Saturday, December 6, 2025
  • Contact us
Flashfly Dot Net
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
Flashfly Dot Net
No Result
View All Result
Home iPhone

18 วิธี ช่วยประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่ iPhone 15

Content Team by Content Team
October 8, 2023
in iPhone, NEWS
0
SHARES
768
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

ทุกครั้งที่ Apple ปล่อยระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ออกมาให้อัปเดต มักส่งผลกระทบต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ iPhone ซึ่งคาดว่ามาจากการซิงค์ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง รวมไปถึงการทำงานที่เพิ่มขึ้นของระบบหลังจากได้รับฟีเจอร์ใหม่

และถ้าพบว่าระดับแบตเตอรี่ของ iPhone 15 ถูกระบายออกไปอย่างรวดเร็วจนผิดปกติ หลังจากอัปเดต iOS 17 ให้ลองทำตามวิธีด้านล่างนี้ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น

1) ปิดฟีเจอร์ Live Activities

ฟีเจอร์ Live Activities จะคอยแจ้งเตือนบนหน้าจอ Lock Screen และ Dynamic Island ซึ่งทำให้แบตเตอรี่หมดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่สามารถเข้าไปปิดการใช้งานได้ที่แอป Settings > Face ID & Passcode จากนั้นป้อนรหัสผ่านเพื่อปลดล็อค ‌iPhone‌ แล้วเลื่อนลงไปเพื่อปิดการทำงานของ Live Activities

2) ลบ Widget บนหน้าจอ Lock Screen และ Home Screen

Widget บนหน้าจอ Lock Screen และ Home Screen ช่วยให้การใช้งาน ‌iPhone‌ สะดวกขึ้น สามารถใช้งานแอปต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเปิดแอปหลัก แต่ถ้าไม่มีการใช้งาน Widget บ่อยนัก สามารถลบ Widget ออกเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้

3) ปิดฟีเจอร์ Live Voicemail

ฟีเจอร์ Live Voicemail ช่วยให้ผู้ใช้ ‌iPhone‌ ได้ยินเสียงของผู้ที่โทรเข้ามาและกำลังฝากข้อความทิ้งไว้ โดยจะปรากฏบนหน้า Lock Screen ซึ่งสามารถปิดการใช้งานได้ที่แอป Settings > Phone > Live Voicemail

4) ปิดฟีเจอร์ Proximity AirDrop Sharing

ฟีเจอร์ Proximity AirDrop Sharing ช่วยให้ iPhone และ Apple Watch ที่ทำงานบน iOS 17‌ และ watchOS 10.1 ตามลำดับ สามารถแชร์ไฟล์ผ่าน AirDrop ได้ง่าย เมื่อพบว่าอุปกรณ์อยู่ใกล้กัน แต่นั่นก็ทำให้แบตเตอรี่ลดลงด้วยเช่นกัน ดังนั้น ควรปิดการใช้งานที่แอป Settings > General > AirDrop แล้วปิดการใช้งาน Bringing Devices Together

5) ใช้ Maps แบบออฟไลน์

Apple Maps ใน iOS 17‌ รองรับการนำทางแบบออฟไลน์ ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดการนำทางก่อนออกเดินทางได้ ทำให้ไม่ต้องเปิดการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือระหว่างนำทาง ซึ่งช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้อีกทางหนึ่ง

6) ปิดฟีเจอร์ Haptic Keyboard Feedback

ฟีเจอร์ Haptic Keyboard Feedback เป็นระบบตอบสนองเมื่อมีการสัมผัสแผงคีย์บอร์ดบนหน้าจอ ที่ปกติจะถูกปิดไว้ แต่ถ้ามีการเปิดสามารถเข้าไปปิดได้ที่แอป Settings > Sounds & Haptics > Keyboard Feedback แล้วปิดการใช้งาน Haptic

7) ปิดฟีเจอร์ Always-On Display

โหมดการแสดงผลแบบ Always-On Display ช่วยให้ผู้ใช้งานมองเห็นข้อมูลบนหน้าจอทันที โดยไม่ต้องปลุกหรือปลดล็อคหน้าจอ และถึงแม้จะเป็นโหมดที่ประหยัดแบตเตอรี่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแบตเตอรี่จะไม่ลดลง ดังนั้น ถ้าคิดว่าไม่จำเป็น สามารถเปิดฟีเจอร์ Always-On Display ได้ที่แอป Settings > Display & Brightness > Always On Display

8) ใช้วอลเปเปอร์ที่เป็นภาพนิ่ง

iOS 17 รองรับรูปภาพวอลเปเปอร์ที่เคลื่อนไหวได้ เช่น วอลเปเปอร์ Weather, Photo Shuffle, Astronomy ซึ่งใช้พลังงานมากกว่าวอลเปเปอร์ที่เป็นภาพนิ่ง

