OPPO ยกระดับประสบการณ์ AI Portrait Expert ไปอีกขั้นด้วย OPPO Reno14 Pro 5G สมาร์ตโฟนที่มาพร้อม AI Flash Photography แฟลชที่ให้แสงสว่างและคมชัดที่สุดในอุตสาหกรรม และ AI-Enhanced 4K HDR Video ช่วยเพิ่มคุณภาพของวิดีโอให้เทียบเท่ามือโปร อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพระดับเรือธง ด้วยชิปรุ่นใหม่ของ MediaTek แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6200mAh รองรับชาร์จไวทั้งแบบใช้สายและไร้สาย ทั้งหมดนี้อัดแน่นอยู่ในสมาร์ตโฟนที่มีดีไซน์พรีเมียมทนทานและบางเป็นพิเศษมาพร้อมสโลแกน “ไปชิลล์กัน“
สเปก OPPO Reno14 Pro 5G
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.83 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัง 50MP Main + 50MP Ultra Wide + 50MP Telephoto Camera
- กล้องหน้า 50MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 8450
- ความจำ RAM 12GB (LPDDR5X) + ROM 512GB (UFS 3.1)
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4, USB Type-C
- ลำโพงคู่สเตอริโอ, ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน 3 ตัว
- เทคโนโลยีระบุตำแหน่ง GPS, Beidou, GLONASS, Galileo, QZSS
- เซ็นเซอร์ Proximity, Ambient light sensor, Accelerometer, Gyroscope, E-compass, Colour temperature, Infrared, Hall Sensor
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (Optical Under-Screen Fingerprint Sensor)
- สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อค (Face Unlock)
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 15 บนพื้นฐาน Android 15
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP66, IP68 และ IP69
- แบตเตอรี่ 6200mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC และชาร์จไร้สาย 50W AIRVOOC
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Opal White และ สีเทา Titanium Grey
- ขนาดตัวเครื่อง 163.35 x 76.98 x 7.58 มิลลิเมตร (Opal White)
- น้ำหนัก 201 กรัม
แกะกล่อง OPPO Reno14 Pro 5G
OPPO Reno14 Pro 5G จัดส่งมาในกล่องสีเทา หน้ากล่องระบุชื่อรุ่นไว้อย่างชัดเจน ใต้โลโก้ OPPO AI Phone และมีตัวเลข 14 ขนาดใหญ่ อยู่ในกรอบสีเงินที่มีลวดลายหางปลาแบบเดียวกับที่พบบนฝาหลังของ OPPO Reno14 Pro 5G และยังติดชื่อรุ่นสมาร์ตโฟนไว้ที่ข้างกล่อง
ภายในกล่อง นอกจากสมาร์ตโฟนที่มีแบตเตอรี่ในตัว ยังพบซองเอกสารสีขาว ภายในมีคู่มือฉบับเร่งด่วน, คู่มือความปลอดภัย, แถมเคสมา 1 อัน รวมถึงเข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด, สายชาร์จ และ หัวชาร์จ 80W SUPERVOOC
ดีไซน์บางเฉียบ มาพร้อมลายหางปลาที่พลิ้วไหว กันน้ำระดับ IP69
OPPO Reno14 Pro 5G มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา Titanium Grey ที่มีความเรียบหรู ส่วนทีมงาน @flashfly ได้รับสีขาว Opal White มารีวิว ซึ่งมีความโดดเด่นที่ลวดลายหางปลาที่กำลังพริ้วไหวบนฝาหลัง สื่อถึงความอิสระของคนรุ่นใหม่ และยังสะท้อนถึงความสวยงามของมหาสมุทรอีกด้วย
ลวดลายหางปลาบนฝาหลัง OPPO Reno14 Pro 5G ถ่ายทอดสีสันอย่างสวยงามด้วยเทคโนโลยีกระบวนการเรืองแสงสีรุ้งที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษ ผ่านการเคลือบผิวลายเส้นระดับไมครอนถึง 5 ชั้น โดยลายเส้นที่แคบที่สุดมีขนาดเพียง 20 ไมครอน ถือเป็นลายเส้นที่แคบที่สุดในอุตสาหกรรม
OPPO Reno14 Pro 5G เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรก ที่ฝาหลังใช้กระจกกำมะหยี่ชิ้นเดียว ผ่านแกะสลักอนุภาคขนาดจิ๋วนับไม่ถ้วน ส่งผลให้ฝาหลังมีผิวสัมผัสเรียบเนียนดุจแพรไหม นอกจากนี้ ฝาหลังของ OPPO Reno14 Pro 5G ยังมีเลเยอร์ถึง 12 ชั้น มากกว่ารุ่นก่อนถึง 2 เท่า ทำให้พื้นผิวมีความละเอียดอ่อน มอบสีสันสดใส และเปล่งประกายคล้ายปริซึม
