App Store ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2008 เป็นที่ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือสำหรับผู้ใช้ และเป็นมาร์เกตเพลสที่มีชีวิตชีวาสำหรับนักพัฒนาในการขยายธุรกิจให้เติบโตไปทั่วโลก และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา App Store สามารถปกป้องผู้ใช้โดยการป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงได้มากกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในจำนวนนี้เกิดขึ้นในปี 2024 เพียงปีเดียวกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ จากการวิเคราะห์การฉ้อโกงใน App Store ประจำปีโดย Apple เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า Apple มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ พร้อมกับจัดหาเครื่องมือและแหล่งข้อมูลต่างๆ ให้แก่นักพัฒนา รวมถึงระบบพาณิชย์อันทรงพลังที่ช่วยให้ลูกค้าทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัยใน 175 ภูมิภาคทั่วโลก ทั้งหมดนี้ล้วนมีส่วนทำให้ App Store ซึ่งมีผู้เข้าใช้งานมากกว่า 813 ล้านคนต่อสัปดาห์ เป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้ใช้ให้ความเชื่อใจในการดาวน์โหลดแอปที่ชื่นชอบและค้นพบแอปใหม่ๆ
การจะดูแล App Store ให้เป็นมาร์เกตเพลสที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนได้นั้นต้องอาศัยการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดรัดกุม เนื่องจากผู้ไม่หวังดียังคงเดินหน้าคิดหากลวิธีใหม่ๆ ในการล่อหลอกผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งภัยคุกคามเหล่านี้มีตั้งแต่แอปหลอกลวงที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว จนถึงการวางแผนลวงผู้ใช้ที่มีจุดอ่อนบางอย่างให้ชำระเงินในลักษณะที่เป็นการฉ้อโกง ด้วยเหตุนี้ Apple จึงใช้แนวทางที่มีความครอบคลุมเพื่อต่อกรกับการฉ้อโกงใน App Store โดยเรามีทีมทั่วทั้งบริษัทที่ทุ่มเทให้กับการตรวจหา สืบสวน และป้องกันการกระทำที่ไม่หวังดีก่อนจะไปถึงตัวผู้ใช้
การใช้บัญชีเพื่อการฉ้อโกง
โครงสร้างพื้นฐานด้านการป้องกันการฉ้อโกงที่แข็งแกร่งของ Apple ช่วยให้เราสามารถตรวจจับและกำจัดบัญชีนักพัฒนาและบัญชีลูกค้าที่มีเจตนามุ่งร้ายได้อย่างรวดเร็ว โดยในปี 2024 นั้น Apple ปิดบัญชีนักพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงไปมากกว่า 146,000 บัญชี และปฏิเสธการลงทะเบียนนักพัฒนาเพิ่มได้ถึง 139,000 ราย ซึ่งเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไม่ให้ผู้ไม่หวังดีส่งแอปเข้ามายัง App Store ตั้งแต่แรก
นอกจากนี้ Apple ยังปฏิเสธการสร้างบัญชีลูกค้ามากกว่า 711 ล้านบัญชี และปิดบัญชีลูกค้าไปเกือบ 129 ล้านบัญชีในปีที่ผ่านมา เพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีที่มุ่งร้ายและมีความเสี่ยงเหล่านี้กระทำการใดๆ ที่เป็นการฉ้อโกงได้ ซึ่งรวมถึงการส่งสแปมหรือการปั่นคะแนนและรีวิว การจัดอันดับ หรือผลการค้นหาที่อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของ App Store
Apple ไม่เพียงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยภายใน App Store เท่านั้น แต่ยังพยายามป้องกันไม่ให้ซอฟต์แวร์ความเสี่ยงสูงที่แจกจ่ายตามแหล่งเถื่อนหลุดไปถึงผู้ใช้ด้วย โดยในปี 2024 นั้น Apple ตรวจพบและบล็อคแอปผิดกฎหมายไปกว่า 10,000 แอปตามแหล่งเถื่อน ไม่ว่าจะเป็นมัลแวร์ แอปลามกอนาจาร แอปการพนัน หรือแอปเถื่อนที่ละเมิดลิขสิทธิ์แอปจริงใน App Store และการยับยั้งแหล่งเถื่อนเหล่านี้ยังเป็นการปกป้องนักพัฒนา Apple ไม่ให้แอปของตนถูกลอกเลียนแบบ ดัดแปลงแก้ไข หรือนำไปใช้เป็นอาวุธในการเผยแพร่ซอฟต์แวร์ที่มุ่งร้ายได้อีกด้วย
