ถึงแม้ Apple จะเปิดตัว iOS 17 ออกมาให้เจ้าของ iPhone ได้อัปเดตมานานหลายเดือน แต่ก็ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ยังรอคอยการอัปเดตในเวอร์ชันย่อย ขณะเดียวกัน Apple ก็มีแผนเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามาใน iOS 18 ที่คาดว่าจะเปิดตัวในงานประชุมนักพัฒนา WWDC เดือนมิถุนายน 2024 ทำให้ในปีนี้ผู้ใช้ iPhone จะได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจอย่างน้อย 8 ฟีเจอร์ ตามรายงานด้านล่าง
Stolen Device Protection
Stolen Device Protection ถูกเพิ่มเข้ามาใน iOS 17.3 เวอร์ชัน Beta ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวเมื่ออุปกรณ์ถูกขโมยหรือทำหาย ถึงแม้ว่าคนที่ได้ไปจะรู้รหัสผ่านก็ตาม โดยเข้าไปที่แอป Settings > Face ID & Passcode > Stolen Device Protection
จัด Playlists ใน Apple Music ร่วมกับเพื่อนๆ ได้
Apple Music Collaborative Playlists เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้สมาชิก Apple Music สร้าง Playlists และเชิญให้เพื่อนๆ (ที่เป็นสมาชิก Apple Music) สามารถเข้ามาแก้ไข Playlists เดียวกันได้ ซึ่งใครที่เข้ามาแก้ไข Playlists ก็จะแสดงรูปโปรไฟล์กำกับไว้ด้านข้างแทร็ก อีกทั้งยังสามารถใช้อีโมจิเพื่อโต้ตอบกับเพลงใน Playlists ได้ด้วย
ฟีเจอร์ Apple Music Collaborative Playlists เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่ Apple เคยเพิ่มเข้ามาใน iOS 17.2 เวอร์ชัน Beta ก่อนจะถูกลบออกไปใน iOS 17.2 Beta 4 และนำกลับมาอีกครั้งใน iOS 17.3 เวอร์ชัน Beta
AirPlay จะรองรับการใช้งานกับทีวีในโรงแรม
หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ของ iOS 17 คือขยายความสามารถของ AirPlay ใน iPhone ให้เชื่อมต่อกับทีวีในโรงแรมหรือรีสอร์ทที่ไปเข้าพักได้ แต่ Apple ได้เลื่อนการอัปเดตฟีเจอร์นี้ออกไปจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะพร้อมอัปเดตในปีนี้
สำหรับการใช้งาน AirPlay กับทีวีตามห้องพักของโรงแรม สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการใช้ iPhone หรือ iPad สแกน QR Code กับสมาร์ททีวี โดยไม่ต้องกังวลด้านความปลอดภัย เนื่องจากไม่ต้องมีการติดตั้งแอปใดๆ และไม่จำเป็นต้องป้อนรหัสผ่านหรือลงชื่อเข้าสู่ระบบ แต่สมาร์ททีวีของโรงแรมก็ต้องเป็นรุ่นใหม่ที่รองรับการใช้งาน AirPlay ด้วยเช่นกัน
iPhone จะรองรับ App Sideload
iPhone จะรองรับการติดตั้งเกมหรือแอปพลิเคชั่นด้วยวิธี Sideloading หรือสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งแอปจากแหล่งอื่นนอกจาก App Store ได้เป็นครั้งแรก แต่คาดว่าจะถูกจำกัดความสามารถนี้เฉพาะผู้ใช้งานที่อยู่ในยุโรปเท่านั้น เนื่องจากการปลดล็อคของ Apple มาจากการถูกบังคับด้วยกฎหมายตลาดดิจิทัล (DMA – Digital Markets Act) ของสหภาพยุโรป
กฎหมายใหม่ของยุโรป บังคับให้บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Apple ต้องเปิดบริการและแพลตฟอร์มของตนแก่บริษัทและนักพัฒนารายอื่นๆ ซึ่งจะทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 15 – 30% ให้กับ Apple เพราะไม่จำเป็นต้องพึ่งพา App Store อีกต่อไป
อัปเกรด CarPlay
Apple เคยประกาศแผนการอัปเกรด CarPlay ครั้งใหญ่ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022 เรียกว่าเป็น Next-Generation CarPlay เพื่อรองรับระบบ Infotainment ในรถยนต์ที่มีหลายหน้าจอ เพื่อให้ประสบการณ์ที่สอดคล้องกัน ซึ่งทาง Apple เคยกล่าวว่า CarPlay จะถูกปรับแต่งให้เหมาะกับรถยนต์รุ่นใหม่แต่ละรุ่น เพื่อรองรับหน้าจอที่มีรูปทรงและเลย์เอาต์แตกต่างกัน
