Samsung เปิดตัวสมาร์ทโฟน Galaxy XCover 5 ทางการในประเทศไทย โดยจัดกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์ เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เน้นความทนทานเป็นพิเศษ ซึ่งไม่ได้มีเพียง Galaxy XCover 5 แต่ยังมีสมาร์ทโฟนในกลุ่ม Galaxy Enterprise Edition อย่าง Galaxy A52, Galaxy A32 5G และ Galaxy XCover 5 รวมอยู่ด้วย
แน่นอนว่า Samsung Galaxy XCover 5 ถือเป็นผลิตภัณฑ์เด่นในงานนี้ ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับการออกแบบมาให้มีความทนทานเป็นพิเศษ รองรับการใช้งานในทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นในโรงงานอุตสาหกรรม ร้านค้าปลีก คลังสินค้า รวมไปถึงสถานพยาบาล และ หน่วยงานราชการต่างๆ
ด้านความทนทาน Samsung Galaxy XCover 5 ได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำ IP68 และในขณะที่หน้าจอเปียกน้ำ ก็สามารถควบคุมด้วยการสัมผัสหน้าจอได้ตามปกติ ไม่ต้องเสียเวลาหาผ้าเช็ดให้แห้งก่อน อีกทั้งยังสามารถสัมผัสหน้าจอได้ แม้สวมถึงมือ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องสวมถุงมือทำงานอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ หรือ ช่างที่ต้องสวมถึงมือป้องกัน
การใช้งานในร้านค้าปลีก หรือ คลังสินค้า Samsung Galaxy XCover 5 ก็มาพร้อมฟีเจอร์สแกนบาร์โค้ด ที่สามารถสแกนผลิตภัณฑ์ได้หลายรายการพร้อมกัน รวดเร็วกว่าการสแกนทีละป้าย อีกทั้งยังสามารถสแกนบาร์โค้ดแม้อยู่ในที่มืดได้อีกด้วย และถ้าต้องทำงานในคลังสินค้าช่วงเวลากลางคืนหรือเกิดไฟดับ Samsung Galaxy XCover 5 ก็มามาพร้อมแฟลช Dual LED ให้ความสว่างกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป
Samsung Galaxy XCover 5 มาพร้่อมปุ่มลัดด้านข้างที่เรียกว่า XCover Key สามารถตั้งค่าให้เปิดใช้งานฟังก์ชั่นที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว หรือ ตั้งค่าให้ใช้งานเป็นปุ่ม Push-to-Talk สำหรับสนทนาในรูปแบบวิทยุสื่อสาร เหมาะสำหรับงานป้องกันและรักษาความปลอดภัย
Samsung Galaxy XCover 5 มีขนาดกะทัดรัดเพื่อให้พกพาได้สะดวกแม้ใส่กระเป๋าเสื้อ ด้วยจอแสดงผล ความละเอียด 1480 x 720 พิกเซล ขนาด 5.3 นิ้ว ขอบตัวเครื่องบาง 9.2 มิลลิเมตร ผ่านการรับรองความทนทานมาตรฐาน MIL-STD 810H ป้องการตกหล่นจากความสูงที่ระดับ 1.5 เมตร
Samsung Galaxy XCover 5 ยังมีความพิเศษที่ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เองเหมือนโทรศัพท์มือถือในสมัยก่อนที่มักจะมีแบตเตอรี่สำรองสำหรับถอดเปลี่ยนได้ทันทีที่แบตเตอรี่เดิมหมด เพื่อให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องไม่ต้องชาร์จแบตเตอร์ทิ้งไว้ อีกทั้งยังรองรับ POGO Charging ชาร์จกับแท่นชาร์จได้สะดวก และรองรับชาร์จเร็วผ่าน USB-C
อีกจุดเด่นที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy XCover 5 รวมถึง Galaxy A52, Galaxy A32 5G นั่นคือ การเข้าร่วมกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า Galaxy Enterprise Edition โดยมีจุดเด่นที่การสนับสนุนด้านซอฟต์แวร์ ทั้งการช่วยเหลือจากระยะไกลเมื่ออุปกรณ์มีปัญหาในระหว่างใช้งาน รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลภายในอุปกรณ์
ฟีเจอร์เด่นของ Galaxy Enterprise Edition
ยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์: Samsung ขยายกรอบเวลาการวางจำหน่ายอุปกรณ์ในกลุ่ม Galaxy Enterprise Edition ให้นานขึ้นกว่ารุ่นทั่วไป ทำให้องค์กรสามารถบริหารและจัดหาอุปกรณ์รุ่นเดียวกันให้กับพนักงานในองค์กรภายหลังได้ง่ายขึ้น
ขยายบริการอัพเดทด้านความปลอดภัย: เพื่อปกป้องอุปกรณ์จากอาชญากรรมไซเบอร์ มัลแวร์ และภัยคุกคามอื่นๆ ได้นานขึ้น Galaxy Enterprise Edition จะได้รับการอัพเดทด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมขั้นต่ำที่ 4 ปี และ 5 ปี สำหรับบางรุ่น
แพลตฟอร์ตรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด: อุปกรณ์ทุกเครื่องมาพร้อมระบบ Samsung Knox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดจากซัมซุง โดยผ่านการติดตั้งมาตั้งแต่ระดับชิปเซ็ตไปจนถึงในแอปพลิเคชัน เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลสำคัญขององค์กรจะถูกปกป้องจากภัยคุมคามรูปแบบต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ตลอดอายุการใช้งาน
ติดตั้งและจัดการระบบได้อย่างคล่องตัว: ด้วยบริการ Knox Suite ที่ติดตั้งมาพร้อมกับตัวเครื่อง แผนกไอทีขององค์กรจึงสามารถกำหนดฟังก์ชันและตั้งค่าต่างๆ บน Galaxy Enterprise Edition ได้ตามต้องการ อีกทั้งยังสามารถดูแลอุปกรณ์จากศูนย์กลางได้อีกด้วย
การจัดการอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการที่ครอบคลุมและง่ายดาย: การอัพเดทเฟิร์มแวร์บนดีไวซ์ขององค์กร หรือ Enterprise Firmware-over-the-air (E-FOTA) ช่วยให้แผนกไอทีสามารถจัดการอุปกรณ์ได้อย่างง่ายดายจากระยะไกล ผ่านระบบปฏิบัติการกลางและการอัพเดทซอฟต์แวร์ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบปฏิบัติการและแพทช์ความปลอดภัยเวอร์ชันล่าสุดที่ผ่านการทดสอบแล้วจะพร้อมใช้งานสำหรับพนักงานทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ หรือองค์กรที่มีสาขาย่อยทั่วประเทศ รวมถึงพนักงานที่ทำงานจากบ้านหรือปฏิบัติการนอกสถานที่ Galaxy Enterprise Edition จะช่วยให้การจัดการด้านระบบ การอัพเดท และการควบคุมสมาร์ทดีไวซ์เป็นเรื่องง่ายในทุกระดับ ทำให้พนักงานทุกคนสามารถเชื่อมต่อสื่อสารและทำงานจากสถานที่ต่างๆ ได้สำเร็จลุล่วงอย่างไร้ข้อกังวลด้านความปลอดภัย