กรอบตัวเครื่องของ OPPO Reno14 Pro 5G ทำมาจากวัสดุอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับอากาศยาน ผ่านการขัดเงาจนทำให้มีพื้นผิวระดับพรีเมียม จับถือได้ถนัดมือ และยังมีความแข็งแกร่งทนทาน ต้านทานการโค้งงอได้ดีขึ้น 20% ทนต่อการตกหล่นได้ดีขึ้น 36% และมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น 200% เมื่อเทียบกับวัสดุพลาสติกแบบเดิม
ด้านหน้ามาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.83 นิ้ว ดีไซน์ขอบจอบางเฉียบจนมีอัตราส่วนหน้าจอสูงถึง 93.6% และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i ติดตั้งกล้องหน้า 50 ล้านพิกเซล ไว้บนหน้าจอ รองรับทั้งการถ่ายเซลฟี่และจดจำใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน อีกทั้งยังซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบออปติคัลไว้ใต้จอแสดงผล
ถึงแม้ OPPO Reno14 Pro 5G จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6200mAh แต่กลับมาดีไซน์บางเฉียบเพียง 7.48 มิลลิเมตร สำหรับสีเทา Titanium Grey ส่วนสีขาว Opal White มีความบาง 7.58 มิลลิเมตร
ขอบด้านข้างพบปุ่มปรับระดับเสียง ติดตั้งไว้เหนือปุ่มเพาเวอร์
มุมมองด้านบนพบลำโพง, ไมโครโฟน และ เซ็นเซอร์อินฟราเรด
ด้านล่างประกอบด้วย ลำโพง, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C, ไมโครโฟน และ ถาดใส่ซิมการ์ด
นอกจากความสวยงามพรีเมียม OPPO Reno14 Pro 5G ยังได้รับการออกแบบมาให้ทนทานต่อฝุ่นและน้ำในระดับ IP66 + IP68 + IP69 จนสามารถถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอใต้น้ำได้
หน้าจอ AMOLED คมชัด 6.83 นิ้ว
OPPO Reno14 Pro 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ที่มีความลึกสี 10-bit (1.07 พันล้านสี) ความละเอียด 2800 x 1272 พิกเซล ขนาด 6.83 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 450 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz รองรับ Splash Touch และ Glove Mode จีงสามารถตอบสนองการสัมผัสได้อย่างแม่นยำแม้นิ้วมือเปียกน้ำ หรือขณะสวมถุงมือ
จอแสดงผลของ OPPO Reno14 Pro 5G มีีความสว่างสูงสุด 1200 นิต (High Brightness Mode) เมื่อใช้งานกลางแจ้ง รองรับ HDR10+ เพิ่มความคมชัดในการรับชมคอนเท้นต์ HDR ให้ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ไม่ว่าจะเป็นโหมด Natural, Vivid หรือ Pro และถนอมดวงตาด้วยเทคโนโลยีปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ที่ความถี่สูง 3840Hz ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาจากการใช้งานนานต่อเนื่อง รวมถึง Adaptive Tone ช่วยปรับอุณหภูมิสีโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ตรงกับสภาพแสงรองข้าง
ขอบหน้าจอของ OPPO Reno14 Pro 5G ยังมีดีไซน์บางเป็นพิเศษเพียง 1.6 มิลลิเมตร ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93.6% และได้รับการป้องกันหน้าจอด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i
AI Flash Photography ให้แสงสว่างสูงสุดในอุตสาหกรรม
จุดเด่นของ OPPO Reno14 Pro 5G นอกจากระบบกล้องหลัง 50MP AI Triple Camera ยังมาพร้อมแฟลช 3 ดวง ที่ให้ความสว่างสูงสุดในอุตสาหกรรม โดยแฟลช 2 ดวง จะทำงานร่วมกับกล้องหลักกับกล้อง Ultra Wide ซึ่งให้ความสว่างเพิ่มขึ้น 100% ที่ระยะ 1 เมตร (เมื่อเทียบกับแฟลชของรุ่นก่อน) และแฟลชดวงที่ 3 ทำงานร่วมกับกล้อง Telephoto ให้ความสว่างมากกว่าเดิม 10 เท่า ที่ระยะ 2 เมตร อีกทั้งยังทำงานร่วมกับกล้องหลักเมื่อซูมที่ระยะ 2 เท่า ขึ้นไป
ด้วยความสว่างของแฟลชที่เหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน ทำให้ OPPO Reno14 Pro 5G สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืนได้อย่างโดดเด่น ไม่ว่าจะมืดแค่ไหน เหมาะสำหรับสายปาร์ตี้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะการใช้แฟลชขณะถ่ายภาพด้วยโหมด Livephoto กล้องจะเริ่มบันทึกภาพตั้งแต่ก่อนเปิดแฟลช ทำให้ได้ภาพเคลื่อนไหวจากความมืดไปสู่ความสว่าง เพิ่มความสนุกให้กับการถ่ายภาพในงานปาร์ตี้อย่างที่ไม่มีสมาร์ตโฟนรุ่นไหนทำได้
