หลังจากเปิดตัวในประเทศไทยช่วงปลายปีที่ผ่านมา ในที่สุดทีมงาน @Flashfly ก็มีโอกาสสัมผัสตัวจริงอย่างใกล้ชิดแล้ว สำหรับ Surface Pro 9 อุปกรณ์ 2-in-1 รุ่นใหม่ล่าสุดของ Microsoft เป็นทั้งแล็ปท็อปที่ทรงประสิทธิภาพ และรองรับการใช้งานที่หลากหลายในรูปแบบแท็ปเล็ต ซึ่งทีมงาน @Flashfly พร้อมพาทุกคนไปสำรวจดูแล้วว่ามีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง? เลื่อนลงมาอ่านรีวิวกันได้เลย

สเปก Microsoft Surface Pro 9

- จอแสดงผล PixelSense Flow ขนาด 13 นิ้ว อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz
- โปรเซสเซอร์ Intel Core i5-1235U / Core i7-1255U เจนเนอเรชัน 12
- กราฟิก Intel Iris Xe Graphics
- ความจำ RAM (LPDDR5) 8GB / 16GB / 32GB
- ที่เก็บข้อมูล SSD 256GB (มีให้เลือกสูงสุด 1TB)
- กล้องหน้า รองรับการตรวจสอบใบหน้า Windows Hello
- กล้องหลัง 10 ล้านพิกเซล
- ลำโพงสเตอริโอ 2W ระบบเสียง Dolby Atmos
- ไมโครโฟนสตูดิโอคู่แบบรับเสียงจากระยะไกล
- การเชื่อมต่อไร้สาย WiFi 6E (802.11ax), Bluetooth 5.1
- พอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C (2 ช่อง) พร้อม USB 4.0 / Thunderbolt 4, Surface Connect
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Gyroscope, Magnetometer, Ambient Color sensor
- ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home
- แบตเตอรี่ 47.7Wh ให้อายุการใช้งานยาวนานถึง 15.5 ชั่วโมง
- ขนาดตัวเครื่อง 287 x 209 x 9.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 879 กรัม
แกะกล่อง Surface Pro 9

Microsoft บรรจุ Surface Pro 9 ไว้ในกล่องสีขาวแบบเดียวกับรุ่นก่อน หน้ากล่องมีรูปภาพ Surface Pro 9 ในรูปแบบแท็บเล็ตวางในแนวนอนพร้อมกางขาตั้ง และระบุชื่อผลิตภัณฑ์ไว้ที่มุมบน หลังกล่องให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลทางเทคนิค และติดสติกเกอร์ที่ระบุข้อมูลของรุ่นที่ซื้อไว้ที่มุมล่าง

ภายในกล่องจะพบกับ Surface Pro 9, อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่, คู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น, เอกสารความปลอดภัยและการรับประกัน (รับประกันฮาร์ดแวร์นาน 1 ปี ภายใต้เงื่อนไขของบริษัทฯ)

ทั้งนี้ ในกล่องไม่ได้แถมแผงคีย์บอร์ด Surface Pro Signature Keyboard และปากกา Surface Slim Pen 2 มาให้ (วางจำหน่ายแยกต่างหาก) จึงเป็นที่มาของรูปภาพหน้าปกกล่องที่แสดงเฉพาะตัวแท็บเล็ต

ดีไซน์ไฮบริด

Surface Pro 9 ถูกสร้างมาในรูปแบบอุปกรณ์ 2-in-1 หรือไฮบริด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Surface Pro มาตั้งแต่รุ่นแรก รองรับการใช้งานได้ 2 รูปแบบ เป็นทั้งแล็ปท็อป และ แท็บเล็ต โดยตัวเครื่องมีดีไซน์สวยงามพรีเมียมอย่างเคย ผลิตด้วยวัสดุอะลูมิเนียม มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Sapphire, Forest, Platinum และ Graphite

ด้านหน้าเต็มไปด้วยพื้นที่ของจอแสดงผล PixelSense Flow ขนาด 13 นิ้ว ระบบสัมผัสมัลติทัช 10 จุด ได้รับการป้องกันด้วยกระจก Gorilla Glass 5 จาก Corning และรองรับการทำงานร่วมกับปากกา Surface Slim Pen 2 ที่เป็นอุปกรณ์เสริม

ขอบหน้าจอด้านบนยังมาพร้อมกล้องหน้าและไมโครโฟน เน้นใช้งานวิดีโอแชทหรือประชุมออนไลน์ และยังใช้ตรวจสอบใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนผ่านฟีเจอร์ Windows Hello และสามารถบันทึกวิดีโอในความละเอียด Full HD 1080p


