realme ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2018 ดังนั้น ในปี 2020 ที่ผ่านมา จึงเป็นครั้งแรกที่แบรนด์สมาร์ทโฟนน้องใหม่ได้เดินทางผ่าน Leap Year หรือ ปีอธิกสุรทิน ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ 4 ปี เป็นปีที่เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน ทำให้ปี 2020 มีทั้งหมด 366 วัน และเป็นปีที่ realme เติบโตอย่างก้าวกระโดด จนได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์หลักในตลาดสมาร์ทโฟนอย่างน่าทึ่ง
ในปีที่ผ่านมา realme มีอายุได้เพียง 2 ปีเท่านั้น แต่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์หลักในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก โดยเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนเพียงแบรนด์เดียวในโลก ที่เติบโตด้วยอัตราตัวเลข 2 หลัก ในไตรมาสแรกของปี 2020 และยังเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟน Android เพียงแบรนด์เดียวในโลก ที่เติบโตในไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 ท่ามกลางการระบาดของ COVID-19
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2020 แบรนด์สมาร์ทโฟน realme สามารถทำยอดขายได้สูงถึง 50 ล้านเครื่อง นับว่าเป็นเป็น “แบรนด์สมาร์ทโฟนที่มียอดขายถึง 50 ล้านเครื่อง เร็วที่สุดในโลก” โดยใช้เวลาเพียง 9 ไตรมาสเท่านั้น ทำให้ realme ได้ชื่อว่าเป็น “แบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก” ติดต่อกัน 4 ไตรมาส
ปัจจุบัน realme ครองอันดับ 7 ของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนทั่วโลก เป็นเวลา 3 ไตรมาสติดต่อกันในปี 2020 โดยติดอันดับ 1 ในแบรนด์สมาร์ทโฟนหลัก เขย่าวงการและท้าทายแบรนด์สมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่
สร้าง AIoT Ecosystems ได้อย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ปีแรก
หลังจากอยู่ในตลาดสมาร์ทโฟนได้เพียง 2 ปี realme ก็พร้อมขยายตลาดไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์ AIoT โดยในปี 2020 ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT ออกมาถึง 50 รายการ ด้วยกลยุทธ์การตลาด 1+4+N โดยสมาร์ทโฟนจะเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อเข้ากับ Smart Hub ทั้ง 4 กลุ่ม (Smart Earphone, Smart Watch, Smart TV และ Smart Speaker) ร่วมกับการควบคุมผลิตภัณฑ์ AIoT ต่างๆ เพื่อสร้างการใช้งานแบบ 3 in 1 Tech Trendsetter Life ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากขึ้น
realme เข้าสู่ตลาดหูฟังไร้สายแบบ TWS ในประเทศอินเดีย เพียง 1 เดือน สามารถครองอันดับ 5 ของตลาดหูฟัง TWS โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 7% และครองอันดับ 3 หลังจากเข้าสู่ตลาดเพียง 3 เดือน ทำให้ realme เป็นแบรนด์แรกของอุตสาหกรรม ที่มีส่วนแบ่งการตลาด 22% ภายในระยะเวลาครึ่งปีที่เข้าสู่ตลาดเท่านั้น
ในปีนี้ realme ตั้งเป้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT รุ่นใหม่นับ 100 รายการ เพื่อสร้าง AIoT Ecosystems ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งครอบคลุมการใช้งาน 3 สถานการณ์หลัก ได้แก่ การใช้งานส่วนตัวบุคคล (Individual) การใช้งานภายในครับครัว (Family) และการเดินทาง (Travel)
เข้าสู่ตลาดโลกอย่างเต็มตัว
realme เริ่มต้นทำตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดียเป็นประเทศแรก ก่อนจะขยายตลาดมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย และใช้เวลาเพียง 18 เดือน ในการติดอยู่ใน อันดับที่ 7 แบรนด์สมาร์ทโฟนรายใหญ่ของโลก
