หลังจากรัฐบาลจีนประกาศแบน iPhone เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ทำให้ราคาหุ้นของ Apple ตกถึง 6.4% ในเวลาเพียง 2 วัน ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูญเสียไปถึง 1.9 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 6.8 ล้านล้านบาท และยังก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
การประกาศแบน iPhone จากรัฐบาลจีน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับโอกาสในอนาคตของ Apple และบริษัทซัพพลายเออร์ รวมไปถึงตลาดหุ้นจีนก็สั่นคลอนด้วยเช่นกัน ดัชนี CSI 300 ซึ่งรวมถึงบริษัทชั้นนำของจีน ลดลง 0.5%, ดัชนี Shanghai Composite ลดลง 0.2% ขณะที่ดัชนี Shenzhen Composite ลดลง 0.4% และยังลามไปถึงฮ่องกง ขึ้นถึงขั้นที่ยกเลิกการซื้อขายทั้งหุ้นและอนุพันธ์
แน่นอนว่าซัพพลายเออร์หลักของ Apple ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน หุ้นของ Foxconn ลดลง 0.6%, Luxshare ลดลง 2%, Largan Precision ลดลงกว่า 4% ในขณะที่ผู้ผลิตชิป TSMC ลดลง 0.6% นอกจากนี้ ซัพพลายเออร์รายอื่น รวมถึงผู้ผลิตแบตเตอรี่ และ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BYD ก็หุ้นตกไปตามๆ กัน
คำสั่งแบนของรัฐบาลจีน เป็นส่วนหนึ่งในแผนลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และป้องกันไม่ให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนรั่วไหล โดยแหล่งข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนได้รับคำสั่งไม่ให้ใช้ iPhone ในการทำงาน และยังถูกห้ามไม่ให้พกพาอุปกรณ์และเทคโนโลยีจากต่างประเทศเข้าไปในที่ทำงานด้วย
นอกจากนี้ Apple ยังได้รับแรงกดดันอีกระลอก จากการกลับมาของ Huawei ที่มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงพร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ Mate X5 และ Mate 60 Pro Plus ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ และดึงดูดความสนใจจากทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การฟื้นตัวของ Huawei อาจเป็นก้าวแรกในความพยายามที่จะท้าทายการครอบงำของ Apple ในขณะที่การต่อสู้ทางเทคโนโลยีระหว่างยักษ์ใหญ่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้อนาคตของ Apple และซัพพลายเออร์ในจีนยังคงผันผวน ไม่แน่นอน
ที่มา – Gizmochina