9) ใช้โหมด Focus

โหมด Focus ช่วยจำกัดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญได้ ทำให้ความถี่ในการแจ้งเตือนลดลง หน้าจอของ iPhone ก็ไม่ต้องถูกปลุกบ่อยจนเกินไป ส่วนการแจ้งเตือนทั้งหมดจะรวบรวมไว้ทีเดียวเมื่อระยะเวลาของโหมด Focus สิ้นสุดลง

ทั้งนี้ ในโหมด Focus ผู้ใช้งานสามารถกำหนดค่าได้ว่าแอปและบุคคลใดบ้างที่มีความสำคัญ เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่ออยู่ในโหมด Focus

10) ใช้ Scheduled Summary

ฟีเจอร์ Scheduled Summary มีประโยชน์อย่างมากหากต้องการประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่ โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าไปเปิดใช้งานได้ที่แอป Settings ในส่วนของ Notifications

เมื่อเปิดใช้งาน Scheduled Summary จะช่วยให้ iPhone ลดการแจ้งเตือนได้ โดยจะสรุปการแจ้งเตือนให้วันละครั้งหรือสองครั้ง และเมื่อมีการแจ้งเตือนน้อยลง แบตเตอรี่ของ iPhone ก็หมดช้าลงตามไปด้วย

11) จำกัดเวลาและความถี่แอปในการเข้าถึงตำแหน่ง

การจำกัดเวลาและความถี่ของแอปพลิเคชั่นต่างๆ ในการเข้าถึงตำแหน่ง iPhone เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น โดยเข้าไปตั้งค่าได้ที่แอป Settings > Privacy & Security > Location Services จากนั้นเข้าไปตรวจสอบการตั้งค่าของแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่ง iPhone

12) จำกัดแอปที่ใช้ Bluetooth

เช่นเดียวกับการการจำกัดแอปในการเข้าถึงตำแหน่ง iPhone การปิดใช้งาน Bluetooth ก็เป็นทางเลือกหนึ่งเช่นกัน หากต้องการประหยัดแบตเตอรี่ และยังสามารถจำกัดแอปที่ใช้ Bluetooth ได้อีกด้วย โดยเข้าไปที่แอป Settings > Privacy & Security > Bluetooth จากนั้นให้ปิดแอปที่ไม่ต้องการการเชื่อมต่อ Bluetooth

13) ใช้ Low Power Mode

หากต้องการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ โดยไม่ต้องยุ่งยากกับการตั้งค่าต่างๆ สามารถเปิดใช้ Low Power Mode ได้จาก Control Center หรือแอป Settings รวมถึงเปิดใช้งานผ่าน Siri อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้ Low Power Mode โดยอัตโนมัติ ผ่านแอป Shortcuts แล้วกำหนดให้เปิด Low Power Mode เมื่อระดับแบตเตอรี่ลดเหลือระดับตามที่ตั้งค่าไว้

14) ใช้ Wi-Fi และ Airplane Mode

เมื่ออยู่ในพื้นที่ของสัญญาณ Wi-Fi ที่เชื่อมต่อได้ การเปิดใช้ Wi-Fi แทน Cellular หรือสัญญาณมือถือ (3G/4G/5G) เป็นอีกวิธีที่ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานที่สุด แต่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มั่นใจว่าจะไม่มีบุคคลสำคัญโทรเข้ามา และถ้าอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มี Wi-Fi รวมไปถึงสัญญาณมือถือก็อยู่ในระดับต่ำ การเปิดใช้ Airplane Mode ก็จะช่วยลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ได้ดีเช่นกัน

15) จัดการแอปที่เปลืองพลังงานแบตเตอรี่

iPhone‌ สามารถบอกได้ว่าแต่ละแอปพลิเคชัน ใช้พลังงานมากที่สุด สามารถตรวจสอบได้ที่แอป Settings > Battery หากพบว่ามีแอปพลิเคชันใดที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ มากที่สุด และไม่จำเป็นต้องใช้แอปนั้นแล้ว แนะนำให้ลบออกเพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่

16) จำกัดการทำงานในเบื้องหลัง

iPhone‌ มีการอัปเดตหรือรีเฟรชแอปพลิเคชั่นต่างๆ ในเบื้องหลัง ซึ่งหมายความว่ามีการใช้พลังงานของแบตเตอรี่โดยที่ผู้ใช้งานไม่ทันสังเกต แตาสามารถเข้าไปจำกัดการทำงานในเบื้องหลังได้ที่แอป Settings > General > Background App Refresh