ปัจจุบัน realme ครองอันดับ 4 ในประเทศไทย และได้รับการยกย่องจาก Financial Times ว่าเป็นผู้นำในตลาดเกิดใหม่ของเอเชีย ไม่เพียงแค่นั้น realme ยังเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนยอดนิยมที่ติดอยู่ใน 5 อันดับบนสุดจาก 12 ตลาดทั่วโลก และพร้อมแล้วสำหรับการขยายตลาดไปยัง 61 ตลาดทั่วโลก เพิ่มขึ้นประมาณ 250% เมื่อเทียบกับจำนวนตลาดช่วงต้นปี 2020 ครอบคลุม 5 ทวีป ซึ่งรวมถึงตลาดหลัก เช่น ละตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก และ ตะวันตก โดยวางแผนขยายหน้าร้านค้าปลีกให้ครอบคลุมทั่วโลกกว่า 68,000 แห่ง
นำเทรนด์ด้านวัฒนธรรมเข้าสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยี
realme นำเทรนด์ด้านวัฒนธรรมมาสู่ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี เพื่อถ่ายทอดคุณค่าและแนวคิดองค์กร ด้วยสโลแกน Dare to Leap กล้าที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ผ่านกระบวนการผลิต การดีไซน์ ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมต่างๆ และ สร้างเทรนด์ไลฟ์สไตล์อย่างชาญฉลาดสำหรับผู้ใช้งานคนรุ่นใหม่ทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นสีสัน หรือ วัสดุของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการกำหนดรูปแบบและประสิทธิภาพการทำงานให้เหมาะกับเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ realme ได้สะท้อนออกมาเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงได้อย่างชัดเจนและโดดเด่น
realme X7 Pro ที่มาในสี Iridescent หรือสีรุ้งใช้กระบวนการผลิตที่เรียกว่า Double-Grain, Double-Pated และ Anti-Glare Glass อย่างแรกพื้นผิวที่แตกต่างกันสองแบบจะถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างพื้นผิวหลายชั้น จากนั้นหุ้มด้วยสารเคลือบสองชั้น เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของสี ทำให้โดดเด่นมากขึ้น และในขั้นตอนสุดท้าย ใช้เทคโนโลยี AG เพื่อปรับปรุงพื้นผิวสัมผัสตัวเครื่อง
realme 7 Pro Limited Edition มาในสี Horizon Orange ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ realme ใช้วัสดุหนัง Vegan Micrograin เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการออกแบบ ด้วยแรงบันดาลใจจากสีส้มของแสงอาทิตย์รุ่งอรุณ ณ ริมขอบฟ้า
realme X50 Pro Gaming Edition สมาร์ทโฟนเกมมิ่งประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผลเรือธง Qualcomm Snapdragon 865 ความจำ RAM แบบ LPDDR5 สูงสุด 12GB ความจุภายในแบบ UFS 3.1 สูงสุด 128GB ตอบสนองการเล่นเกมแย่างสมจริง 4D Game Vibration ด้วยระบบมอเตอร์แบบ Tactile Engine Motor และยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart ใช้เวลาชาร์จจาก 0 ถึง 100% ในเวลาเพียง 35 นาที
realmeow (เรียลเหมียว) ดีไซน์เนอร์-ทอย เป็นตัวแทนแบรนด์ realme ที่สะท้อนบุคลิกออกมา 4 อย่าง ได้แก่ รักอิสระ คิดนอกกรอบ กล้าหาญ และ ว่องไว realmeow ได้รับการออกแบบโดย Mark A. Walsh (มาร์ก เอ. วาลช์) ผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชั่นชื่อดังระดับโลกอย่าง Pixar ที่เคยฝากผลงานไว้ในภาพยนตร์แอนิเมชั่น Finding Nemo และ Monsters Inc
realmeow ยังรับหน้าที่เป็น Chief Trend Officer หรือผู้นำทางด้านเทรนด์สมัยใหม่ของ realme และวันสุดท้ายของปี 2020 ยังถูกส่งออกไปนอกอวกาศ พร้อมกับคำอวยพรส่งท้ายปี 2020 จากแฟนๆ realme
ยึดมั่นในดีไซน์นำสมัย จนกวาดรางวัลใหญ่ด้านดีไซน์มากมายในช่วงเวลาปีเดียว
นอกจากเทคโนโลยี realme ยังให้ความสำคัญด้านดีไซน์ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน หรือผลิตภัณฑ์ AIoT ล้วนได้รับการออกแบบร่วมกับดีไซน์เนอร์ชั้นนำระดับโลกมากมาย
