยไม่มี ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามี 5G เกิดขึ้น เกาหลีจะมี Samsung ที่เตรียมผลิตโทรศัพท์มือถือใหม่ๆ พัฒนาประเทศได้ จีนมี Huawei ที่จะสามารถขาย Network ขายโทรศัพท์มือถือใหม่ พัฒนาประเทศได้ อเมริกามีชิปเซ็ทของ 5G ที่สามารถส่งออกและสร้างรายได้ให้ประเทศได้ หรือญี่ปุ่นที่หวังจะเป็นเจ้าแห่งวงการรถยนต์ไร้คนขับ นั่นเอง
ดังนั้นในประเทศไทยนั้นการลงทุน 5G ในวันนี้ อาจจะยังเร็วเกินไป ซึ่งคาดว่าในช่วงเวลาอีก 3 ปีข้างหน้า เมื่อมีแนวทางในการทำธุรกิจที่ชัดเจนกว่านี้จึงค่อยมาคิดกันอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามประเทศไทยเสียโอกาสกับการมี 3G ที่ช้าเกินไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่อยากให้เสียโอกาสกับการเสียโอกาสเพราะหลงทางกับการมี 5G ที่เร็วเกินไป ในวันนี้ประเทศไทยไม่ใช่ไม่อยากมี 5G ใช้ แต่ควรจะมีใช้ในเวลาที่เหมาะสม และทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่า AIS จะไม่มีการพัฒนา 5G โดยในขณะนี้ทาง AIS ได้ทำการศึกษา ทดลอง และติดตามเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นไป เมื่อถึงวันที่ 5G พร้อม จะได้ใช้งาน 5G ได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง
2018 ปีแห่งการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี
จากสถิติจะเห็นได้ว่าในปี 2018 นั้น มีผู้ใช้งานโทรศัพท์ถึง 90 ล้านเลขหมายที่มีการใช้งาน 4G แสดงให้เห็นว่าระบบเน็ตเวิร์คที่ดีสามารถรองรับการใช้งาน 4G ให้กับผู้บริโภคได้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าโลกแห่งการคมนาคมได้ถูกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โลกแห่งดิจิทัลเรียบร้อยแล้ว ผู้คนใช้งานโทรศัพท์กันมากกว่าแค่การติดต่อสื่อสารอย่างเดียว แต่ใช้ทำงาน และธุรกรรมต่างๆมากมาย พฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์มือถือได้เปลี่ยนไป มีอัตราการเติบโตเพิ่มจากการใช้งานเฉลี่ย 7.3GB ต่อเดือน ในปี 2017 เพิ่มไปเป็นละ 11.6 GB ต่อเดือนในปี 2018 และยังมีจำนวนการใช้งานต่อวันเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 3 ชั่วโมงต่อวัน เป็น 6 ชั่วโมงต่อวันอีกด้วย
ในส่วนของการใช้งานอินเตอร์เน็ตบ้าน จะเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากสายเคเบิ้ลไปเป็นสายไฟเบอร์ในอัตราสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นสูงมากในระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น
AIS ประกาศเปลี่ยนจาก Mobile Operator ไปเป็น Digital Service Provider มุ่งพัฒนา Digital Platform สำหรับคนไทยภายใน 5 ปี
และจากแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกิดนั้น ทำให้ทาง AIS ซึ่งเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี ได้ออกมาประกาศว่าจะเปลี่ยนจาก Mobile Operator หรือบริษัททางด้านโทรคมนาคม ไปสู่ Digital Service Provider หรือบริษัทที่จะให้บริการทางด้าน Digital Service โดยมีแผนในการพัฒนา Digital Platform สำหรับคนไทยใน 5 ปีข้างหน้านี้
