OPPO แนะนำสมาร์ตวอตช์แฟลกชิปรุ่นใหม่ล่าสุด OPPO Watch X2 ซึ่งออกมาสานต่อความสำเร็จจากรุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อช่วงต้นปี 2024 โดยยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่พรีเมียมเช่นเคย เพิ่มเติมด้วยผู้ช่วยสุขภาพอัจฉริยะ สามารถตรวจสุขภาพอย่างครอบคลุมภายในเวลาเพียง 1 นาที พร้อมด้วยฟีเจอร์ติดตามการออกกำลังกายมากกว่า 100 ประเภท อีกทั้งยังได้รับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นภายใต้สโลแกน สร้างสรรค์เพื่อความเป็นเลิศ

ดีไซน์ทนทาน วัสดุพรีเมียม
เนื่องจากเป็นสมาร์ตวอตช์ระดับแฟลกชิป จึงไม่น่าแปลกใจที่ OPPO Watch X2 ประกอบด้วยวัสดุคุณภาพสูงที่มีทั้งความพรีเมียมและทนทาน มาพร้อมตัวเรือนสแตนเลส แบบเดียวกับที่พบในนาฬิกาข้อมูลสุดหรู เสริมด้วยกรอบวงแหวนรอบหน้าปัด ที่ทำมาจากไทเทเนียมอัลลอย ซึ่งมีความทนทาน แต่น้ำหนักเบา อีกทั้งยังผ่านการเคลือบ PVD ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยเพิ่มความทนทานต่อรอยขีดข่วน และการกัดกร่อน
OPPO Watch X2 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Summit Blue ที่มีงาน @flashfly ได้รับมารีวิว โดยมีขนาดตัวเรือน 46.6 x 47.6 มิลลิเมตร บาง 11.75 มิลลิเมตร (ไม่รวมพื้นที่เซ็นเซอร์วัดสุขภาพ) น้ำหนักเบาเพียง 49.7 กรัม (ไม่รวมสายนาฬิกา) และยังมีสีดำ Lava Black เป็นอีกทางเลือก ซึ่งมีขนาดและน้ำหนักเท่ากัน แต่ได้รับสายนาฬิกาที่แตกต่างกัน
ด้านข้างตัวเรือน มีปุ่มเม็ดมะยมที่โดดเด่นสะดุดตา สำหรับกดและหมุนเพื่อเลื่อนดูหรือนำทางไปยังฟังก์ชันต่างๆ โดยทำพื้นผิวรอบปุ่มให้เป็นลายพีระมิด ช่วยให้การควบคุมมีความแม่นยำและราบรื่น
ด้านหลังเป็นพื้นที่ของเซ็นเซอร์วัดสุขภาพแบบออปติคัล
OPPO Watch X2 ใช้หน้าปัดวงกลมแบบรุ่นแรก มาพร้อมจอแสดงผล LTPO AMOLED ขนาด 1.50 นิ้ว ได้รับการปกป้องด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ 2D ที่มีความหนา 1.25 มิลลิเมตร ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนจากแรงกระแทกและการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างดี และยังผ่านการเคลือบป้องกันรอยนิ้วมือ ทำให้หน้าปัดชัดใส ไม่ต้องทำความสะอาดบ่อย
ภายใต้ดีไซน์ที่สวยงามพรีเมียม OPPO Watch X2 ยังถูกสร้างมาให้มีความทนทานสูง ผ่านมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD-810H ของสหรัฐอเมริกา ทนต่อสภาพอุณหภูมิที่รุนแรง -22 ถึง +55 องศาเซลเซียส และยังปรับปรุงการซีลตัวเครื่อง จนได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำที่ระดับ 5ATM (ทนทานต่อแรงดันน้ำ เทียบเท่าความลึก 50 เมตร)
จอแสดงผลใหญ่ขึ้น
OPPO Watch X2 มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 466 x 466 พิกเซล ขนาด 1.50 นิ้ว ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย (รุ่นแรกมีขนาด 1.43 นิ้ว) มีความหนาแน่นของพิกเซล 310 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) ให้ความสว่าง 600 นิต ในโหมดใช้งานปกติ และในโหมดความสว่างสูง จะให้ความสว่างสูงสุด 1000 นิต อย่างไรก็ตาม จอแสดงผลของ OPPO Watch X2 สามารถเพิ่มความสว่างได้ถึง 2200 นิต ซึ่งหน้าจอจะเพิ่มความสว่างโดยอัตโนมัติ เมื่อใช้งานในโหมดออกกำลังกายและอยู่กลางแสงแดดจ้า
จอแสดงผลของ OPPO Watch X2 ยังได้รับเทคโนโลยี LTPO (Low-Temperature Polycrystalline Oxide) ทำให้รองรับโหมดการแสดงผล AOD (Always-On Display) โดยปรับอัตราการรีเฟรชจาก 30Hz เป็น 1Hz เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน แต่ไม่ลดประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถประหยัดพลังงานได้สูงสุด 12% ในโหมด AOD นอกจากนี้ OPPO Watch X2 ยังได้รับหน้าปัดนาฬิกาแบบไดนามิก เพื่อให้ผู้ใช้งานปรับแต่งหน้าปัดให้เข้ากับเครื่องแต่งกายในแต่ละวัน
