เทคโนโลยี EN-DC (EUTRAN NEW radio Dual Connectivity) คือเทคโนโลยีมาตรฐานใหม่ของยุค 5G ที่เครือข่าย และสมาร์ทโฟน สามารถรวมประสิทธิภาพจากทุกคลื่นความถี่ รวมความเร็วทั้งจาก 4G และ 5G เข้าด้วยกัน ทำให้เกิดความเร็วสูงสุด ยิ่งมีคลื่นความถี่กว้าง ยิ่งทำให้ความเร็วเต็มประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G และเทคโนโลยี EN-DC แพร่หลายอยู่ในตลาดหลายรุ่น เช่น Samsung Galaxy Note20 Ultra 5G, Huawei P40 Pro 5G, OPPO Find X2 Pro 5G และ VIVO V20 Pro และกำลังจะทยอยออกสู่ตลาดอีกในอนาคต
- ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี เอไอเอส ได้ลงทุนมากกว่า 1.1 ล้านล้านบาท โดยในปี 2563 ได้เตรียมงบลงทุนเครือข่ายไว้ที่ 35,000 ล้านบาท
- เอไอเอส ใช้งบลงทุนคลื่นความถี่ทั้งหมด 203,000 ล้านบาท
- เอไอเอส เปิดให้บริการเครือข่าย 5G NSA/SA ทั่วประเทศแล้ว
- ติดตั้งสถานีฐาน 5G จำนวนมากกว่า 5,000 สถานีฐาน ภายในสิ้นปี 2563
- เอไอเอส คาดการณ์ เครือข่าย 5G จะครอบคลุมพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่ในกรุงเทพมากกว่า 60% ภายในสิ้นปี 2563
- เอไอเอส คาดการณ์ เครือข่าย 5G จะครอบคลุมพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 16% ภายในสิ้นปี 2563
- ปัจจุบัน ผู้ใช้สมาร์ทโฟนมากถึง 30 ล้านเครื่อง โดย 58% ของจำนวนนี้ รองรับ 4G บนคลื่น 2600 คิดเป็น 20% ของลูกค้า 4G ทั้งหมด
- เอไอเอส คาดการณ์ จะมีลูกค้าใช้งานมือถือ 5G ประมาณ 100,000 ราย ภายในสิ้นปี 2563
- เอไอเอส คาดการณ์ พื้นที่ให้บริการเครือข่าย 5G ไม่น้อยกว่า 75% ของจำนวนประชากรในประเทศไทย ภายในปี 2567 – 2568
- 5G ครอบคลุมเต็มพื้นที่ 100% นิคมอุตสาหกรรมใน EEC
- ปัจจุบัน เอไอเอส ถือครองคลื่นความถี่ 4G และ 5G มากที่สุดประกอบด้วย
– คลื่น 900 MHz จำนวน 20 MHz
– คลื่น 1800 MHz จำนวน 40 MHz
– คลื่น 2100 MHz จำนวน 30 MHz
– คลื่น 700 MHz จำนวน 30 MHz
– คลื่น 2600 MHz จำนวน 100 MHz
– คลื่น 26 GHz จำนวน 1200 MHz
รวม 1420 MHz