ในเดือนที่ผ่านมา Apple ยังสามารถหยุดความพยายามในการติดตั้งหรือเปิดแอปที่แจกจ่ายอย่างผิดกฎหมายนอก App Store หรือมาร์เกตเพลสของบริษัทอื่นที่ได้รับการอนุมัติไปเกือบ 4.6 ล้านครั้ง
การตรวจสอบแอป
ก่อนที่แอปใดจะเข้ามาอยู่ใน App Store แอปนั้นจะต้องผ่านการตรวจสอบโดยทีมงาน App Review ของ Apple ซึ่งทุกคนล้วนมีความคุ้นเคยกับกระบวนการตรวจสอบแอปเป็นอย่างดี และมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบว่าแอปนั้นได้มาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัยของ Apple หรือไม่ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว ทีมนี้ตรวจสอบแอปที่ส่งเข้ามายัง App Store เกือบ 150,000 แอปในแต่ละสัปดาห์ ทั้งแอปใหม่และแอปที่อัปเดต นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา ทีม App Review ยังช่วยนักพัฒนากว่า 220,000 รายเผยแพร่แอปแรกของตัวเองทาง App Store อีกด้วย
การตรวจสอบแอปนั้นมีทั้งการตรวจสอบโดยมนุษย์และกระบวนการอัตโนมัติที่จะตรวจหาและดำเนินการกับแอปที่ต้องสงสัยว่าอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ซึ่งจากจำนวนกว่า 7.7 ล้านแอปที่ส่งเข้ามายัง App Store และได้รับการตรวจสอบในปี 2024 พบว่ามีมากกว่า 1.9 ล้านแอปที่ถูกปฏิเสธเนื่องจากไม่ได้มาตรฐานของ Apple ในด้านความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และประสบการณ์ผู้ใช้ รวมถึงการละเมิดความเป็นส่วนตัวหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง
เป็นที่ทราบกันว่าผู้ไม่หวังดีใช้หลากหลายกลวิธีเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการป้องกันของ App Review และลักลอบนำแอปอันตรายเข้ามาใน App Store โดยมีเจตนาที่จะหลอกลวงผู้ใช้ ทีม App Review จึงปฏิเสธแอปใดๆ ก็ตามที่ตรวจพบในระหว่างการตรวจสอบว่าอาจเป็นแอปมุ่งร้าย นอกจากนี้การสืบสวนแอปที่มีลักษณะฉ้อโกงแอปหนึ่งยังมักนำไปสู่การลบแอปอีกหลายแอปที่เชื่อมโยงกับนักพัฒนาที่สร้างปัญหารายเดียวกัน และในปี 2024 ทีม App Review ก็ได้ลบแอปที่มีพฤติกรรมฉ้อโกงไปมากกว่า 37,000 แอป
กลวิธีที่นักพัฒนาฉ้อโกงใช้บ่อยๆ อาจมีทั้งการปกปิดคุณสมบัติและฟังก์ชั่นลับบางอย่างในโค้ด ซึ่งจะเปิดใช้ก็ต่อเมื่อแอปผ่านการตรวจสอบแล้วเท่านั้น และ Apple ก็ได้เฝ้าตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าว รวมถึงปฏิเสธแอปที่ส่งมาด้วยเหตุผลว่ามีการซ่อนหรือปิดบังคุณสมบัติบางอย่างไว้มากกว่า 43,000 แอปในปี 2024 นอกจากนี้ทีม App Review ยังดำเนินการกับแอปจำนวนมากที่พยายามหลอกล่อหรือหลอกลวงผู้ใช้ และในปี 2024 ก็ได้ปฏิเสธแอปที่ส่งมามากกว่า 320,000 แอปด้วยเหตุผลว่าลอกเลียนแบบแอปอื่น ตรวจพบว่าเป็นสแปม หรือทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิด
ผู้ไม่หวังดีเหล่านี้ยังพยายามหลอกผู้ใช้โดยการอำพรางแอปที่อาจมีความเสี่ยงสูงว่าเป็นแอปที่ไม่มีอันตราย โดยในปีที่ผ่านมาทีม App Review ได้ลบแอปมากกว่า 17,000 แอปที่ใช้กลวิธี Bait-and-Switch ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของเราที่จะเฝ้าตรวจสอบและดำเนินการกับแอปที่สร้างปัญหาเหล่านี้อย่างเข้มงวด
แอปที่พยายามเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือโดยที่ผู้ใช้ไม่ได้รับรู้ก็จะถูกห้ามไม่ให้เผยแพร่ใน App Store เช่นกัน โดยในปี 2024 ทีม App Review ได้ปฏิเสธแอปที่ส่งมาด้วยเหตุผลว่าละเมิดความเป็นส่วนตัวมากกว่า 400,000 แอป
การฉ้อโกงเพื่อให้แอปถูกค้นพบ