ด้านหลังมีกล้องตัวหลัก ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล พร้อมระบบออโต้โฟกัส สนับสนุนการบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K และ Full HD 1080p

พื้นที่ครึ่งล่างของด้านหลัง สามารถกางออกมาเป็นขาตั้งได้ ซึ่งให้ความรู้สึกมั่นคงแข็งแรง

ขอบด้านบนจะพบปุ่มเพาเวอร์ ติดตั้งใกล้กับปุ่มปรับระดับเสียง

ขอบด้านข้างมีพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C (2 ช่อง) รองรับ USB 4.0 / Thunderbolt 4

อีกข้างมีพอร์ตเชื่อมต่อ Surface Connect และยังมีการทำรอยเว้า ช่วยให้กางขาตั้งออกมาได้สะดวกขึ้น

ขอบล่างถูกออกแบบมาสำหรับเชื่อมต่อกับ Surface Type Cover หรือ แผงคีย์บอร์ด สำหรับการทำงานในรูปแบบแล็ปท็อป

ดีไซน์โดยรวมของ Surface Pro 9 มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางตำแหน่งปุ่มกดใหม่ ด้วยการรวมปุ่มเพาเวอร์กับปุ่มปรับระดับเสียงขึ้นไปไว้ที่ขอบด้านบน ถอดช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรออกไป ส่วนมิติตัวเครื่อง ด้านความยาว ความกว้าง ความหนา ใกล้เคียง Surface Pro 8 แต่มีน้ำหนักเบาลง มาในพิกัด 879 กรัม ขณะที่รุ่นก่อนมีน้ำหนัก 891 กรัม
จอสัมผัส 13 นิ้วรีเฟรชเรท 120Hz

Surface Pro 9 มาพร้อมจอแสดงผล PixelSense Flow ระบบสัมผัสมัลติทัช 10 จุด ความละเอียด 2880 x 1920 พิกเซล ขนาด 13 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 267 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) ให้อัตราส่วนภาพ 3:2 รองรับอัตราการรีเฟรชแบบไดนามิก สูงสุด 120Hz และได้ป้องกันริ้วรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5

จอแสดงผล PixelSense Flow ของ Surface Pro 9 ให้สีสันคมชัดสดใสด้วยการรองรับ Dolby Vision IQ สำหรับการรับชมภาพยนตร์ที่เข้ารหัสของ Dolby Vision และยังรองรับโปรไฟล์สี sRGB รองรับ Adaptive Color และการจัดการสีอัตโนมัติ
Surface Slim Pen 2 & Surface Pro Signature Keyboard

ข้อดีของจอแสดงผลระบบสัมผัส ทำให้ Surface Pro 9 สนับสนุนการใช้งานร่วมกับปากกา Surface Slim Pen 2 (ปากกาวางจำหน่ายแยกต่างหาก) ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์แค่เพียงจดโน้ตหรือวาดภาพเท่านั้น แต่ยังสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมตกแต่งภาพระดับมืออาชีพได้อย่างดีเยี่ยม กลายเป็นข้อได้เปรียบของ Surface Pro 9 เมื่อเทียบกับแล็ปท็อปรุ่นอื่น

หากต้องการทำงานในรูปแบบแล็ปท็อป Surface Pro Signature Keyboard ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมี (ต้องซื้อแยกต่างหาก) ข่าวดีก็คือ แผงคีย์บอร์ด Surface Pro Signature Keyboard ของ Surface Pro 9 เป็นรุ่นเดียวกับ Surface Pro 8 หมายความว่าผู้ใช้งาน Surface Pro 8 ที่อัปเกรดมาใช้ Surface Pro 9 โดยที่มี Surface Pro Signature Keyboard และ Surface Slim Pen 2 อยู่แล้ว ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพราะใช้ของเดิมร่วมกันได้

จุดเด่นของ Surface Pro Signature Keyboard คือ ถูกสร้างมาเพื่อเชื่อมต่อกับ Surface Pro 9 โดยเฉพาะ ใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงและบางเฉียบ (ผลิตจากวัสดุ Alcantara ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม) สามารถปกป้องหน้าจอของ Surface Pro 9 ได้ในระหว่างพกพา และเมื่อใช้งานก็ยังตอบสนองการพิมพ์ได้อย่างคล่องตัว มีแทรคแพดในตัว รวมถึงช่องเก็บปากกา Surface Slim Pen 2 (ชาร์จแบตให้ปากกาได้ด้วย) และสามารถยกแผงคีย์บอร์ดให้ลาดเอียงได้เล็กน้อย เพื่อรับกับฝ่ามือในระหว่างพิมพ์คีย์บอร์ด

