ฟีเจอร์ Game Boost บน PS5 จะเพิ่มประสิทธิภาพของฟีเจอร์ Backward compatible ของเกม PS4 บน PS5 เมื่อใช้งานฟีเจอร์นี้จะพบว่า Framerate และกราฟิกจะถูกอัพเกรดให้ดีขึ้นเพราะได้ขุมกำลังของเครื่อง PS5 ที่แรงเพิ่มขึ้นนั่นเอง
ทดสอบใช้ฟีเจอร์ Game Boost บน PS5 และผลลัพธ์
นี่คือผลการทดสอบกับเกมชื่อดังบน PS4 ที่ได้ใช้ฟีเจอร์ Game Boost ที่ได้ผลลัพธ์ออกมาดังนี้ โดยบางเกมอาจจะต้องมีการอัพเดตแพทช์เพื่ออัพเดตตัวเกมให้รองรับฟีเจอร์นี้
Blood & Truth | เกมมี Framerate และความละเอียดที่เพิ่มมากขึ้นตลอดการเล่น |
Days Gone | Framerate เพิ่มขึ้นเป็น 60FPS และรันกราฟิกแบบ dynamic 4K โดยบน PS4 จะรันได้เพียง 30FPS และกราฟิก checkerboard 4K บน PS4 Pro |
Firewall Zero Hour | ภาพที่ได้มีความเที่ยงตรงมากยิ่งขึ้นโดยใช้ Super-sampling ใน PSVR headset |
Genshin Impact | รันได้ 60FPS จาก 30FPS บน PS4 Pro |
God of War | รันได้ 60FPS บนกราฟิกแบบ checkerboard 4K บน PS5 โดยบน PS4 Pro รันได้เพียง 1080p 40-50FPS |
Ghost of Tsushima | รันได้ 60FPS ในขณะที่ PS4, Pro จำกัดที่ 30FPS |
Rocket League | รันได้ 60FPS บนกราฟิกแบบ checkerboard 4K HDR |
Star Wars Jedi: Fallen Order | 60FPS ที่ความละเอียด 1200p ขณะที่ PS4 Pro อยู่ที่ 40-50FPS ในความละเอียด dynamic ที่ต่ำกว่า |
The Division 2 | รันได้ 60FPS แบบ 4K บน PS5 |
Game Boost บน PS5 ทำงานอย่างไร
ฟีเจอร์ Game Boost จะขุมพลังงานจาก PS5 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของฟีเจอร์ backwards compatible บน PS4 โดยจะเพิ่มคุณภาพของเกมขึ้นในหลายๆ ส่วน เช่น เกม PS4 ที่จำกัดเฟรมเรตที่ 60FPS จะรันได้ประมาณ 40-60 ซึ่งถ้าเล่นนานไปเครื่องอาจจะร้อนและลดต่ำลงเรื่อยๆ แต่บน PS5 ก็เล่นได้นิ่งๆ 60FPS ตลอด เป็นต้น
แต่ถ้าเกิดเกมนั้นจำกัดที่ 30FPS ฟีเจอร์นี้ก็ไม่ได้ช่วยให้เฟรมเรตทะลุไปมากกว่า 30FPS แต่ก็จะได้ความนิ่งที่สม่ำเสมอตลอดแทน และสำหรับกราฟิกก็จะมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยนักพัฒนาจะต้องออกอัพเดตมาเพื่อรองรับกับฟีเจอร์นี้ โดยสามารถทำได้ทั้งปลดล็อคเฟรมเรตและปรับภาพให้สวยงามมากขึ้น
ที่มา pushsquare.com