Sunday, March 26, 2023
  • Contact us
Flashfly Dot Net
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
Flashfly Dot Net
No Result
View All Result
Home iPhone

Zane Lowe จาก Apple Music อธิบายว่าระบบเสียงตามตำแหน่งหรือ Spatial Audio จะพลิกโฉมวงการเพลงอย่างไร

Jackrich T. by Jackrich T.
June 13, 2021
in iPhone, NEWS
0
SHARES
13
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

วันนี้ Apple Music พร้อมเปิดตัวระบบเสียงตามตำแหน่งหรือ Spatial Audio แล้ว และ Zane Lowe ซึ่งเป็นหัวหน้าร่วมฝ่าย Artist Relations และนักจัดรายการวิทยุ จะมาอธิบายว่าเทคโนโลยีใหม่นี้มีความหมายอย่างไรกับแฟนเพลงและศิลปิน

แรกเริ่มเดิมทีมีเพียงเสียงโมโน ก่อนจะมาเป็นสเตอริโอ และวันนี้ถึงเวลาของ ระบบเสียงตามตำแหน่ง หรือ Spatial Audio ที่จะมอบประสบการณ์อันเต็มอิ่มสมจริงด้วยเสียงที่โอบล้อมตัวคุณจากรอบทิศทาง และเราเคยสัมผัสประสบการณ์นี้มาก่อนแค่เพียงในโรงภาพยนตร์เท่านั้น เคยนึกสงสัยมั้ยว่าถ้าประสบการณ์นั้นเกิดขึ้นกับเสียงเพลงแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะผมเองก็สงสัย

ครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสฟังระบบเสียงตามตำแหน่งบน AirPods นั้น บอกเลยว่าทีแรกผมก็ยังงงๆ “ระบบเสียงที่ว่านี้ใช้กับ AirPods ได้จริงๆ เหรอ เดี๋ยวเราต้องนั่งรถไปห้องฟังเพลงที่ไหนสักแห่งที่มีลำโพงแบบพิเศษกันใช่มั้ย” แล้วพวกนั้นก็ตอบประมาณว่า “ไม่ต้องๆ กดเล่นได้เลย”

เพลงแรกๆ ที่ผมได้ฟังมี “Rain on Me” ของ Lady Gaga และ “Black Skinhead” ของ Kanye West ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เพราะผมอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบสองช่องเสียงมาตลอดทั้งชีวิต เรียกได้ว่าเกิดมาในยุคสเตอริโอ แล้วผมก็เพิ่งมารู้ว่ามีศิลปินมากมายทั้งในอดีตและปัจจุบันที่น่าจะสนใจอยากลองใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอะไรลักษณะนี้ เพื่อทำเพลงของตัวเองให้มีชีวิตชีวา ฟังดูยิ่งใหญ่ขึ้น แล้วยกระดับเพลงไปอยู่ในจุดที่ยังไม่เคยมีใครคิดมาก่อน แต่ตอนนั้นพวกเขามีแค่เสียงสเตอริโอสองช่องให้เล่น มาวันนี้ศิลปินสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดนั้นได้แล้ว ถ้าถามว่าผมรู้สึกยังไงเมื่อได้ยินบางท่อนบางตอนของเพลงพวกนี้ดังมาจากด้านหลังและรอบๆ ตัว ตอบเลยว่า “ผมอินมาก ผมเข้าใจเลย” เหมือนกับที่ทีวีมี HD ตอนนี้เพลงก็มี Spatial

ทันทีที่ได้ฟังผมก็เกิดความคิดว่า “ศิลปินจะนำสิ่งนี้ไปใช้ยังไงบ้าง Lil Baby จะใช้ระบบเสียงนี้ยังไง แล้ว Olivia Rodrigo หรือ Peggy Gou ล่ะ จะใช้ระบบเสียงนี้ยังไง Frank Ocean จะใช้ระบบเสียงนี้ยังไง ศิลปินจะเริ่มทำเพลงโดยมีไอเดียเรื่องสภาพแวดล้อมแบบ 3 มิติเลยมั้ย แทนที่จะเป็นสภาพแวดล้อม 2 ช่องเสียงแบบเดิม”

ผมเองก็อยากรู้ว่าระบบเสียงตามตำแหน่งจะทำให้อารมณ์ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไปยังไงกับเพลงโปรดเพลงเดิม เพราะว่าเสียงนั้นจะผ่านเข้าไปในโสตประสาทแล้วไปกระตุ้นอะไรบางอย่างใช่มั้ย นั่นคือความคิดที่เกิดขึ้นในหัวผมตอนที่ได้ฟังเพลงพวกนี้ในแบบ Spatial ทั้งๆ ที่เป็นเพลงที่ผมฟังจนขึ้นใจแล้ว แต่กลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างต่างไปจากเดิม แสดงว่ามันไม่เกี่ยวกับการที่เพลงจะมีซาวด์ออกมาเป็นยังไงเลย แต่เป็นเรื่องที่ว่าเพลงนั้นจะให้ความรู้สึกยังไงมากกว่า