17) ตั้งค่าแอป Mail

การตั้งค่า Fetch New Data ในแอป Mail เป็นอีกวิธีในการช่วยประหยัดแบตเตอรี่ นอกเหนือจากการจำกัด Background App Refresh ตามขั้นตอนที่แล้ว

เมื่อเข้าไปที่แอป Settings > Mail > Accounts แล้วแตะ Fetch New Data ผู้ใช้งานสามารถกำหนดระยะเวลาในการ Push หรือดึงข้อมูลอีเมลใหม่ ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ตามตัวเลือกต่อไปนี้ Automatically, Manually, Hourly, Every 30 Minutes และ Every 15 Minutes

18) ลดความสว่างหน้าจอ

ยิ่งจอแสดงผลมีความสว่างมาก ก็ใช้พลังงานของแบตเตอรี่มากขึ้นไปด้วย ดังนั้น การลดความสว่างหน้าจอ จึงช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อใช้งานภายในอาคารที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความสว่างหน้าจอมากนัก หรือบางทีควรงดการดูหน้าจอ iPhone เมื่ออยู่กลางแจ้ง จะได้ไม่ต้องปรับความสว่างสูงสุด และถ้าเป็นไปได้ อย่าลืมตั้งเวลาล็อคหน้าจออัตโนมัติ หรือ Auto-Lock ในการตั้งค่า Display & Brightness โดยเลือกระยะเวลาที่สั้นที่สุด

ที่มา – MacRumors






Tags: iOS 17iPhone 15iPhone 15 PlusiPhone 15 ProiPhone 15 Pro Max
ShareTweetShare

Related Posts

ทดสอบความเร็ว iPhone 17 Pro Max เทียบกับ iPhone 12 Pro Max จนถึง iPhone 16 Pro Max
iPhone

ทดสอบความเร็ว iPhone 17 Pro Max เทียบกับ iPhone 12 Pro Max จนถึง iPhone 16 Pro Max

November 22, 2025
วันนี้วันสุดท้าย!! iPhone จาก AIS เริ่มต้นเพียง 6,800 บาท หมดเขต 2 พ.ย. 68
AIS

วันนี้วันสุดท้าย!! iPhone จาก AIS เริ่มต้นเพียง 6,800 บาท หมดเขต 2 พ.ย. 68

November 2, 2025
ผู้ใช้ iPhone 16 Pro บางราย พบปัญหาจอแสดงผล ไม่ตอบสนองต่อการสัมผัส
iPhone

Apple ยุติการผลิต iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max

September 10, 2025
Load More
  • ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    356 shares
    Share 0 Tweet 0
  • วาร์ปสู่โลกใหม่!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy S24 Series ครบทุกรุ่นทุกสี พร้อมใช้งาน Galaxy AI สุดล้ำ

    101 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy Tab A9+ แท็บเล็ตสุดคุ้มจอ 11 นิ้วรีเฟรช 90Hz ใช้ชิป Snapdragon 695 รองรับ 5G ระบบเสียง Dolby Atmos ราคา 8,990 บาท

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy S23 FE มาอย่างพี๊คคค สเปกแฟล็กชิป ในราคาเป็นมิตร จอ 120Hz กล้องหลัง 3 ตัว 50MP ซูม 3x คมกริบ แบต 4,500mAh

    502 shares
    Share 0 Tweet 0
  • เปรียบเทียบ 2 เรือธงแห่งปี Galaxy S25 Ultra vs iPhone 17 Pro Max

    788 shares
    Share 0 Tweet 0

Browse by Category

  • AIS
  • Android
  • App Free
  • BlackBerry 10
  • dtac
  • EV Car
  • Feature
  • Flashfly Online Channel
  • Games
  • iPhone
  • Lifestyle
  • NEWS
  • Nintendo
  • Nokia
  • OPPO
  • Playstation
  • PR News
  • Recommended
  • Review & Preview
  • Samsung
  • Smartphone
  • Tips&Tricks
  • Truemove H
  • Windows Phone

Recent News

Samsung จะปล่อย One UI 8.5 Beta ให้อัปเดตในวันที่ 8 ธันวาคมนี้

Samsung จะปล่อย One UI 8.5 Beta ให้อัปเดตในวันที่ 8 ธันวาคมนี้

December 5, 2025
Apple Arcade เพิ่ม 4 เกมใหม่ เล่นได้แล้ววันนี้!!

Apple Arcade เพิ่ม 4 เกมใหม่ เล่นได้แล้ววันนี้!!

December 5, 2025
  • About
  • Advertise
  • Privacy & Policy
  • Contact

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');

No Result
View All Result
  • NEWS
  • Review & Preview
  • iPhone
  • Android
  • Smartphone
  • Games

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');