ดูเหมือนระบบกล้องของ iPhone 12 Pro จะไม่ได้แตกต่างจาก iPhone 11 Pro มากนัก แต่นั่นเป็นการมองเพียงผิวเผินเท่านั้น เนื่องจาก iPhone 12 Pro ได้รับการตั้งค่ากล้องหลังมาให้ 3 ตัว เหมือนกับรุ่นก่อน ส่วนกล้องหน้า TrueDepth ก็ยังคงความละเอียดเท่าเดิม แต่ถ้าเจาะลงไปให้ลึก iPhone 12 Pro จะสามารถสร้างความแตกต่างจาก iPhone 11 Pro ได้หรือไม่? เว็บไซต์ MacRumors มีคำตอบมาให้แล้ว

กล้องหน้า
กล้องหน้า TrueDepth ของ iPhone 12 Pro และ iPhone 11 Pro ใช้ฮาร์ดแวร์เดียวกัน โดยมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/2.2 แต่ด้วยชิปประมวลผล A14 Bionic ทำให้ iPhone 12 Pro ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพกล้อง

ด้วยชิปรุ่นใหม่กว่า ทำให้กล้องหน้า TrueDepth ของ iPhone 12 Pro สนับสนุน Night Mode, Deep Fusion, Smart HDR 3 ส่วนการถ่ายวิดีโอก็รองรับ Dolby Vision HDR และ Time-lapse ด้วย Night Mode
โดยปกติแล้ว Deep Fusion จะเปิดทำงานในสภาพแสงปานกลาง ช่วยให้กล้องหน้าของ iPhone 12 Pro สามารถดึงพิกเซลที่ดีที่สุดจากการรับแสงหลายภาพ เพื่อสร้างภาพที่คมชัดขึ้น มีรายละเอียดมากขึ้น และมีจุดรบกวนน้อยลง
Smart HDR 3 ช่วยปรับปรุงไฮไลท์เงาและสมดุลสีขาว เพื่อให้ภาพถ่ายได้แสงที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น สมจริงยิ่งขึ้น และการถ่ายวิดีโอ Dolby Vision HDR ช่วยให้การถ่ายวิดีโอจากกล้องหน้าดูดีกว่ารุ่นก่อน
โดยรวมแล้ว กล้องหน้าของ iPhone 12 Pro ได้รับการปรับปรุงด้านซอฟต์แวร์ ทำให้ผู้ใช้งานอาจมองไม่เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนจากภาพถ่ายเมื่อเทียบกับ iPhone 11 Pro อย่างไรก็ตาม iPhone 12 Pro สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ในเวลากลางคืนได้ดีกว่ารุ่นก่อนอย่างชัด
กล้องหลัง
ถึงแม้กล้องหลังของ iPhone 12 Pro จะมาพร้อมกล้อง 3 ตัว (Ultra Wide, Wide, Telephoto) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เท่ากับ iPhone 11 Pro แต่กล้อง Wide ได้รับการอัพเกรดใหม่ให้ดีขึ้น โดยใช้องค์ประกอบเลนส์ 7 ชิ้น ขนาดรูรับแสง f/1.6 ช่วยให้รับแสงเพิ่มได้ขึ้น 27% จึงถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น

iPhone 12 Pro ยังมาพร้อม LiDAR Scanner ช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยด้วย Night Mode ได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน นอกจากนี้ Smart HDR 3 และ Deep Fusion ก็ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
ภาพถ่ายในตอนกลางวัน
ภาพถ่ายกลางแจ้งในสภาพแสงปกติ iPhone 12 Pro ออกมาดูดีกว่า และการทำงานของ Smart HDR 3 ยังให้สมดุลสีขาวและการรักษารายละเอียดของภาพได้ยอดเยี่ยม ทำให้ภาพถ่ายคมชัด สมจริงกว่า iPhone 11 Pro อยู่เล็กน้อย ขณะที่เลนส์ใหม่ของ iPhone 12 Pro ยังสามารถลดจุดรบกวนบนภาพถ่ายและปรับสมดุลระหว่างแสงที่แตกต่างกันได้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม การแยกความแตกต่างระหว่างภาพถ่ายจาก iPhone 12 Pro และ iPhone 11 Pro ยังเป็นเรื่องยาก ซึ่งต้องซูมภาพเข้าไปมองถึงพิกเซลเลยทีเดียว

