“หลังจากที่ Facebook ได้ทำการพิจารณาอย่างระมัดระวัง และ ได้ตัดสินใจจำกัดการเข้าถึงเนื้อหา ที่รัฐบาลไทย ได้มีการออกมาระบุว่าเป็นเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย” ข้อเรียกร้องดังกล่าว จากทางรัฐบาล ครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่รุนแรง เนื่องจากขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล และ ยังส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก และ การดำเนินงานของเฟซบุ๊ก ที่มีเป้าหมายในการปกป้อง และ รักษาไว้ซึ่งสิทธิต่างๆ ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกคน การแทรกแซงการทำงานที่เกิดขอบเขตของรัฐบาลครั้งนี้ ถือว่าเป็นการบั่นทอนความสามารถในการดำเนินงานของ Facebook ในการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการดำเนินงานของสำนักงานในประเทศไทย การคุ้มครองดูแลพนักงานของบริษัท และ การช่วยเหลือสนับสนุนต่อธุรกิจต่างๆ ที่ต้องพึ่ง Facebook
- ด้านเสรีภาพในการแสดงออก และ กฎระเบียบที่ว่าด้วยการแสดงออกถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายที่มันซับซ้อนมากที่สุด และ มีความสำคัญในฐานะองค์กร โดยเป็นหัวข้อที่อาศัยความสมดุลที่ละเอียดอ่อนระหว่างการช่วยให้ผู้คนสามารถแสดงออกถึงความคิดอย่างเสรีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมายท้องถิ่น และ บรรทัดฐานทางวัฒนธรรม
- เมื่อทาง Facebook ได้รับคำขอจากทางรัฐบาล หรือ หน่วยงานทางกฎหมาย ให้จำกัดการเข้าถึงของเนื้อหา ทางเราได้ทบทวนเนื้อหาว่าขัดต่อมาตรฐานชุมชนของ Facebook หรือ ไม่หากพบว่าเนื้อหานั้นละเมิดมาตรฐานชุมชนทาง เราจะทำการลบเนื้อหาทั้งหมดออกจากแพลตฟอร์ม
- ในกรณีที่เนื้อหาไม่ได้ละเมิดมาตรการชุมชนทาง Facebook จะนำเข้าสู่ขั้นตอนในการตรวจสอบทางกฎหมาย โดยจะมีกระบวนการทั้ง 2 ขั้นตอนเพื่อให้มั่นใจว่าคำขอนั้นถูกต้องตามกฎหมาย และ เนื้อนั้นมีการละเมิดกฎหมายท้องถิ่นจริงทาง Facebook อาจจำกัดการเข้าถึงเนื้อหานั้นๆ ในประเทศที่ระบุว่าขัดต่อกฎหมาย คำขอเหล่านั้นจะถูกดำเนินการในรูปแบบของคำสั่งศาลที่มีการยื่นคำร้องจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
- ทาง Facebook ได้ดำเนินการอย่างโปร่งใส ในการแจ้งถึงจำนวนเนื้อหาที่ได้จำกัดการเข้าถึง โดยอ้างอิงจากกฎหมายท้องถิ่นในประเทศ ซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้ที่รายงานเเพื่อความโปร่งใส ซึ่งจะมีการปรับข้อมูลให้เป็นปัจจุบันในทุกๆ 6 เดือน