ในปี 2020 ที่ผ่านมา José Lévy ดีไซน์เนอร์จากแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Hermès และ ศิลปินเทรนด์เกาหลี Grafflex ได้เข้าร่วม realme Design Studio สร้างผลิตภัณฑ์ AIoT ที่หลากหลายพร้อมทัศนคติที่ทันสมัยสำหรับ realme และสร้างไลฟ์สไตล์ที่ชาญฉลาดและทันสมัยโดยทุกสิ่งที่เชื่อมต่อสำหรับคนรุ่นใหม่
José Lévy ได้ร่วมออกแบบ realme Buds Q หูฟังไร้สาย TWS ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “ก้อนหิน” ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวแต่มักถูกมองข้าม นอกจากนี้ realme ยังมีเสื้อยืด T-shirt แนวสตรีท ที่มีความโดดเด่นด้วยลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของ Grafflex ศิลปินจากเกาหลีใต้ที่เคยทำงานร่วมกับแบรนด์ดังอย่าง Disney, Nike และ Converse
สมาร์ทโฟน realme X50 Pro 5G, X50 5G, X2 Pro, X และ หูฟังไร้สาย realme Buds Q เป็นผลงานการออกแบบจาก realme Design Studio ที่สามารถคว้ารางวัลจากเวทีการออกแบบชั้นนำระดับนานาชาติ ได้แก่ Red Dot Design Award, Good Design Award, Golden Pin Design Award เป็นต้น นอกจากนี้ ในปี 2020 ที่ผ่านมา realme ยังได้รับรางวัลมากมายทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นรางวัลในด้านแบรนด์ จำนวน 17 รางวัล และรางวัลในด้านผลิตภัณฑ์ จำนวน 159 รางวัล
ส่งมอบประสบการณ์ 5G ให้เข้าถึงทุกคน
ในปี 2020 ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านจากเทคโนโลยีการสื่อสาร 4G ไปสู่ 5G ในหลายตลาดทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย และทาง realme ก็มีความมุ่งมั่นที่จะนำประสบการณ์ 5G ให้เข้าถึงผู้ใช้งานทุกคน ด้วยการเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนรายแรกที่นำเทคโนโลยี 5G มาสู่สมาร์ทโฟนในราคาต่ำกว่า 10,000 บาท นั่นก็คือ realme 7 5G
realme 7 5G รองรับ 5G แบบ 2 ซิมการ์ด Dual-SIM Dual Standby มาพร้อมจอแสดงผล 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.5 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120Hz ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ขอบด้านข้าง (Side-mounted Fingerprint Sensor) ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 800U ความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB แบตเตอรี่ 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W Dart Charge ระบบกล้องหลัง 48MP AI Quad Camera กล้องหน้า 16MP In-Display Selfie Camera พร้อมด้วยระบบเสียง Dolby Atmos & Hi-Res
ผู้นำด้านเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด นำเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในอุตสาหกรรม
realme เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนในกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ๆ จากทาง Qualcomm อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น Snapdragon 865 ที่พบใน realme X50 Pro 5G หรือ Snapdragon 765G ที่พบใน realme X50 5G หรือแม้แต่ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุด Snapdragon 888 ก็กำลังจะถูกนำมาใช้กับสมาร์ทโฟนเรือธงของ realme ที่กำลังจะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2021
realme ยังเป็นผู้นำในด้านระบบชาร์จเร็ว โดยเปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 125W UltraDart Flash Charge ในเดือนกรกฎาคม 2020 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh จาก 0 – 33% ในเวลาเพียง 3 นาที นับว่าเป็นเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ที่ตอบโจทย์ปัญหาแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน 5G ได้อย่างดีที่สุด
