AIS ตอกย้ำนำศักยภาพด้านดิจิทัลเสริมศักยภาพการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง หลังจากที่เคยขึ้นแท่นเป็นผู้นำรายแรกในเรื่อง E-Waste ซึ่งได้ริเริ่มโครงการต่างๆในอุตสาหกรรมนี้ตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมา โดยในวันนี้ AIS ได้นำเสนอการยกระดับอุตสาหกรรม E-Waste ขึ้นไปอีกขั้นกับกระบวนการทำงานและการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการยกระดับและก้าวข้ามวิธีการแบบเดิมๆ ด้วยกระบวนการแบบใหม่ที่มีความแตกต่าง โดยใช้ศักยภาพด้านดิจิทัลเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเน้นให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าหลายปีที่ผ่านมา AIS มีการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมด้วยแผนในการทำงานอย่างมั่นคงยั่งยืนและลงมือทำอย่างจริงจังต่อเนื่องเสมอมา ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งในการกำจัด E-Waste หรือ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเริ่มดำเนินการมานานตั้งแต่ปี 2019 ด้วยการสร้างต้นคริสต์มาสรักษ์โลก ซึ่งถูกประดับและตกแต่งด้วยขยะอิเล็กทรอนิกส์ และขวดพลาสติกที่ถูกทิ้งแล้ว เพื่อตอกย้ำให้ทุกคนใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมองเห็นถึงปัญหาจาก E-Waste ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
หลังจากนับก้าวแรกเมื่อ 3 ปีก่อน AIS ยังคงเดินหน้ากำจัด E-Waste มาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2020 ด้วยการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อตั้งจุดรับทิ้ง E-Waste ทั่วประเทศ ทั้งภายในศูนย์การค้า และสำนักงานต่างๆ ในปี 2021 ยังมีการจับมือกับไปรษณีย์ไทย เพื่อตั้งจุดรับทิ้ง E-Waste ณ ที่ทำการไปรษณีย์ และยังสามารถฝาก E-Waste ให้บุรุษไปรษณีย์ช่วยนำไปทิ้งได้อย่างสะดวก ในปีนี้ AIS ยังคงเดินหน้าทำงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีการนำ E-Waste ไปผลิตเป็นเหรียญรางวัล Football Club E-Waste Challenge Award และ Football Club Green Ecosystem Award มอบให้กับสโมสรฟุตบอลในไทย ที่มีผลงานด้านสิ่งแวดล้อมรวมถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้โดดเด่นเป็นรูปธรรม โดย E-Waste ที่นำมาสร้างเป็นเหรียญรางวัลดังกล่าวล้วนมาจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้คนนำมาทิ้งกับจุดให้บริการของ AIS เรียกได้ว่า AIS นั้นได้นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับการทำงานในภารส่วนต่างๆได้อย่างเห็นไดัชัดเลยก็ว่าได้
จากกระบวนการจัดการ E-Waste แบบเดิมในปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าเป็นลักษณะของการตั้งจุดรับทิ้ง E-Waste ในพื้นที่ต่างๆเพื่อให้บริการกับผู้คนที่จะสามารถนำมาทิ้งได้ แต่ล่าสุด AIS ได้พัฒนา E-Waste+ เพื่อยกระดับกระบวนการทำงานและการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเทคโนโลยี Blockchain เป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการพัฒนากระบวนการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่ผู้ทิ้ง ไปจนถึงโรงงานรีไซเคิล เพื่อให้ทุกคนสามารถจัดการขยะ E-Waste ได้ง่ายขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานได้มากยิ่งขึ้น เห็นผลลัพธ์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นตัวอย่างของการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้แก้ปัญหาสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม
เทคโนโลยี Blockchain จะช่วยทำให้ผู้ทิ้งมั่นใจว่าขยะ E-Waste จะถูกนำส่งไปยังกระบวนการรีไซเคิลที่ได้มาตรฐานและโปร่งใส ผ่านกระบวนการ Track and Trace ซึ่งสามารถตรวจสอบสถานะของกระบวนการนำส่งได้ในแต่ละขั้นตอน และยังสามารถคำนวณปริมาณ Carbon Scores ซึ่งเป็นเครื่องบ่งบอกถึงการลงมือทำในกิจกรรมที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่สามารถแชร์ในโซเชียลและแสดงตัวตนในโลก Metaverse ได้
วิธีการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแพลตฟอร์ม E-Waste+
– ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น E-Waste+ ลงบนอุปกรณ์ iOS และ Android
– เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วให้เข้าสู่แอปดังกล่าว เพื่อลงทะเบียนและยืนยันตัวตน หลังจากนั้นเข้าสู่ระบบ (สามารถลงทะเบียนได้ทุกเครือข่าย)
– แตะเมนู “จุดรับทิ้งขยะ” เพื่อค้นหาจุดรับทิ้ง E-Waste ที่อยู่ใกล้เคียง
– นำ E-Waste ไปทิ้งยังจุดบริการ ให้เบอร์มือถือกับผู้รับ หรือ สแกน QR Code แก่ผู้รับ จากนั้น ผู้รับจะถ่ายภาพ E-Waste ของผู้ส่งแล้วนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ
– หลังจากนั้น ผู้ทิ้งสามารถเข้าไปตรวจสอบสถานะ E-Waste ที่ส่งมอบได้จากเมนู “รายการขยะ”
ผู้ใช้แอป E-Waste+ สามารถตรวจสอบสถานะ E-Waste ได้ว่าถูกจัดส่งไปกำจัดหรือยัง และกำลังเดินทางไปที่ไหนบ้าง ได้จากเมนู “รายการขยะ” อีกทั้งยังมีการบันทึกเป็นสถิติส่วนตัว ถ้าหากมีการจัดส่ง E-Waste หลายชิ้น โดย E-Waste ที่สามารถนำไปเข้ากระบวนการรีไซเคิลได้ จะถูกแปลงเป็นคะแนน Carbon Score ซึ่งสามารถนำไปเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ได้
E-Waste+ เริ่มใช้งานจริงกับ 6 องค์กรนำร่อง ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม ร่วมกันและเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน ประกอบไปด้วย บริษัท เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย จำกัด, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, บริษัท เงินติดล้อ จำกัด, ธนาคารออมสิน และ ธนาคารกสิกรไทย อีกทั้งยังทำงานร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ที่เข้ามาสนับสนุนแนวทางการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ได้จากการรีไซเคิล E-Waste อย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล
จากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ AIS มองเห็นถึงปัญหาในการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ แล้วนำข้อบกพร่องมาปรับปรุงและพัฒนาจนเกิดเป็นระบบนิเวศการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเทคโนโลยี Blockchain บนแพลตฟอร์ม E-Waste+ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญในการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี และรู้สึกได้ว่ามีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันที่อยู่ในยุคดิจิทัล โดยอาศัยประโยชน์จากศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ AIS ทำให้กระบวนการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น