\ในที่สุด OnePlus ประเทศไทยก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน OnePlus Nord อย่างทางการโดยมีสโลแกน Lite Flagship for New Gen หรือ สมาร์ทโฟนเรือธงสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่มีราคาจับต้องได้ง่าย และเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับ iPhone SE รุ่นที่ 2 ของ Apple ที่วางจำหน่ายไปในข่วงกลางปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าคำถามที่หลายคนคาใจว่าจะซื้อรุ่นไหนดีวันนี้ทีมงาน @flashfly จะมาไขข้อสงสัยพร้อมเปรียบเทียบทุกฟีเจอร์การใช้งานมาฝากกัน
ดีไซน์
OnePlus Nord ใช้กระจก Matte AG Glass มาในสี Blue Marble และ Grey Onyx โดดเด่นที่ระบบกล้องหลัง 4 ตัว วางซ้อนกันในแนวตั้งอยู่บริเวณมุมบนซ้ายมือ ส่วนด้านหน้ามีขอบจอบางเฉียบรอบด้าน ไม่มีรอยบาก เพราใช้วิธีเจาะหลุมสำหรับวางกล้องคู่เซลฟี่
iPhone SE (2020) ใช้ดีไซน์กระจกเช่นเดียวกัน และมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ White, Black, (PRODUCT)RED วางกล้องหลังในตำแหน่งเดียวกับ OnePlus Nord แต่มีเลนส์เดียว ด้านหน้ายังมีขอบจอที่ค่อนข้างหนา เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบัน เพราะถอดแบบดีไซน์มาจาก iPhone 8 โดยยังมีปุ่มโฮมติดตั้งอยู่ใต้หน้าจอ
ปุ่มโฮมของ iPhone SE (2020) ยังติดตั้ง Touch ID หรือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมไว้ด้วย ขณะที่ OnePlus Nord ซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล จึงทำให้ดีไซน์โดยรวมดูทันสมัยกว่า แต่บางคนก็อาจชอบที่ iPhone SE มองเห็นตำแหน่ง Touch ID ได้ชัดเจน
การออกแบบในภาพรวม OnePlus Nord มีความสวยงาม ทันสมัยกว่า แต่ด้วยขนาดบอดี้ 158.3 x 73.3 x 8.2 มิลลิเมตร น้ำหนัก 184 กรัม ทำให้ iPhone SE พกพาได้สะดวกกว่า ด้วยขนาด 138.4 x 67.3 x 7.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 148 กรัม
จอแสดงผล
เหตุผลที่ iPhone SE (2020) มีขนาดเล็กพกพาสะดวกกว่า OnePlus Nord เพราะมีขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว ขณะที่ OnePlus Nord มีขนาด 6.44 นิ้ว จึงแสดงภาพได้อย่างเต็มตา
OnePlus Nord ใช้จอแสดงผล Fluid AMOLED ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ความหนาแน่น 408 พิกเซลต่อนิ้ว ให้อัตราส่วนภาพ 20:9 และมีอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 90Hz
iPhone SE ใช้จอแสดงผล LCD ความละเอียด 750 x 1334 พิกเซล ความหนาแน่น 326 พิกเซลต่อนิ้ว ให้อัตราส่วนภาพ 16:9 และมีอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 60Hz
สรุปแล้ว จอแสดงผลของ OnePlus Nord มีความละเอียดมากกว่า ขนาดใหญ่กว่าอย่างชัดเจน และการแสดงผลก็ราบรื่นกว่าด้วยอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 90Hz แต่ iPhone SE ก็ช่วยให้ผู้ใช้งานจับถือได้ถนัดกว่าด้วยมือเดียว เพราะมีขนาดหน้าจอและบอดี้เล็กกว่า
กล้อง 6 เลนส์ vs 2 เลนส์
มาถึงความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง OnePlus Nord กับ iPhone SE รุ่นที่ 2 เนื่องจาก OnePlus Nord ติดตั้งกล้องมาให้ถึง 6 เลนส์ แบ่งเป็นหน้า 2 หลัง 4 ขณะที่ iPhone SE ใช้กล้องเลนส์เดียวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
กล้องหลังของ OnePlus Nord ประกอบด้วย กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล (Sony IMX586) รูรับแสง f/1.75 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS, กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สามารถเก็บภาพในมุมมองกว้าง 119 องศา, กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ช่วยถ่ายภาพในระยะใกล้วัตถุ และกล้อง Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพบุคคลให้โดดเด่น โดยมีโหมดถ่ายภาพตอนกลางคืน Nightscape ที่สามารถถ่ายภาพได้ทั้งกล้องหลัก และกล้อง Ultra Wide Angle