ขุมพลัง Intel เจนเนอเรชัน 12

Surface Pro 9 ที่ Microsoft นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย (อย่างน้อยก็ในช่วงแรก) เป็นเวอร์ชั่น Intel/WiFi ซึ่งใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชัน 12 ในแพลตฟอร์มแล็ปท็อป Intel Evo (เฉพาะรุ่นความจุ SSD 256GB ขึ้นไป) โดยมีโปรเซสเซอร์ให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ Core i5-1235U และ Core i7-1255U ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงเพียงพอสำหรับการทำงานเหมือนกับ Desktop PC ตอบสนองการใช้งานแบบ Multitasking ได้อย่างราบรื่น โดยทาง Microsoft อ้างว่า มีประสิทธิภาพเหนือกว่า Surface Pro 8 ถึง 50%

Surface Pro 9 รุ่นโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชัน 12 ยังมาพร้อม Intel Iris Xe Graphics และรองรับการติดตั้ง eGPU ด้วย ดังนั้น การเล่นเกมที่มีกราฟิกสูงๆ จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับ Surface Pro 9

ด้านความจำ RAM ใช้มาตรฐาน LPDDR5 (รุ่นก่อนเป็นแบบ LPDDR4x) ขนาด 8GB / 16GB / 32GB มาพร้อมที่เก็บข้อมูลแบบ SSD ขนาด 128GB / 256GB / 512GB / 1TB (เฉพาะรุ่น 256GB ขึ้นไปเท่านั้นที่จัดอยู่ในแพลตฟอร์ม Intel Evo)

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน

Surface Pro 9 ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 15.5 ชั่วโมง ซึ่งเป็นตัวเลขจากการทดสอบของรุ่น Intel Core i5 ที่มี RAM 8GB ความจุในตัว 256GB โดยใช้ทำงานทั่วไป และ ท่องเว็บไซต์ผ่าน Wi-Fi หลายเว็บพร้อมกัน ส่วนตัวเลือกอื่นๆ ก็คาดว่าจะให้อายุการใช้งานที่ยาวนานไม่แตกต่างกันมากนัก และมั่นใจได้ว่า Surface Pro 9 สามารถพกพาติดตัวไปใช้งานได้ตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่

สรุปราคาและการจำหน่าย

Surface Pro 9 สามารถตอบสนองการทำงานในรูปแบบแล็ปท็อปได้อย่างดี และรองรับการใช้งานด้านความบันเทิงในโหมดแท็บเล็ต เรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้งานได้ครบครัน ไม่ต้องซื้ออย่างใดอย่างหนึ่ง อีกทั้ง ยังมีพอร์ตเชื่อมต่อที่มากกว่าแท็บเล็ตในตลาด ด้วยพอร์ต Thunderbolt 4 สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง และถ้าหากขนาดหน้าจอ 13 นิ้ว ยังเล็กเกินไป Surface Pro 9 ก็สามารถต่อจอภาพภายนอกระดับ 4K ได้อีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาอุปกรณ์ 2-in-1 ที่มีดีไซน์พรีเมียม และมีประสิทธิภาพพียงพอสำหรับการทำงาน และให้ความบันเทิงได้อย่างเต็มอิ่มบนจอภาพที่มีสีสันสดใส พร้อมลำโพงสเตอริโอ

ทั้งนี้ Microsoft พร้อมวางจำหน่าย Surface Pro 9 ในประเทศไทยแล้ว โดยมี 5 ตัวเลือก ดังต่อไปนี้
- Intel Core i5, RAM 8GB, SSD 128GB ราคา 40,900 บาท (ราคาสำหรับนักเรียน 36,810 บาท)
- Intel Core i5, RAM 8GB, SSD 256GB ราคา 44,900 บาท (ราคาสำหรับนักเรียน 40,410 บาท)
- Intel Core i7, RAM 16GB, SSD 256GB ราคา 62,900 บาท (ราคาสำหรับนักเรียน 56,610 บาท)
- Intel Core i7, RAM 16GB, SSD 512GB ราคา 73,900 บาท (ราคาสำหรับนักเรียน 66,510 บาท)
- Intel Core i7, RAM 32GB, SSD 1TB ราคา 100,900 บาท (ราคาสำหรับนักเรียน 90,810 บาท)
สำหรับแผงคีย์บอร์ด Surface Pro Signature Keyboard พร้อมปากกา Surface Slim Pen 2 วางจำหน่ายคู่กันในราคา 10,490 บาท