หน้าจอหลักของ CarPlay เวอร์ชันใหม่ จะรองรับ Widget คล้ายกับบน iPhone / iPad เพื่อแสดงข้อมูลโดยย่อของแอปหรือฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ระยะเวลาการเดินทาง การประหยัดน้ำมัน ระยะทาง กิจกรรมในปฏิทิน สภาพอากาศ การโทร สถานะของประตูโรงรถที่เปิดใช้งาน HomeKit และอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถเลื่อนดู Widget ภายในแผงหน้าปัดได้อีกด้วย
อีกประสบการณ์ใหม่ของ CarPlay คือ จะถูกรวมเข้ากับแผงหน้าปัดรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น มาตรวัดความเร็ว มาตรวัดความเร็ว มาตรวัดระยะทาง มาตรวัดเชื้อเพลิง มาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ มาตรวัดแรงดันน้ำมัน และอื่นๆ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกดีไซน์แผงหน้าปัดได้ตามต้องการจากหลากหลายแบบ
Next-Generation CarPlay ยังสามารถควบคุมอุณหภูมิในรถยนต์อย่างเต็มระบบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความร้อน ความแรงพัดลม ไปจนถึงอุณหภูมิเบาะนั่ง พวงมาลัย และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่รองรับการปรับอุณหภูมิ
อย่างไรก็ตาม CarPlay เวอร์ชันใหม่ จะพร้อมใช้งานเมื่อไรนั้น ขึ้นอยู่กับการอัปเดตของผู้ผลิตรถยนต์ โดยมีค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมหลายแบรนด์ ได้แก่ Acura, Audi, Ford, Honda, Jaguar, Land Rover, Mercedes-Benz, Nissan, Porsche, Volvo และแบรนด์อื่นๆ
ขยายบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนถนนผ่านดาวเทียม
นอกเหนือจากฟีเจอร์ Emergency SOS Via Satellite (ขอความช่วยเหลือผ่านดาวเทียม) ใน iOS 17 ได้เพิ่มบริการ Roadside Assistance via Satellite ซึ่งทำงานคล้ายกัน ช่วยให้เจ้าของ iPhone 14 Series และ iPhone 15 Series ติดต่อบริษัทช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน เมื่อในพื้นที่ไร้สัญญาณมือถือ และ Wi-Fi
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริการ Roadside Assistance via Satellite ถูกจำกัดเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่คาดว่าจะขยายไปยังประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในปี 2024
สนับสนุน RCS
Apple ยืนยันว่า iOS จะสนับสนุน RCS (Rich Communication Services) ในปลายปี 2024 ซึ่งหมายความว่าเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ของ iOS 18
RCS (Rich Communication Services) เป็นโปรโตคอลใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาแทนที่มาตรฐานการส่งข้อความ SMS โดยรองรับ อีโมจิ รูปภาพและวิดีโอความละเอียดสูง ข้อความเสียง ขนาดไฟล์ที่ใหญ่ขึ้น และการเข้ารหัสที่ดีขึ้น ที่สำคัญก็คือ ทำให้การรับ-ส่งข้อความผ่าน Wi-Fi ระหว่าง iPhone และ Android แอป Messages เป็นไปได้
ปัจจุบันมีผู้ให้บริการและผู้ผลิตอุปกรณ์เคลื่อนที่รายใหญ่เกือบทั้งหมดให้การสนับสนุน RCS ไม่ว่าจะเป็น AT&T, Verizon, T-Mobile, Motorola, Nokia, OnePlus, Samsung, Sony และอื่นๆ ยกเว้น Apple ที่ยังไม่ยอมรับ
Siri ฉลาดมากขึ้น
คาดว่า iOS 18 จะมาพร้อมการอัปเกรดครั้งใหญ่ให้กับ Siri ให้เป็นสุดยอดผู้ช่วยเสมือนจริง ด้วยการรวม Siri เข้ากับ LLM (Large Language Model) ทำให้รองรับคำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้น สามารถทำงานได้หลายขั้นตอนโดยอัตโนมัติ ด้วยคำสั่งเสียงเพียงชุดเดียว
Apple ยังถูกลือว่ากำลังให้ความสนใจเทคโนโลยี Generative AI เพื่อนำมาใช้กับแอปพลิเคชันของตนเองทั่วทั้งแพลตฟอร์ม เช่น Apple Music, Pages, Keynote และ Xcode
ที่มา – MacRumors