กล้องหลังของ iPhone SE รุ่นที่ 2 มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ถึงแม้จะใช้กล้องเลนส์เดียว แต่ก็รองรับการถ่ายภาพในโหมด Portrait ได้เช่นเดียวกับ OnePlus Nord แต่ไม่มีโหมดถ่ายภาพในเวลากลางคืน
กล้องคู่หน้าของ OnePlus Nord ประกอบด้วย กล้องหลัก 32 ล้านพิกเซล (Sony IMX616) รองรับการถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืนด้วยโหมด Night Scape Selfie วางคู่กับกล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่ในมุมมองกว้างถึง 105 องศา
กล้องหน้าของ iPhone SE มีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 รองรับโหมด Portrait และ Portrait Lighting ได้เหมือนกล้องหลัง
สำหรับการถ่ายวิดีโอของ OnePlus Nord ด้วยกล้องหลัง รองรับความละเอียดสูงสุด 4K ด้วยอัตรา 30 เฟรมต่อวินาที ทั้งกล้อง Main และ Ultra Wide Angle แต่กล้องหน้า รองรับถึงความละเอียด 4K ด้วยอัตรา 30 และ 60 เฟรมต่อวินาที
ด้าน iPhone SE สามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที ด้วยกล้องหลัง และ ถ่ายวิดีโอในระดับ Full HD 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ด้วยกล้องหน้า
ประสิทธิภาพ
OnePlus Nord มาพร้อมชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G ความจำ RAM 8GB และ 12GB แบบ LPDDR4X อีกมุมหนึ่ง iPhone SE รุ่นที่ 2 ใช้ชิปประมวลผล Apple A13 Bionic ความจำ RAM 3GB
Qualcomm มีชิปประมวลผลระดับเรือธงอย่าง Snapdragon 865 ซึ่งแน่นอนว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่า Snapdragon 765G ที่อยู่ใน OnePlus Nord และผลจากการทดสอบด้วยแอพพลิเคชั่นวัดประสิทธิภาพ ก็พบว่าชิป A13 Bionic มีประสิทธิภาพดีกว่า Snapdragon 865 นั่นหมายความว่า ชิป Snapdragon 765G ยังไม่สามารถเทียบได้กับชิป A13 Bionic ซึ่งเป็นชิปเรือธง และมีอยู่ใน iPhone 11 Series
ด้านความจุ OnePlus Nord มีให้เลือก 2 รุ่น 128GB (RAM 8GB) กับ 256GB (RAM 12GB) ส่วน iPhone SE (2020) มี 3 ตัวเลือก 64GB, 128GB และ 256GB
ระบบปฏิบัติการ
อีกหนึ่งความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง OnePlus Nord กับ iPhone SE (2020) นั่นคือระบบปฏิบัติการ สมาร์ทโฟนของ OnePlus ทำงานบนพื้นฐาน Android 10 ครอบทับด้วย OxygenOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่มีความเสถียร ตอบสนองการใช้งานได้อย่างลื่นไหล และให้ประสบการณ์เดียวกับเรือธงรุ่นพี่ของ OnePlus ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้
จุดเด่นของ OxygenOS คือได้รับการอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่อยู่เสมอ เนื่องจาก OnePlus เป็นแบรนด์ที่เน้นผลิตแต่สมาร์ทโฟนระดับเรือธง และทำออกมาปีละไม่กี่รุ่น การดูแลด้านซอฟต์แวร์และความปลอดภัยต่างๆ จึงทำได้อย่างรวดเร็ว และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
iPhone SE (2020) มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 13 ซึ่งมีจุดแข็งที่ระบบนิเวศของ Apple ทำให้ iPhone SE สามารถเข้าถึงและเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ต่างๆ ของ Apple ได้อย่างราบรื่น และมั่นใจได้ว่า iPhone SE รุ่นที่ 2 จะได้รับการอัพเดทซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอต่อไปอีกหลายปี เช่นเดียวกับ iPhone รุ่นพรีเมี่ยมอย่าง iPhone 11 Pro Max
การเชื่อมต่อไร้สาย