ด้านการถ่ายภาพก็ล้ำหน้าเช่นกัน ในปีที่ผ่านมา realme ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน realme X3 SuperZoom ที่มาพร้อม Starry Mode โหมดถ่ายภาพดวงดาว ที่สามารถถ่ายดวงดาวได้สวยงาม โดยสามารถจับภาพได้ถึง 10 ภาพ ด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่นานสุด 32 วินาที ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของระบบ AI และการเปิดรับแสงในระยะเวลาหนึ่งนานเป็นพิเศษ ค่าความไวแสง ระยะโฟกัส ค่า White Balance และลดการเกิด Noise ช่วยให้สามารถถ่ายภาพท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวได้อย่างสวยงามระดับมืออาชีพ ภาพดาวที่มีความคมชัดและความสว่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ก้าวกระโดดเข้าสู่ปี 2021
ในปีที่ผ่านมา realme ถูกยกระดับเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนหลักของโลก โดยครองอันดับ 7 จากตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก และในปีนี้ realme ตั้งเป้าขึ้นสู่อันดับที่ 3 ของตลาด หรือแม้แต่ทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 และกลายเป็นแบรนด์ขับเคลื่อนหลักของตลาด โดยสมาร์ทโฟนยังคงเป็นผลิตภัณฑ์หลักในการสร้างมูลค่าให้กับการเติบโตของบริษัท, ประสบความสำเร็จเติบโตในหลายระดับตลาดทั่วโลก และตั้งเป้าเขย่าวงการอุตสาหกรรม
เข้าสู่เฟสใหม่ของผลิตภัณฑ์ AIoT
ในปีที่แล้ว realme ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT ประมาณ 50 รายการ และตั้งเป้าเปิดตัวอีกกว่า 100 รายการภายในปี 2021 พร้อมนำผลิตภัณฑ์ AIoT เข้าสู่เฟสใหม่ของการพัฒนาสร้างระบบนิเวศ Ecological Chain Enterprise ขยายการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์ AIoT ทั้งหมดให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ในทุกสถานการณ์
พื้นฐานผลิตภัณฑ์ AIoT ของ AIoT ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ในสถานการณ์การใช้งาน 3 รูปแบบ ได้แก่ การใช้งานส่วนตัวบุคคล (Individuals) การใช้งานภายในครับครัว (Family) และการเดินทาง (Travel)
realme วางแผนสร้าง Boutique Shop สำหรับหูฟัง TWS, Smart Watch, Smart TV และ ผลิตภัณฑ์ Best-selling เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่สมจริงยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้ และเพื่อรองรับการเติบโตของผลิตภัณฑ์ AIoT รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาระบบ AIoT Ecosystem
realme จะพัฒนา AIoT Ecosystem โดยสร้างแพลตฟอร์มระบบนิเวศ “realme TechLife” เพื่อค้นหาพาร์ทเนอร์ที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยทั่วโลก เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีประสบการณ์ทางเทคโนโลยีใหม่สำหรับผู้ใช้ทั่วโลก ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างอิสระ ร่วมกันปรับแต่ง และการเลือกระบบนิเวศเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ ภายใต้ 3 ความสอดคล้อง (Three Consistencies) ได้แก่ ดีไซน์ มาตราฐานคุณภาพ และโครงข่ายการเชื่อมต่อ
ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ AIoT ชั้นนำในตลาดโลก
นอกจากจะวางเป้าหมายสมาร์ทโฟนไว้ให้ติด Top 3 ในระดับโลก realme ยังมีแผนส่งเสริมให้กลายเป็นแบรนด์ AIoT ชั้นนำในตลาดโลก และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในตลาด AIoT โดยตั้งเป้าติดอยู่ใน Top 3 ด้านอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (Smart Wearable) ของตลาดโลก และตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 ในตลาดหูฟัง TWS ของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตอกย้ำทัศนคติของแบรนด์ Dare to Leap