แม้ว่าก่อนหน้านี้ทาง AIS จะได้มีการกล่าวถึงเรื่องราวของ Digital Platform กันมาบ้างแล้วในปีที่ผ่านมา แต่สำหรับปีนี้และอีก 5 ปีข้างหน้า ทาง AIS ได้มีการมุ่งเน้นในส่วนสำคัญเพิ่มเติมเข้ามาจากเดิมได้แก่ Big Data คือ การนำ Data ที่มีอยู่อย่างมากมาย ทำให้เกิดความสำคัญ มีความหมายและสามารถนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้จริง และ Cyber Security คือการดูแลป้องกันภัยคุกคามต่างๆเพื่อให้ Digital Platform สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจได้ว่าปลอดภัยแน่นอน และเสริมเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามา ยกตัวอย่างเช่น AR , VR , Blockchain และ Robot
ส่องเทคโนโลยีใหม่โดนใจจาก AIS
จากเรื่องของ Digital Platform ที่ AIS ได้กล่าวถึงนั้น ในปัจจุบันทาง AIS ได้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ และสิ่งต่างๆมาผสมผสานกับ Digital Platform เพื่อเกิดเป็นโครงการต่างๆ ที่ได้รับการร่วมมือกับหลายภาคส่วน ยกตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัย ซึ่งได้มีการนำมาเสนอให้เห็นภายในงานนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งภายในงานคุณ ฮุย เว็ง ชอง กรรมการผู้อำนวยการ ได้ขึ้นมาแนะนำเทคโนโลยีจากโครงการต่างๆของ AIS ได้แก่
AIS Super WiFi+ ( WiFi 6 ) ความเร็วได้ถึง 4.8 Gpbs
ในปีนี้ AIS จะเตรีมเปิดให้บริการ WiFi 6 ซึ่งจะมีประสิทธิภาพที่เร็วสูงขึ้นถึง 40% ใช้งานในพื้นที่ต่างๆได้ดียิ่งขึ้น และประหยัดแบตเตอรี่การใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยจะเริ่มเปิดลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ Wi-Fi 6 ได้ที่ AIS D.C. ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม และ AIS Flagship Store ที่เซ็นทรัลเวิลด์ โดยเทคโนโลยี Wifi6 (802.11ax) เป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่ AIS จะได้มาเริ่มให้บริการในชื่อ AIS Super Wifi+ โดยจะสามารถใช้ความเร็วได้ถึง 4.8 Gpbs เพิ่มความสามารถในการรองรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้มากถึง 8 เท่า ตอบโจทย์การเติบโตของ IoT สำหรับในส่วนของ Fix Broadband นั้น จะมีการขยายพื้นที่ให้บริการอย่างต่อเนื่อง และเสริมความแข็งแกร่งการบริการ ICT เพื่อองค์กร ที่จะส่งมอบผ่าน CS LoxInfo ในรูปแบบของ One Stop ICT Services อีกด้วย
เริ่มเปิดทดสอบ5Gแล้วที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
AIS ได้ร่วมวิจัย 5G เพื่อเตรียมความพร้อมในอนาคต โดยร่วมมือกันระหว่างคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และภาคการศึกษา ยกตัวอย่างเช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับการเปิดพื้นที่ 5G ให้พร้อมสัมผัสบนพื้นที่ใจกลางกรุงเทพ โดย AIS และ วิศวะจุฬาฯ ได้เปิดประสบการณ์ทดลอง 5G ของจริงแห่งแรกในไทย บริเวณพื้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสยามสแควร์ เร็วๆนี้ รวมถึงยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อพัฒนารถยนต์ไร้คนขับผ่านระบบ 5G
เปิดตัว AIS DigitALL – The First Unmanned Store ร้านดิจิทัลเต็มรูปแบบที่แรกในไทย