ด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G ทำให้ OnePlus Nord รองรับเทคโนโลยี 5G บนคลื่นความถี่ 700MHz และ 3,500MHz ซึ่งคาดว่าจะสามารถใช้งานในประเทศไทยได้ในช่วงปลายปี 2563 หรือต้นปี 2564 และยังสนับสนุน 4G LTE ที่พร้อมใช้งานทันที สำหรับ iPhone SE (2020) สนับสนุน 4G LTE ระดับ Gigabit
การเชื่อมต่อเครือข่ายของ iPhone SE อาจอยู่หลัง OnePlus Nord แต่การเชื่อมต่อ Wi-Fi นั้นแซงหน้า เพราะสนับสนุนมาตรฐานใหม่ล่าสุด 802.11ax หรือ Wi-Fi 6 สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 9.6Gbps ขณะที่ Wi-Fi 5 ทำความเร็วได้สูงสุด 3.5Gbps
แบตเตอรี่ เทคโนโลยีชาร์จเร็ว
OnePlus Nord ให้ความจุแบตเตอรี่ 4115mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30W (5V/6A) ที่เรียกว่า Warp Charge 30T สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 0 – 70% ในเวลาเพียง 30 นาที โดยแถมอุปกรณ์ชาร์จเร็วมาให้ในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
iPhone SE รุ่นที่ 2 มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ 1821mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 0 – 50% ในเวลา 30 นาที แต่ไม่แถมอุปกรณ์ชาร์จเร็วมาให้ ต้องซื้อเพิ่มทั้ง Power Adapter และสายเคเบิล USB-C
อย่างไรก็ตาม iPhone SE (2020) ยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ชาร์จไร้สายทั่วไปของ Qi จึงทำให้การชาร์จมีความสะดวกสบายมากขึ้น
ราคา
OnePlus Nord เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คือ RAM 8GB + ROM 128GB ราคา 14,990 บาท เลือกได้ 2 สี ระหว่าง Blue Marble กับ Gray Onyx อีกรุ่น RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 17,990 บาท มีให้เลือกเฉพาะสี Blue Marble
iPhone SE (2020) วางจำหน่ายไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คือ 64GB ราคา 14,900 บาท, 128GB ราคา 16,900 บาท และ 256GB ราคา 20,900 บาท
ถ้ามองเฉพาะพื้นที่เก็บข้อมูล OnePlus Nord ให้ความคุ้มค่าอย่างชัดเจน ในราคา 14,990 บาท ได้รับความจุ 128GB ขณะที่ iPhone SE ความจุ 128GB แขวนป้ายราคาไว้ที่ 16,900 บาท และในรุ่น 256GB ราคา 20,900 บาท ก็สูงกว่า OnePlus Nord ที่มีราคาเพียง 17,990 บาท
สรุป
หากเทียบกันระหว่าง OnePlus Nord กับ iPhone SE (2020) จะพบว่าสมาร์ทโฟนของ OnePlus มีดีไซน์ทันสมัยสวยงามระดับเดียวกับรุ่นแฟลกชิป ขนาดหน้าจอขนาดใหญ่ มีอัตรารีเฟรช 90Hz ตอบโจทย์ทั้งการดูหนัง เล่นเกม กล้องถ่ายรูปทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังที่รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ความจุแบตเตอรี่สูง มีอุปกรณ์ชาร์จเร็วมาให้ในกล่อง ยังมีโมเด็ม 5G ใส่มาในเครื่องรอการเปิดใช้งานในอนาคต
ในขณะที่ iPhone SE มีประสิทธิภาพที่สูงกว่า OnePlus Nord ใช้บอดี้เป็นกระจกที่ทนทานแบบรุ่นแฟลกชิปของ Apple รองรับเทคโนโลยีการชาร์จไร้สาย กันน้ำกันฝุ่นตามมาตราฐาน IP67 และมี Wi-Fi 6 ติดตั้งมาพร้อมให้ใช้งาน ซึ่งข้อด้อยของ iPhone SE คือมีหน้าจอขนาดเล็ก แต่แลกมากับน้ำหนักเบา พกพาก็สะดวกกว่านั่นเอง
ซึ่งทั้ง 2 รุ่นต่างก็มีข้อดีข้อด้อย ขึ้นอยู่กับว่ารุ่นไหนจะตอบโจทย์การใช้งานของแต่ละคนมากกว่ากัน โดยทีมงาน @flashfly หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ในการช่วยตัดสินใจการเลือกเป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุดไม่มากก็น้อย แล้วพบกันในบทความต่อไป
รีวิว OnePlus Nord สมาร์ทโฟนนิยามใหม่ Lite Flagship for New Gen ใช้งานได้แบบแฟลกชิปในราคาเบาๆ
รีวิว iPhone SE รุ่นที่ 2 ไอโฟนรุ่นแรกของปี 2020 ราคาน่าซื้อที่สุดแล้ว เริ่มต้นแค่ 14,900 บาท