Apple เปิดตัว Mac รุ่นแรก ที่มาพร้อม Apple Silicon อย่างทางการแล้ว โดย MacBook Air ก็ถูกรวมอยู่ในนั้น แน่นอนว่ามาพร้อมโปรเซสเซอร์ตัวใหม่ คือชิป M1 แต่ดีไซน์ภายนอกยังดูเหมือนเดิม ทำให้ความแตกต่างระหว่าง MacBook Air รุ่นใหม่กับรุ่นก่อนหน้า อยู่ที่ประสิทธิภาพเป็นหลัก จากการเปรียบเทียบด้านล่าง
ดีไซน์
- MacBook Air (M1) มีขนาด 0.41–1.61 x 30.41 x 21.24 เซนติเมตร น้ำหนัก 1.29 กิโลกรัม
- MacBook Air (Intel) มีขนาด 0.41–1.61 x 30.41 x 21.24 เซนติเมตร น้ำหนัก 1.29 กิโลกรัม
นอกจากดีไซน์ภายนอกจะเหมือนเดิม MacBook Air ทั้ง 2 รุ่น ยังมีขนาดและน้ำหนักเท่ากัน ทำให้ทั้งคู่ยคงมีความเพรียวบาง พกพาได้อย่างสะดวกไม่ต่างกัน
จอแสดงผล
- MacBook Air (M1) มาพร้อมจอภาพ Retina (2560 x 1600 พิกเซล) ขนาด 13.3 นิ้ว ความสว่าง 400 นิต รองรับเทคโนโลยี True Tone
- MacBook Air (Intel) มาพร้อมจอภาพ Retina (2560 x 1600 พิกเซล) ขนาด 13.3 นิ้ว ความสว่าง 400 นิต รองรับเทคโนโลยี True Tone
จอแสดงผลของ MacBook Air ทั้ง 2 รุ่น มีสเปกเดียวกัน ในเรื่องของความคมชัดจึงไม่แตกต่างกัน ทั้งคู่ให้มุมมองกว้างชัดเจนด้วยเทคโนโลยี IPS แต่รุ่น M1 ให้ขอบเขตสีกว้าง P3 ซึ่งมีขอบเขตสีกว้างกว่ามาตรฐาน sRGB แบบเต็มช่วงสี ที่ใช้ในรุ่นก่อน จึงสามารถแสดงสีได้มากกว่า
ประสิทธิภาพ
- MacBook Air (M1) ใช้ชิป Apple M1 แบบ 8‑core, GPU แบบ 7‑core (รุ่นเริ่มต้น) หรือ 8‑core (รุ่นไฮเอนด์) และ Neural Engine แบบ 16-core
- MacBook Air (Intel) ใช้ชิป Intel Core i3 แบบ 2-core ความเร็ว 1.1GHz (รุ่นเริ่มต้น) หรือ Intel Core i7 แบบ 4-core ความเร็ว 1.2GHz (รุ่นไฮเอนด์)
MacBook Air รุ่นเริ่มต้นที่ใช้ชิป Intel Core i3 ถือว่ามีประสิทธิภาพน้อยกว่า MacBook Air ที่ใช้ชิป Apple M1 ขณะที่รุ่นไฮเอนด์ ที่ใช้ชิป Intel Core i7 ก็มีปัญหาเรื่องความร้อนสูงเกินไป
สำหรับ MacBook Air (M1) มีให้เลือก 2 รุ่น โดยมีความแตกต่างที่รุ่นเริ่มต้นได้รับ GPU แบบ 7‑core มาพร้อมตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 256GB ส่วนรุ่นไฮเอนด์ ได้รับ GPU แบบ 8‑core และมาพร้อมตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 512GB
ด้านประสิทธิภาพ MacBook Air (M1) เหนือกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน ตามตัวอย่างด้านล่าง
- ส่งออกโปรเจ็กต์สำหรับเว็บด้วย iMovie ได้เร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า
- รวมเอฟเฟกต์ 3 มิติ ลงวิดีโอใน Final Cut Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 5 เท่า
- เป็นครั้งแรกที่เล่นและแก้ไขวิดีโอ 4K ProRes คุณภาพเต็มสตรีมหลายรายการใน Final Cut Pro โดยไม่มีการดรอปของเฟรม
- ส่งออกรูปภาพจาก Lightroom ได้เร็วขึ้นถึง 2 เท่า
- ใช้คุณสมบัติบนื้นฐานการเรียนรู้ของระบบ (ML) อย่างเช่น Smart Conform ใน Final Cut Pro เพื่อจัดเฟรมคลิปได้เร็วขึ้นถึง 4.3 เท่า
นอกจากนี้ ISP ที่รวมไว้ในชิป Apple M1 ยังมีส่วนช่วยให้กล้อง FaceTime HD มีคุณภาพดีขึ้น ถึงแม้ยังคงมีความละเอียด 720p เท่ากับรุ่นก่อน
การเชื่อมต่อ
- MacBook Air (M1) รองรับ Wi-Fi 802.11ax, Bluetooth 5.0, พอร์ต Thunderbolt / USB 4 จำนวน 2 ช่อง
- MacBook Air (Intel) รองรับ Wi-Fi 802.11ac, Bluetooth 5.0, พอร์ต Thunderbolt 3 (USB‑C) จำนวน 2 ช่อง
MacBook Air (M1) รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุด จึงมีความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอรเน็ตดีกว่า แต่น่าเสียดายที่พอร์ตเชื่อมต่อยังถูกจำกัดไว้ที่ 2 ช่อง เหมือนรุ่นก่อน ถึงแม้จะเป็นพอร์ต USB 4 แล้วก็ตาม
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
- MacBook Air (M1) มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมพอลิเมอร์ภายในตัวเครื่อง 49.9 วัตต์ต่อชั่วโมง
- MacBook Air (Intel) มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมพอลิเมอร์ภายในตัวเครื่อง 49.9 วัตต์ต่อชั่วโมง
MacBook Air ทั้ง 2 รุ่น ใช้แบตเตอรี่ขนาดเดียวกัน แต่ด้วยชิป M1 ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานได้ดีกว่า ทำให้ MacBook Air รุ่นใหม่ สามารถเล่นภาพยนตร์ในแอพ Apple TV นานสูงสุด 18 ชั่วโมง และ ท่องเว็บผ่านระบบไร้สายนานสูงสุด 15 ชั่วโมง
ขณะที่ MacBook Air รุ่นก่อน สามารถเล่นภาพยนตร์ในแอพ Apple TV นานสูงสุด 12 ชั่วโมง และ ท่องเว็บผ่านระบบไร้สายนานสูงสุด 11 ชั่วโมง
ราคา
- MacBook Air (M1) เริ่มต้น 32,900 บาท
- MacBook Air (Intel) เริ่มต้น 32,900 บาท
MacBook Air ทั้ง 2 รุ่น มีราคาเริ่มต้นเท่ากัน ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตัดสินใจซื้อ MacBook Air (M1) เพราะมาพร้อมชิปประมวลผลรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะรุ่นเริ่มต้น ซึ่งรุ่นก่อนยังใช้ CPU แบบ Dual-core ที่ค่อนข้างช้าเมื่อทำงานระดับกลางขึ้นไป ขณะที่ชิป M1 ได้รับการพัฒนาให้สามารถทำงานตัดต่อวิดีโอ รวมถึงงานกราฟิกขนาดเล็กถึงปานกลาง
ที่มา – iPhoneHacks
https://www.flashfly.net/wp/321761