Tim Cook ซีอีโอของ Apple เผยว่าไตรมาสที่ 2 ปีนี้ (ช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน) บริษัทฯ จะต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3 หมื่นล้านบาท จากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของรัฐบาล Donald Trump
ไตรมาสที่ผ่านมา Apple ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้า เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ชะลอการขึ้นภาษีออกไป แต่จะเริ่มมีผลในไตรมาสที่ 2 ปีนี้
“ไตรมาสเดือนมีนาคม เราได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเราสามารถปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานและสินค้าคงคลังของเราได้ สำหรับไตรมาสเดือนมิถุนายน เราไม่สามารถประเมินผลกระทบของภาษีศุลกากรได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากเราไม่แน่ใจเกี่ยวกับการดำเนินการในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นก่อนสิ้นไตรมาส อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น หากอัตราภาษีศุลกากร นโยบาย และการใช้งานทั่วโลกในปัจจุบันไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงที่เหลือของไตรมาส และไม่มีการเพิ่มภาษีศุลกากรใหม่ เราคาดว่าผลกระทบจะเพิ่มต้นทุนของเราเป็น 900 ล้านดอลลาร์” Tim Cook กล่าว
เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนที่สูงขึ้น คาดว่า Apple จะมีการย้ายประเทศต้นทางออกจากจีน สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกา (เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีการจัดเก็บภาษีนำเข้าสูงที่สุด) ในไตรมาสเดือนมิถุนายน iPhone ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาจะนำเข้ามาจากอินเดีย และในทำนองเดียวกัน Apple จะจัดหาสินค้าอื่นๆ เช่น iPad และ Mac จากเวียดนาม ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าลงได้อีก
ที่มา – 9to5Mac