เดือนตุลาคมที่ผ่านมา Apple เปิดตัว iPhone 12 Series พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในกล่องบรรจุภัณฑ์ โดยเป็นครั้งแรกที่ Apple ตัดสินใจไม่รวมที่ชาร์จแบตเตอรี่และชุดหูฟังมาให้ในกล่อง ทำให้ตัวกล่องมีขนาดเล็กลง ขนส่งได้มากขึ้นถึง 70% ต่อหนึ่งพาเลท ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปีได้ถึง 2 ล้านตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากท้องถนน 450,000 คันในแต่ละปี
ถึงแม้ Apple จะอ้างเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ในอีกด้านหนึ่ง การถอดที่ชาร์จแบตเตอรี่และชุดหูฟังออกจากกล่อง iPhone 12 ก็ทำให้ต้นทุนถูกลงกว่าเดิมด้วย และบริษัทวิจัย Counterpoint ก็พบว่า ต้นทุนอุปกรณ์ที่อยู่ในกล่อง iPhone 12 ถูกลงกว่าเดิม 4.2 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 126 บาท
ตัวเลข 4.2 ดอลล่าร์สหรัฐ อาจเป็นจำนวนไม่มากนัก แต่ปลายปีที่แล้วพบว่า iPhone 12 Series มียอดจัดส่งประมาณ 63 ล้านเครื่อง นั่นหมายถึง Apple สามารถประหยัดต้นทุนไปได้ 264 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 7.9 พันล้านบาท
นอกจากนี้ Counterpoint ยังพบว่า iPhone 12 รุ่น 128GB ที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งรองรับ 5G mmWave มีต้นทุนส่วนประกอบ Bill of Materials อยู่ที่ 431 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 12,990 บาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับ iPhone 11 ขณะที่เวอร์ชั่นต่างประเทศ ที่ใช้ 5G sub-6GHz มีต้นทุนเพิ่มขึ้น 18%
ที่มา – Gizchina
https://www.flashfly.net/wp/327864