Portrait Mode
iPhone 12 Pro ถ่ายภาพด้วย Portrait Mode ได้ดีกว่าอย่างชัดเจน เนื่องจากมาพร้อม LiDAR Scanner ช่วยให้กล้องหลังสามารถแยกฉากหลังออกจากตัวบุคคลได้แม่นยำขึ้น สามารถตรวจจับขนหรือเส้นผมตามขอบได้ดีกว่าอย่างชัดเจน

LiDAR Scanner ยังช่วยให้ iPhone 12 Pro ถ่ายภาพด้วย Portrait Mode ในเวลากลางคืนได้ ซึ่ง iPhone 11 Pro ไม่สามารถทำได้

ภาพถ่ายในที่แสงน้อย
ด้วยชิปประมวลผลรุ่นใหม่ และ LiDAR Scanner ทำให้ iPhone 12 Pro สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยด้วย Night Mode ได้ดีกว่า สามารถจับรายละเอียดได้มากขึ้น คมชัดขึ้น และมีสีสันสดใสขึ้นเล็กน้อย

Night Mode ของ iPhone 12 Pro ยังรองรับการถ่ายภาพด้วยกล้อง Ultra Wide จึงสามารถถ่ายภาพมุมกว้างในเวลากลางคืนได้สวยงามขึ้น อีกทั้ง LiDAR Scanner ยังช่วยให้ระบบออโต้โฟกัส ทำงานได้เร็วขึ้นในสภาพแสงน้อย

การถ่ายวิดีโอ
iPhone 12 Pro สามารถถ่ายวิดีโอได้ดีขึ้น จับโฟกัสได้เร็วขึ้น และยังรองรับการถ่ายวิดีโอในรูปแบบ HDR Dolby Vision ซึ่ง iPhone 11 Pro ไม่สามารถทำได้

การถ่ายวิดีโอในรูปแบบ HDR Dolby Vision ทำให้ได้ภาพเคลื่อนไหวที่ดูดี และง่ายที่จะแก้ไขบน iPhone แต่ยังไม่สนับสนุนการแก่ไขบน Mac และจำกัดการรับชมบนอุปกรณ์ที่สนับสนุน Dolby Vision เท่านั้น เช่น iPhone หรือ TV รุ่นใหม่ๆ

iPhone 12 Pro ยังรองรับโหมด Night Mode Time-Lapse ช่วยให้ iPhone รุ่นใหม่เปิดรับแสงในเวลากลางคืนได้ยาวนานขึ้น เหมาะสำหรับการถ่ายภาพท้องฟ้ายามคำคื่น หรือ ภาพถ่ายในเมืองที่มองลงมาจากมุมสูง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้รับประโยชน์จากโหมดนี้ เพราะต้องใช้ขาตั้งกล้อง
สรุป
ระบบกล้องของ iPhone 12 Pro ได้รับการปรับปรุงอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับ iPhone 11 Pro แต่ภาพถ่ายที่ออกมา ไม่ได้สร้างความแตกต่างได้มากนัก ยกเว้นการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ทำให้ MacRumors ไม่แนะนำให้เจ้าของ iPhone 11 Pro อัพเกรดเป็น iPhone 12 Pro ถ้าหวังว่าจะได้รับกล้องใหม่ที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม ยกเว้นว่าจะเป็นช่างภาพที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการปรับปรุงต่างๆ

ที่มา – MacRumors
https://www.flashfly.net/wp/320195