สถาปัตยกรรมชิปคู่
ด้านประสิทธิภาพ OPPO Watch X2 ใช้สถาปัตยกรรมชิปเซ็ตแบบคู่ ประกอบด้วยชิป Snapdragon W5 ของ Qualcomm ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนกระบวนการ FinFET 6nm ขั้นสูง ทำงานร่วมกับชิป BES2800BP และยังใช้สถาปัตยกรรม Dual-Engine ช่วยให้การสลับระหว่างระบบ Android และ RTOS เป็นไปอย่างราบรื่น ขณะที่สถาปัตยกรรมชิปเซ็ตแบบคู่ ช่วยให้การทำงานแบบ Multitasking ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้ OPPO Watch X2 มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น
ทั้งนี้ OPPO Watch X2 ได้รับความจำ RAM 2GB พื้นที่เก็บข้อมูลในตัว 32GB ขณะที่ระบบ RTOS อาศัยที่เก็บข้อมูล eMMC ขนาด 4GB
GPS ความถี่คู่
OPPO Watch X2 ยังมีจุดเด่นที่ระบบ GPS ความถี่คู่ Dual band (L1 และ L5) พร้อมอัปเกรดชิป GNSS ด้วยส่วนประกอบ LNA ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน อีกทั้งยังวางเบสแบนด์ไว้ในชิป BES2800BP ทำให้การคำนวณมีประสิทธิภาพดีขึ้น
ด้วยความไวของชิปที่ได้รับการอัปเกรด ผสานกับดีไซน์เสาอากาศโพลาไรซ์แบบวงกลม และการรวมข้อมูล RTO ช่วยให้ OPPO Watch X2 สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำมากขึ้น เหมาะสำหรับสวมใส่เพื่อติดตามการออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น วิ่งเทรลบนเขา หรือ เดินป่า ก็สามารถติดตามตำแหน่ง เส้นทาง ระยะทาง ได้อย่างแม่นยำ
ติดตามการออกกำลังกายได้มากกว่า 100 ประเภท
ถึงแม้จะมีภาพลักษณ์เป็นนาฬิกาสุดหรูแต่ OPPO Watch X2 ก็ถูกสร้างมาให้เป็นอุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายระดับมืออาชีพ สามารถติดตามการออกกำลังกายได้มากกว่า 100 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายในร่มหรือกลางแจ้ง ครอบคลุมทุกชนิดกีฬาที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก
ที่น่าสนใจก็คือ OPPO Watch X2 มีโหมด Professional Sports Mode สำหรับการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาระดับมืออาชีพถึง 11 ประเภท ไม่ว่าจะเป็น วิ่ง, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน, เทนนิส, แบดมินตัน รวมไปถึงการใช้เครื่องออกกำลังกายในยิม
เรียกได้ว่า Professional Sports Mode ทำให้ OPPO Watch X2 กลายเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัว ที่ไม่เพียงแต่ติดตามทุกการเคลื่อนไหว แต่ยังสามารถวิเคราะห์การออกกำลังกายของผู้สวมใส่ได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างเช่น การวิ่ง สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับ GTC หรือ Ground Contact Time (ระยะเวลาที่เท้าเหยียบพื้นขณะวิ่ง), GCT Balance (ความสมดุลของเท้าซ้ายและขวาที่เท้าเหยียบพื้น), Vertical Oscillation (การดีดตัวในแต่ละก้าว), Running Posture (ฟอร์มการวิ่ง) รวมถึง Pacing Details
ตรวจสุขภาพได้อย่างครอบคลุมภายใน 1 นาที
OPPO Watch X2 ได้รับการอัปเกรดความสามารถในการติดตามสุขภาพให้ดีขึ้นจากรุ่นก่อน ด้วยเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคัล 8 ช่องสัญญาณ พร้อมโมดูล PPG ขั้นสูง ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือดแบบออปติคัล 16 ช่องสัญญาณ และยังมีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิข้อมือ ซึ่งทั้งหมดถูกขับเคลื่อนด้วยอัลกอริทึม OPPO Sense ที่พัฒนาขึ้นเอง เพื่อการติดตามสัญญาณชีพอย่างแม่นยำตลอด 24 ชั่วโมง
