Netflix เริ่มใช้แผนปราบปรามการแชร์รหัสผ่านในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำให้สมาชิกต้องเลือกระหว่างตัดความสัมพันธ์กับคนที่ไม่ได้อยู่ในบ้านเดียวกัน หรือจ่ายค่าบริการเพิ่มเดือนละ 7.99 ดอลลาร์ หรือราว 290 บาท

หลังจากนโยบายห้ามแชร์รหัสผ่านของ Netflix มีผลบังคับใช้ในสหรัฐอเมริกาได้ไม่นาน ผู้ใช้ Twitter หลายร้อยก็เริ่มติดแฮชแท็ก #CancelNetflix พร้อมแชร์ภาพหน้าจอที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาตัดสินใจยกเลิกเป็นสมาชิก Netflix และยังสนับสนุนให้ผู้อื่นยกเลิกการสมัครเช่นเดียวกัน



อย่างไรก็ตาม Netflix ไม่ได้กังวลต่อผลกระทบดังกล่าว เนื่องจากเคยเจอกับสถานการณ์ที่คล้ายกันมาแล้วในละตินอเมริกา
“จากประสบการณ์ของเราในละตินอเมริกา เราคาดว่าจะมีปฏิกิริยาการยกเลิกบางอย่างในแต่ละตลาด เมื่อเราเปิดตัวแผนแบ่งปันแบบชำระเงิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของสมาชิกในระยะสั้น” Netflix อธิบายเมื่อต้นปีนี้ในรายงานผลประกอบการ
Netflix พบว่าท้ายที่สุดแล้วผู้ที่เคยยืมรหัสผ่านจากคนอื่น จะตัดสินใจสมัครใช้ Netflix ด้วยตนเอง ซึ่งจะทำให้มีบัญชีสมาชิกเพิ่มขึ้น และส่งผลให้รายได้โดยรวมเพิ่มขึ้นในระยะยาว
ทั้งนี้ แผนปราบปรามการแชร์รหัสผ่านของ Netflix จะไม่อนุญาตให้สมาชิกมีการแชร์รหัสผ่านกับบุคคลอื่นที่อยู่คนละบ้านอีกต่อไป ยกเว้นว่าจะจ่ายเงินเพิ่ม โดยสมาชิก Netflix สามารถเพิ่มโปรไฟล์ให้กับบุคคลที่อยู่คนละบ้านได้สูงสุด 2 คน แต่ต้องจ่ายค่าบริการรายเดือนเพิ่ม คนละ 7.99 ดอลลาร์ หรือราว 290 บาท
ที่มา – BGR