ในปีนี้ realme ยังคงเดินหน้าตอกย้ำทัศนคติของแบรนด์ “dare“ (กล้า) นำเสนอผลิตภัณฑ์และจัดกิจกรรมที่เป็นเทรนด์ให้กับคนรุ่นใหม่ทั่วโลก และก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคน Generation Z โดยเพิ่มการมีส่วนร่วมในด้านเทรนด์วัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่ เช่น ดนตรี กีฬา วีดีโอ และ E-sports รวมถึงเชิญดีไซน์เนอร์ระดับโลก เพื่อมาร่วมออกแบบและถ่ายทอด realme DNA “Dare to Leap“ สู่คนรุ่น Gen Z ผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ realme
ผู้นำด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่ทุกคนจับต้องได้
ในปี 2021 แบรนด์ realme วางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายและเทคโนโลยีล้ำสมัยจำนวนมาก เพื่อรักษาความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี โดยยังคงเดินหน้านำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยในช่วงราคาที่ต่ำกว่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดได้ง่ายยิ่งขึ้น
realme ยังคงทุ่มเทในการออกแบบผลิตภัณฑ์นำเทรนด์ที่สอดคล้องกับวัฒนธรรม เทรนด์ และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดยจะเชิญนักออกแบบจากทั่วโลก มาร่วมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อสื่อถึงวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ “Dare to Leap” ให้กับผู้ใช้และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่นำเทรนด์
นำเทคโนโลยี 5G ให้เข้าถึงได้ง่าย
ในปีที่ผ่านมา realme ได้เปิดตัว realme 7 5G สมาร์ทโฟน 5G ที่มีราคาต่ำกว่า 10,000 บาท ในปีนี้ realme ยังมีแผนพัฒนาสมาร์ทโฟน 5G ให้มีราคาเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยจะเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G ก่อนแบรนด์หลักในตลาด เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สัมผัสประสบการณ์ 5G และช่วยลดต้นทุนของผู้ใช้ในการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนในอนาคต
ภายในปีนี้ realme ตั้งเป้ายอดขายสมาร์ทโฟน 5G ไว้ที่ 25 ล้านเครื่อง และภายใน 2 – 3 ปี นับจากนี้ realme จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ 5G ที่ทุกคนจับต้องได้ โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาสมาร์ทโฟนทุกกลุ่มราคา ให้รองรับ 5G ทั้งหมด
realme ยังมีแผนส่งเสริมการสร้าง 5G Ecosystem โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และผู้ให้บริหารในอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อส่งเสริมศักยภาพของเทคโนโลยี 5G จากผลิตภัณฑ์ต่อยอดไปสู่การพัฒนา เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมรูปแบบอื่นๆ ทั่วโลก
ขยายช่องทาง Omni-channel เพื่อให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบรอบด้าน
realme วางแผนขยายช่องทาง Omni-channel เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์อย่างเต็มรูปแบบรอบด้าน พร้อมเพิ่มหมวดผลิตภัณฑ์ AIoT และช่องทางออฟไลน์ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้มีโอกาสทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ และสัมผัสประสบการณ์การใช้งานอย่างเต็มที่
ในปีนี้ realme ได้ตั้งเป้าเปิด Flagship Store แห่งแรกของโลก และขยายให้ได้ 1,000 แห่งทั่วโลก รวมถึงขยายร้านค้าอีก 100 แห่ง ในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้ครอบคลุมทุกช่องทางและเข้าถึงผู้บริโภคในทุกทิศทาง