ผมเชื่อว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ ศิลปินจะเริ่มได้ยินสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ลองนึกภาพ Billy Corgan บอกกับเอ็นจิเนียร์ว่า “ตอนผมคิดไลน์กีตาร์ช่วงต้นเพลง ‘Quiet’ ในปี 1993 ผมอยากให้เสียงกีตาร์ดังมาจาก 5 กม. ด้านหลังคุณ แล้วลอยมาตกตรงหน้าในอีก 3.2 วินาทีให้หลัง ในจังหวะที่กลองของ Jimmy Chamberlin ขึ้นพอดี” แหงล่ะ ผมไม่ใช่ Billy Corgan และผมก็แค่ลองนึกดูเล่นๆ แต่คิดดูสิว่าถ้าขนาดผมยังคิดได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเป็น Billy Corgan จะทำได้ขนาดไหน

เพลงในยุคโมเดิร์นมักเป็นเรื่องของการคิดนวัตกรรมใหม่ๆ ตั้งแต่การบันทึกเสียงแบบมัลติแชนเนล จนถึงกีตาร์ไฟฟ้า ไมโครโฟน เครื่องสังเคราะห์เสียง ไปจนถึงเทปเอคโค่ แซมเพลอร์ หรือแม้แต่ MIDI และ iPod เรียกได้ว่ามีการคิดค้นเทคโนโลยีขึ้นมามากมายเพื่อใช้เล่น บันทึก อัด มิกซ์ และแชร์เพลง ทีนี้เมื่อมีระบบเสียงตามตำแหน่ง นักดนตรี เอ็นจิเนียร์ และโปรดิวเซอร์ก็เหมือนมีเครื่องมือใหม่อันน่าทึ่งที่จะพาผู้ฟังนับล้านไปสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ในแบบ 3 มิติ ซึ่งทั้งหมดเริ่มต้นจากการมีเครื่องมือใหม่หนึ่งชิ้นให้ศิลปินได้ทดลองใช้ และผลลัพธ์ที่ได้ในท้ายที่สุดก็คืองานเพลงอย่าง “Sgt. Pepper’s Lonely Hearts Club Band” หรืออัลบั้ม “Pet Sounds”

สิ่งนี้จะเกิดขึ้นจากการที่ศิลปินเริ่มนำไปใช้ ต้องมีการลงทุนจากคนที่กำลังจะได้ใช้เทคโนโลยีนี้ และจากคนที่กำลังจะหลงรักในสิ่งนี้ สมัยเด็กๆ ตอนที่ผมเริ่มทำเพลง ผมต้องเก็บเงินเยอะมากกว่าจะได้แซมเพลอร์มาสักตัว ไม่ใช่สิ่งที่อยากใช้เมื่อไหร่ก็หาได้ทันที และแทบไม่มีวางขายทั่วไป แต่กับระบบเสียงตามตำแหน่ง แค่ผมหยิบ AirPods มาใส่ แล้วกดเล่น ก็ได้ประสบการณ์แบบ Spatial ทันที พูดง่ายๆ คือทั้งแฟนเพลงและศิลปินต่างมีเครื่องมือที่จะใช้ในการฟังและสร้างสรรค์เพลงแบบนี้แล้วในวันนี้ และนั่นแหละคือจุดเปลี่ยน เพราะแน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ย่อมได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่ได้ฟังแล้วพวกเขาก็จะบอกกับตัวเองว่า “ฉันอยากให้เพลงของตัวเองมีซาวด์ดีๆ แบบนี้บ้าง”

การเดินทางจากจุดนี้ไปจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นแน่นอน สุดท้ายแล้วก็จะมีศิลปินใหม่ๆ ที่เกิดมาในยุคของ Spatial เหมือนอย่างที่ผมเกิดมาในยุคของสเตอริโอ และศิลปินในอนาคตก็อาจไม่มีความคิดเรื่องการทำเพลงแบบสเตอริโออยู่ในหัวเลยก็ได้ เพราะสิ่งเดียวที่พวกเขารู้จักคือ Spatial แล้วการทำเพลงในแบบ Spatial ก็มีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะ Apple กำลังพัฒนาเครื่องมือแต่งเพลงแบบเต็มอิ่มสมจริงใส่ไว้ใน Logic Pro โดยตรง ซึ่งน่าจะพร้อมใช้งานภายในปีนี้ ทีนี้นักดนตรีก็จะสามารถสร้างสรรค์และมิกซ์เพลงด้วยระบบเสียงตามตำแหน่งสำหรับ Apple Music ได้เลย ไม่ว่าจะอยู่ในห้องบันทึกเสียง ที่บ้าน หรือที่ไหนก็ตาม

