ถึงแม้ Apple จะเป็นบริษัทเก่าแก่ในฐานะผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ แต่ในวงการสมาร์ทโฟน Apple ถือว่าเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ หากนับตั้งแต่การเปิดตัว iPhone รุ่นแรก ก็ยืนยันได้ว่า Apple เข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนได้เพียง 14 ปี อย่างไรก็ตาม การมาถึงของ iPhone ได้พลิกโฉมวงการสมาร์ทโฟนไปตลอดกาล
ปัจจุบัน Apple กลายเป็นผู้กำหนดทิศทางในการออกแบบสมาร์ทโฟน และมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงให้เกิดสิ่งใหม่ จนทำให้สมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการ Android เลี่ยงไม่ได้ที่จะดำเนินรอยตาม ส่วนจะสร้างการเปลี่ยนแปลงในเรื่องใดบ้าง เลื่อนลงมาอ่านได้เลย
ตัดช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
นับตั้งแต่สมาร์ทโฟนรองรับฟีเจอร์เครื่องเล่นเพลง ก็มาพร้อมช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร เป็นมาตรฐาน จนกระทั่ง Apple เปิดตัว iPhone 7 ในปี 2016 ได้ตัดสินใจถอดช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ออกไป โดยให้เหตุผลว่า เป็นคุณสมบัติที่ล้าสมัย และการที่ iPhone ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ยังทำให้พื้นที่ภายในว่างมากขึ้น สำหรับใช้ประโยชน์ด้านอื่น เช่น ขยายความจุแบตเตอรี่ เป็นต้น
ในช่วงแรก ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหลายรายต่างก็ออกมาเหน็บแนม iPhone ที่ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร แต่ท้ายที่สุด สมาร์ทโฟนเรือธงหลายรุ่นก็เลือกที่จะทำตาม ไม่ว่าจะเป็น HUAWEI Mate 40 Pro, Samsung Galaxy S20 Series หรือ OPPO Find X2 Series
ใส่รอยบากบนหน้าจอ
หลังจากถอดช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ออกจาก iPhone 7 ในปี 2016 ปีถัดมา Apple ก็เรียกเสียงฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว iPhone X ที่มาพร้อมดีไซน์แบบ All-Screen โดยมีขอบจอบางเฉียบ แต่มีรอยบากที่ขอบจอด้านบน จนทำให้ดีไซน์ด้านหน้าของ iPhone X ดูแปลกตาอย่างมากในช่วงนั้น และทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในเชิงบวกและแง่ลบ
ไม่ว่าเสียงวิจารณ์จะออกมาเป็นอย่างไร ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Android หลายรุ่นหลายยี่ห้อต่างก็นำรอยบากมาใช้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น Xiaomi Mi 8, Google Pixel 3, OnePlus 6, ZenFone 5Z หรือ HUAWEI Mate 20 Pro
รอยบากบน iPhone X และ iPhone รุ่นถัดมาจนถึงปัจจุบัน ถูกเว้นไว้เพื่อติดตั้งระบบกล้อง TrueDepth ที่มีทั้งกล้องหน้าและเซ็นเซอร์อีกหลายตัว ช่วยให้ iPhone รองรับ Face ID ระบบยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ ที่มีความปลอดภัยกว่าระบบจดจำใบหน้าที่ใช้เพียงกล้องหน้าในการจับภาพเท่านั้น
ต้นกำเนิดซีรีย์ SE (Special Edition)
ย้อนกลับไปในเดือนมีนาคม 2016 บริษัทใหญ่จากเมืองคูเปอร์ติโน ได้เปิดตัว iPhone SE เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็น iPhone ราคาประหยัด มาพร้อมชิป A9 แบบ iPhone 6s แต่ดีไซน์คล้าย iPhone 5s ก่อนจะออก iPhone SE รุ่นที่ 2 ในเดือนเมษายน 2020
ถึงตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่า SE หมายถึง Special Edition หรือไม่ แต่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Android ก็นำชื่อ SE ไปใช้กับสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กของเรือธงใน Series เดียวกัน อย่างเช่น Xiaomi Mi 8 SE ในปี 2018 และ OnePlus ก็ถูกลือว่าอาจจะเปิดตัว OnePlus Nord SE ในปี 2021
รักษ์โลกไม่แถมที่ชาร์จและหูฟัง
หลายปีที่ผ่านมา Apple มีความพยายามในการรักษาสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่ กระบวนการผลิตที่ให้ความสำคัญในเรื่องการใช้วัสดุที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิล ไปจนถึงหน้าร้าน Apple Store ส่วนใหญ่ ก็คำนึงถึงการใช้แสงจากธรรมชาติ แทนการใช้แสงจากพลังงานไฟฟ้า รวมถึงเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากที่สุด ทั้งในสำนักงานใหญ่ และร้านค้าปลีกของตัวเอง
ปลายปีที่ผ่านมา Apple ได้เพิ่มความตระหนักในสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หลังจากเปิดตัว iPhone 12 Series โดยไม่มีที่ชาร์จแบตเตอรี่และชุดหูฟังรวมอยู่ในกล่อง
เมื่อ iPhone ไม่ได้มาพร้อมที่ชาร์จและหูฟัง ก็ทำให้กล่องบรรจุภัณฑ์มีขนาดเล็กและบางลง ส่งผลให้การขนส่งสามารถเพิ่มจำนวนกล่องที่จัดส่งต่อหนึ่งพาเลทได้มากขึ้นถึง 70% ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปีได้ถึง 2 ล้านตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากท้องถนน 450,000 คันในแต่ละปี อ้างอิงจากคำอธิบายของ Apple
ล่าสุด Xiaomi ก็เป็นอีกรายที่ดำเนินรอยตาม Apple ด้วยการไม่แถมที่ชาร์จแบตเตอรี่มาให้ในกล่องสมาร์ทโฟน Xiaomi Mi 11 และมีข่าวว่า Samsung จะทำในแบบเดียวกันกับสมาร์ทโฟนเรือธง Galaxy S21 Series ที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 14 มกราคมนี้