อีกจุดเด่นของ OPPO Watch X2 คือสามารถตรวจสุขภาพผู้สวมใส่ได้ครอบคลุมและรวดเร็ว เพียงยกข้อมือขึ้นและแตะปุ่มด้านข้างค้างไว้ 1 นาที (ปุ่มใต้เม็ดมะยม) ซึ่งปุ่มดังกล่าวมีการติดตั้งอิเล็กโทรด ECG แบบนำเดียว ที่สามารถวัดค่าสุขภาพที่สำคัญได้ 7 อย่าง ได้แก่ อัตราการเต้นของหัวใจ, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ ECG, ออกซิเจนในเลือด SpO2, สภาวะร่างกายและจิตใจ, อุณหภูมิข้อมือ, การนอนหลับ และ อายุของหลอดเลือด
การนอนหลับอย่างเต็มอิ่ม บ่งบอกถึงสุขภาพที่ดี ดังนั้น OPPO จึงให้ความสำคัญมากขึ้นในการติดตามคุณภาพการนอนหลับ เมื่อสวม OPPO Watch X2 ก่อนเข้านอน ผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ระดับออกซิเจนในเลือด, อัตราการหายใจระหว่างการนอนหลับ, การเคลื่อนไหวร่างกาย, การกรน, ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ (HRV) รวมถึงค่าอื่นๆ ที่สามารถนำไปประเมินภาวะการหายใจติดขัดและระบุปัญหาการนอนได้
ซอฟต์แวร์
OPPO Watch X2 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Wear OS ที่ Google พัฒนาขึ้นมาสำหรับสมาร์ตวอตช์โดยเฉพาะ จึงรองรับแอปพลิเคชันและบริการต่างๆ ของ Google ไม่ว่าจะเป็น Google Maps, Google Assistant, Google Pay รวมถึงแอปยอดนิยมจากนักพัฒนารายอื่น ก็สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จาก Play Store นอกจากนี้ ผู้ใช้งาน OPPO Watch X2 ยังสามารถตรวจสอบสุขภาพอย่างละเอียดหรือเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของสุขภาพได้ผ่านแอปพลิเคชัน OHealth บนสมาร์ตโฟน
เมื่อจับคู่ OPPO Watch X2 กับสมาร์ตโฟน ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการสตรีมวิดีโอได้โดยตรงจากข้อมือ ด้วยฟีเจอร์ Short Video Playback Control หรือควบคุมการถ่ายภาพจากระยะไกล และยังรองรับการโทรผ่าน Bluetooth (อย่างไรก็ตาม บางฟีเจอร์สามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนที่ทำงานบน Color OS 15 หรือเวอร์ชันใหม่กว่าเท่านั้น)
แบตเตอรี่ใหม่ อยู่ได้นานสูงสุด 16 วัน
แบตเตอรี่ของ OPPO Watch X2 ได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน โดยใช้แบตเตอรี่ Silicon Carbon ขนาด 648mAh ที่ให้พลังงานเสถียรและประหยัดพลังงานมากขึ้น ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 16 วัน ในโหมด Power Saver และ 5 วัน หรือ 120 ชั่วโมง สำหรับการใช้งานทั่วไป ซึ่ง OPPO Watch X รุ่นแรก สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 12 วัน ด้วยโหมด Power Saver และ 4 วัน สำหรับการใช้งานทั่วไป
OPPO Watch X2 ยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ใช้เวลาชาร์จเพียง 10 นาที สามารถใช้งานได้ยาวนาน 24 ชั่วโมง และชาร์จจนเต็ม 100% ในเวลาประมาณ 80 นาที
สรุปราคาและการจำหน่าย
OPPO Watch X2 เป็นสมาร์ตวอตช์ระดับพรีเมียม ที่มีดีไซน์หรูหรา ทนทาน ขณะเดียวกัน ยังเป็นอุปกรณ์ติดตามสุขภาพและการออกกำลังกายระดับมืออาชีพ ด้วยเซ็นเซอร์ที่ได้รับการอัปเกรดให้มีความแม่นยำมากขึ้น ประสิทธิภาพดีขึ้น และประหยัดพลังงานมากกว่า เมื่อเทียบกับ OPPO Watch X ที่ทำตลาดในปีที่แล้ว จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ตวอตช์เครื่องใหม่ ที่ไม่เพียงแต่ใช้วัดค่าสุขภาพ แต่ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ดูดีขึ้น สวมใส่ได้ทุกวัน รวมถึงวันสำคัญที่ต้องแต่งตัวแบบทางการ เรียกได้ว่าเป็นเครื่องประดับบนข้อมือ ที่สามารถติดตามสุขภาพได้ครบวงจร
ทั้งนี้ OPPO Watch X2 พร้อมวางจำหน่ายแล้วในราคา 13,999 บาท มี 2 สี ให้เลือก ได้แก่ สีน้ำเงิน Summit Blue และ สีดำ Lava Black