ผลกระทบจากการที่สหรัฐอเมริกาออกมาตรการคว่ำบาตร Huawei ทำให้บริษัทในอเมริกาถูกบังคับให้ตัดความสัมพันธ์กับบริษัทใหญ่จากประเทศจีน และผลจากการกระทำในครั้งนี้ของสหรัฐฯ อาจไม่มีฝ่ายใดชนะ ขณะที่ผู้บริโภคจะต้องแบกรับภาระจากผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูงขึ้น
Andrew Williamson ประธานฝ่ายกลยุทธ์ของ Huawei ให้สัมภาษณ์กับทาง Fox เกี่ยวกับแผนการดำเนินธุรกิจของ Huawei นับจากนี้ ซึ่ง Williamson ได้บอกว่าบริษัทฯ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นด้วยตัวเลขสองหลัก เนื่องจาก Huawei เตรียมแผนสำรองไว้สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน และ Huawei ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ
Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้งและประธานของ Huawei กล่าวว่าบริษัทฯ จะมีรายได้ลดลงจากการลดการผลิต โดยคาดว่ารายได้ในปี 2019 และ 2020 จะอยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านหยวน หรือราว 4.5 แสนล้านบาท และเชื่อมั่นว่า Huawei จะกลับมาแข็งแกร่งขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า
ด้านผลกระทบของสหรัฐอเมริกา Andrew Williamson มองว่า สหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบในเชิงลบเช่นเดียวกัน จากการแบน Huawei เนื่องจาก Huawei เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา ในแต่ละปี Huawei ได้ลงทุนในสหรัฐถึง 1.1 หมื่นล้านดอลล่าร์ หรือราว 3.38 แสนล้านบาท ผลจากการตัดความสัมพันธ์กับ Huawei จะทำให้กลุ่มซัพพลายเออร์ในสหรัฐฯ สูญเสียรายได้จากการส่งออกเป็นมูลค่า 5.6 หมื่นล้านดอลล่าร์ หรือราว 1.72 ล้านล้านบาท ซึ่งจะส่งผลกระทบกับพนักงานถึง 74,000 ราย ผลกระทบอาจกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีเป็นหลัก แต่เมื่อสูญเสียการส่งออก จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในพื้นที่อื่นๆ ของสหรัฐ
Andrew Williamson ยังบอกว่า Huawei จะลงทุนพัฒนาและวิจัย และทำธุรกิจกับประเทศที่ให้การต้อนรับ และมองว่าเทคโนโลยี 5G ในสหรัฐฯ อาจล่าช้าไป 1.5 – 2 ปี ซึ่งเป็นผลจากการจำกัดเทคโนโลยีของ Huawei ซึ่งจะส่งผลให้ความได้เปรียบทางเศรษฐกิจต้องถูกเลื่อนตามไปด้วย
สุดท้าย Williamson ได้บอกว่าตลาดที่มีการจำกัดการแข่งขันอย่างเสรี จะเกิดผลเสียต่อผู้บริโภค เพราะทำให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น
ที่มา – Gizchina
https://www.flashfly.net/wp/256944