AIS เปิดประสบการณ์ครั้งใหม่ให้กับคนไทย กับการเปิดตัวร้าน The First Unmanned Store ร้านแรกในประเทศไทย โดยจะได้พบกับประสบการณ์ช้อปดิจิทัลที่แรกในประเทศไทย AIS DigitALL สะดวก ง่าย ซื้อมือถือ แพ็กเกจ แกดเจ็ต เปิดซิม จบในที่เดียวได้ด้วยตัวเอง โดยเปิดให้สัมผัสแล้ววันนี้ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า จังหวัดภูเก็ต
สรุป AIS ตั้งใจจะทำอะไรในอีก 5 ปีข้างหน้านี้
สำหรับแนวทางการพัฒนาของ AIS ในช่วงเวลา 5 ปีต่อจากนี้ แน่นอนว่าในเรื่องของเทคโนโลยีนั้น AIS เตรียมการพัฒนาในเรื่องของการสร้าง Digital Platform สำหรับคนไทยแล้ว ซึ่งนอกจากเรื่องของเทคโนโลยีแล้วเรื่องที่ให้ความสนใจและคำนึงถึงนั่นก็คือเรื่องของบุคลากรหรือคนไทย และเรื่องของสังคมไทย ซึ่งเป็นอีก 2 ส่วนในโลกโลกดิจิทัลที่ต้องนึกถึง ไม่เพียงแค่นึกถึงเรื่องของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ในส่วนของการพัฒนาบุคคลากรหรือคนไทยให้ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์นั้น AIS ได้จัดทำโครงการ AIS ACADEMY for THAIs เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้คนไทยให้มีความรู้ ความสามารถ และความเข้าใจในโลกยุคดิจิทัล และสำหรับส่วนของสังคมไทยนั้นได้จัดทำโครงการ AIS Green ซึ่งจะร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและพาร์ทเนอร์ต่างๆในการรณรงค์ในเรื่องขยะดิจิทัล เพื่อกระตุ้นให้สังคมได้ทราบถึงผลกระทบจากขยะดิจิทัลที่เกิดขึ้น รวมไปถึงโครงการ Cyber Wellness กับการพัฒนาและสื่อสารให้เยาวชนมี DQ – Digital Intelligence Quotient หรือการให้ความรู้เรื่องความอัจฉริยะทางเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับเยาวชนไทย เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกและสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อปลูกฝังและพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยีให้เยาวชนพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของพลเมืองดิจิทัลได้อย่างเหมาะสมในอนาคตนั่นเอง
และส่วนของการสร้าง Digital Platform นั้น AIS ยังตอกย้ำจะพัฒนา Ditital Platform ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ Ditital Platform สำหรับ AIS เท่านั้น แต่จะเป็น Ditital Platform สำหรับคนไทยทุกคน ซึ่งนอกจากในส่วนของ Infrastructor ที่แข็งแกร่งแล้ว ในปีนี้และ 5 ปีข้างหน้าจะมีการเสริมในส่วนของ Data Analytics เพื่อวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย โดยในวันนี้ AIS มีฐานลูกค้า 41 ล้านคน ซึ่งในปีนี้ AIS จะเปิดฐานลูกค้าให้กับทุกอุตสาหกรรมเพื่อผลประโยชน์ลูกค้า ภายใต้กฎกติกาที่กฎหมายกำหนด รวมไปถึงจะมีการสร้าง Platform เพื่อเชื่อมต่อกับ Platform กับอุตสาหกรรมอื่นๆ ช่วยทำให้เกิดเครือข่ายและสังคมดิจิทัลที่เติบโตและอยู่รอดร่วมกัน พร้อมทั้งเชิญชวนให้องค์กร ธุรกิจ หรือบุคคล เข้ามาร่วมสร้างเครือข่ายดิจิตอลที่ดีและแข็งแรงร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้คือแนวทางในการทำงานของ AIS ในอีก 5 ปีข้างหน้า ที่หวังว่า Digital Platform จะเป็นส่วนหนึ่งช่วยให้สังคมไทยแข็งแกร่งขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ของ AIS DIGITAL INTELLIGENT NATION 2019 นั่นเอง
บทความโดย – www.flashfly.net