แน่นอนว่าสเตอริโอจะยังอยู่กับเราไปอีกนาน คงไม่มีใครบอกว่าหมดยุคของสเตอริโอแล้ว เหมือนกับที่ไม่มีใครบอกว่าหมดยุคของโมโนแล้ว ผมเองก็ยังมีเพลงแบบโมโนเก็บไว้ในคอลเลกชั่น และซาวด์ก็ดีด้วยเพราะออกแบบมาให้ฟังในแบบโมโน ส่วนเพลงที่ออกแบบมาให้ฟังในแบบสเตอริโอก็ยังคงมีซาวด์ที่เยี่ยมยอดในแบบสเตอริโอเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่วันนี้เพลงกำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของ Spatial แล้ว ซึ่งไม่ใช่จุดจบของอะไรเลย แต่เป็นจุดเริ่มต้นของอะไรใหม่ๆ มากกว่า

— Zane Lowe, Apple Music



Tags: Apple MusicSpatial AudioZane Lowe
ShareTweetShare

Related Posts

Apple Music เฉลิมฉลองวันสตรีสากลด้วยการยกย่องเหล่าสตรีที่อยู่เบื้องหลังบทเพลงด้วย “แอ้ม -อัจฉริยา ดุลยพิบูลย์” ผู้เขียนเพลง “สลักจิต” “พิง” “เฮอร์ไมโอน้อง” และ “ชอบตัวเองตอนอยู่กับเธอ”
iPhone

Apple Music เฉลิมฉลองวันสตรีสากลด้วยการยกย่องเหล่าสตรีที่อยู่เบื้องหลังบทเพลงด้วย “แอ้ม -อัจฉริยา ดุลยพิบูลย์” ผู้เขียนเพลง “สลักจิต” “พิง” “เฮอร์ไมโอน้อง” และ “ชอบตัวเองตอนอยู่กับเธอ”

March 8, 2023
Apple ปรับขึ้นราคาบริการ Apple Music แบบนักศึกษาในบางประเทศ
iPhone

Apple Music Classical ใกล้เปิดตัวแล้ว หลังถูกอ้างอิงอยู่ใน iOS 16.4 Beta 2

March 2, 2023
Apple Music เปิดตัว Road to Halftime ของ Rihanna ก่อนถึงการแข่งขัน Super Bowl LVII 
iPhone

Apple Music เปิดตัว Road to Halftime ของ Rihanna ก่อนถึงการแข่งขัน Super Bowl LVII 

January 31, 2023
Load More

Stay Connected

  • 32.7k Followers
  • 13.6k Subscribers
  • 1000 Subscribers
  • วิธีเปลี่ยนภาพความละเอียดต่ำให้คมชัดด้วยเทคโนโลยี AI ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆได้ที่นี่

    วิธีเปลี่ยนภาพความละเอียดต่ำให้คมชัดด้วยเทคโนโลยี AI ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆได้ที่นี่

    2 shares
    Share 2 Tweet 0
  • รีวิว HUAWEI nova Y70 จอใหญ่ 6.75 นิ้ว กล้องหลัง 48MP ความจุ 128GB แบตอึดสะใจ 6000mAh ชาร์จไว พร้อมใช้งาน LINE ได้ตามปกติแล้ว ราคาเพียง 5,999 บาท

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • หลุด!! ราคา iPhone 14 Series ทั้ง 4 รุ่น ปรับราคาขึ้นอีกราว 3,300 บาท เริ่มต้นราว 26,300 บาท

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • iPhone 14 Pro, iPhone 14 Pro Max จะมาในราคาที่แพงกว่าเดิม คาดราคาเริ่มต้น 42,900 บาท

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • Truemove H จัดโปรซื้อ iPhone 13, iPhone 13 Pro หรือ iPhone 13 Pro Max ในราคาเต็ม รับฟรี iPhone 13 ความจุ 128GB

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
Flashfly Dot Net

www.flashfly.net

Follow Us

Browse by Category

  • AIS
  • Android
  • App Free
  • BlackBerry 10
  • dtac
  • EV Car
  • Feature
  • Flashfly Online Channel
  • Games
  • iPhone
  • Lifestyle
  • NEWS
  • Nintendo
  • Nokia
  • OPPO
  • Playstation
  • PR News
  • Recommended
  • Review & Preview
  • Samsung
  • Smartphone
  • Tips&Tricks
  • Truemove H
  • Windows Phone

Recent News

เผยสเปก Redmi Note 12 Turbo ก่อนเปิดตัวในวันที่ 28 มีนาคมนี้

เผยสเปก Redmi Note 12 Turbo ก่อนเปิดตัวในวันที่ 28 มีนาคมนี้

March 25, 2023
Redmi A2 เปิดตัวทางการ ใช้ชิป Helio G36 มาพร้อม Redmi A2+ มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

Redmi A2 เปิดตัวทางการ ใช้ชิป Helio G36 มาพร้อม Redmi A2+ มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

March 25, 2023
  • About
  • Advertise
  • Privacy & Policy
  • Contact

© 2021 FlashFly.net.

No Result
View All Result
  • NEWS
  • Review & Preview
  • iPhone
  • Android
  • Smartphone
  • Games

© 2021 FlashFly.net.