Apple ดำเนินการอย่างรวดเร็วกับแอปที่พยายามโกงระบบและปั่นอันดับของแอปใน App Store ด้วยวิธีต่างๆ อย่างการใช้บอตหรือบริการแบบจ่ายเงินเพื่อเพิ่มยอดดาวน์โหลดเทียม หรือโพสต์รีวิว 5 ดาวปลอม
ในปี 2024 ที่ผ่านมา Apple ประมวลผลการให้คะแนนและรีวิวไปกว่า 1.2 พันล้านรายการ และมีมาตรการต่อกรกับการฉ้อโกงอย่างจริงจังโดยการลบคะแนนและรีวิวที่มีลักษณะฉ้อโกงออกจาก App Store มากกว่า 143 ล้านรายการ นอกจากนี้ในปีเดียวกัน Apple ยังลบแอปกว่า 7,400 แอปออกจากชาร์ตของ App Store และลบแอปหลอกลวงอีกเกือบ 9,500 แอปไม่ให้ปรากฏในผลการค้นหาของ App Store ซึ่งมาตรการเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อนักพัฒนาที่มีประวัติดี ทำให้เกิดการแข่งขันที่ยุติธรรม และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ประสบความสำเร็จอย่างเท่าเทียมกันใน App Store
การฉ้อโกงการชำระเงินและบัตรเครดิต
Apple มุ่งมั่นตั้งใจที่จะปกป้องผู้ใช้จากการหลอกลวงและภัยคุกคามด้านการชำระเงิน และในปี 2024 ได้ปกป้องผู้ใช้โดยการป้องกันการทำธุรกรรมที่มีลักษณะฉ้อโกงไปมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์
ยิ่งไปกว่านั้น Apple ยังให้ความสำคัญกับการฉ้อโกงบัตรเครดิตอย่างจริงจังที่สุด และยังคงแน่วแน่ที่จะปกป้องผู้ใช้จากกรณีดังกล่าว ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ใช้ทำรายการซื้อสินค้าด้วย Apple Pay ระบบจะใช้หมายเลขเฉพาะของอุปกรณ์และรหัสการทำธุรกรรมที่ไม่ซ้ำกัน จึงไม่มีการจัดเก็บหมายเลขบัตรไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้หรือในเซิร์ฟเวอร์ของ Apple อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังไม่มีการเปิดเผยหมายเลขบัตรเครดิตและบัตรเดบิตกับนักพัฒนาอย่างเด็ดขาด ซึ่งช่วยกำจัดปัจจัยเสี่ยงอีกหนึ่งอย่างในกระบวนการทำธุรกรรมชำระเงิน โดยในปีที่ผ่านมา Apple ตรวจพบบัตรเครดิตที่ถูกขโมยมาเกือบ 4.7 ล้านใบ และได้ทำการแบนบัญชีมากกว่า 1.6 ล้านบัญชีไม่ให้ทำธุรกรรมได้อีก
นอกเหนือจากมาตรการป้องกันการฉ้อโกงแล้ว Apple ยังให้นักพัฒนาได้เข้าถึงเทคโนโลยีการชำระเงินระดับโลก ตัวอย่างเช่น Apple Pay และ StoreKit ซึ่งมีการนำไปใช้ในแอปต่างๆ มากกว่า 420,000 แอปเพื่อให้ผู้ใช้มีวิธีที่ปลอดภัยในการซื้อสินค้าบน App Store
นักพัฒนาที่ใช้ StoreKit สามารถใช้ประโยชน์จากระบบการซื้อภายในแอปของ Apple ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ใช้มีวิธีชำระค่าสมาชิกและส่วนเสริมแบบดิจิทัลเท่านั้น แต่การซื้อภายในแอปบน App Store ยังช่วยให้ผู้ใช้มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว ป้องกันการฉ้อโกง และทำให้การจัดการกับการซื้อสินค้าเป็นเรื่องง่าย ด้วยเครื่องมือในตัวสำหรับดู แก้ไข หรือยกเลิกการสมัครสมาชิก รวมถึงประวัติการซื้อ และบริการช่วยเหลือในการขอเงินคืน เรียกว่าผู้ใช้สามารถควบคุมได้ทุกขั้นตอน และทุกธุรกรรมยังผ่านการยืนยันตัวตนด้วย Apple ID ของผู้ใช้ บนพื้นฐานของเอนจิ้นป้องกันการฉ้อโกงชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม และมีการเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
มุ่งมั่นดูแลผู้ใช้ให้ปลอดภัยเสมอ
Apple จะยังคงเดินหน้าสานต่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้โดยการมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยที่สุดแก่ผู้ใช้บน App Store ซึ่งรวมถึงการเสริมศักยภาพให้ผู้ใช้ด้วยแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์และช่องทางรายงานกรณีที่สงสัยว่าเป็นการฉ้อโกง โดยสามารถดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยบน App Store ที่ https://support.apple.com/en-gb/122712