ระบบกล้องหลัง Ultra-Clear Low-Light
OPPO Reno14 Pro 5G ยกระดับประสบการณ์ AI Portrait Expert ขึ้นไปอีกขั้นด้วยระบบกล้องหลัง 3 ตัว Ultra-Clear Low-Light ซึ่งมีความละเอียดเท่ากัน 50 ล้านพิกเซล ประกอบด้วย กล้องหลัก (OmniVision OV50E), กล้อง Telephoto (ISOCELL JN5) และ กล้อง Ultra Wide (OmniVision OV50D) โดยวางกล้อง Telephoto ไว้เหนือกล้องหลัก ส่วนกล้อง Ultra Wide อยู่ใต้ข้อความ AI Camera
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.55” ชุดเลนส์ 6P รูรับแสง f/1.8 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS
- กล้อง Telephoto 50 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.75” ชุดเลนส์ 4P รูรับแสง f/2.8 ซูมออปติคัล 3.5 เท่า มีระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Ultra Wide 50 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.88” ชุดเลนส์ 6P รูรับแสง f/2.0 ให้มุมมองภาพ 116 องศา
กล้องหลังรองรับโหมดถ่ายภาพ Pro, Video, Photo, Portrait, Night, Hi-res, Panorama, Slo-motion, Time-lapse, Dual-view video, Underwater, Sticker และ Breeno Scan
โหมด Photo รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6x ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานกล้อง Ultra Wide จากนั้นสามารถซูมได้สูงสุด 120x โดยมีฟีเจอร์ Soft Light (ไอคอนวงกลม) ช่วยสร้างเอฟเฟกต์แสงที่มีความนุ่มนวล เลือกได้ 3 สไตล์ ได้แก่ Misty, Glowy และ Dreamy ถัดลงมาเป็นไอคอน Filters เช่น Fresh (เหมาะสำหรับถ่ายภาพตามชายหาด สวนสาธารณะ รวมถึงในร่ม), Emerald (เหมาะสำหรับถ่ายภาพตามท้องถนน ร้านอาหาร คาเฟ่), Clear (เหมาะสำหรับถ่ายภาพพอร์ตเทรตเมื่ออยู่นอกอาคาร) และมีฟีเจอร์ Retouch ช่วยทำให้ใบหน้าดูดียิ่งขึ้น
โหมด Photo ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Smart scenes ช่วยปรับค่ากล้องให้เหมาะสมกับฉากที่ต้องการบันทึกภาพ เช่น Stage, Silhouette, Fireworks สำหรับถ่ายภาพการแสดงบนเวที, ภาพเงาเบื้องหน้าฉาก และ ภาพดอกไม้ไฟ ตามลำดับ
อีกจุดเด่นของโหมด Photo ถือการถ่ายภาพแบบ Livephoto (เปิดใช้งานจากแถบเครื่องมมือด้านบน) ซึ่งจะบันทึกวิดีโอ 3 วินาที (ก่อนกดชัตเตอร์ 1.5 วินาที และหลังกดชัตเตอร์ 1.5 วินาที) โดยใช้เทคโนโลยี AI ช่วยขจัดการสั่นไหวของกล้อง และสามารถเลือกเปลี่ยนภาพปกสวยๆ ได้ตามใจ ผู้ใช้งานยังสามารถเพิ่มเอฟเฟกต์แต่งหน้า ฟิลเตอร์ ลายน้ำหรือกรอบรูป และสามารถแปลงเป็นไฟล์ GIF ได้
โหมด Portrait รองรับการซูม 3 ระยะ 1x / 2x / 3.5x สามารถปรับค่า F เพื่อละลายพื้นหลัง มีฟีเจอร์ Soft Light ทำให้ภาพถ่ายพอร์ตเทรตโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยมีเอฟเฟกต์ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Misty, Glowy และ Dreamy อีกทั้งยังมี Filters และเครื่องมือ Retouch เหมือนโหมด Photo
โหมด Pro เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีทักษะด้านการถ่ายภาพ สามารถปรับการตั้งค่ากล้องได้ละเอียด ไม่ว่าจะเป็นความไวแสง ความเร็วชัตเตอร์ ค่าชดเชยแสง การโฟกัส และ สมดุลสีขาว
โหมด Video ได้รับการปรับปรุงด้วย AI Enhanced 4K HDR สามารถถ่ายวิดีโอ 4K HLG HDR ได้ทั้งกล้องหลัก กล้อง Telephoto และ กล้อง Ultra Wide จึงสามารถสลับการใช้กล้องหลังทั้ง 3 ตัวได้อย่างราบรื่น และยังมาพร้อมฟีเจอร์ Stage sound (Smart scenes > Stage) สำหรับถ่ายวิดีโอการแสดงสดหรือคอนเสิร์ต เพื่อบันทึกเสียงนักร้องได้อย่างคมชด รวมถึงฟีเจอร์ AI Vlog Voice Enhancer (Sound Focus) ช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้างขณะถ่าย Vlog โหมด Video ของกล้องหลัง สามารถซูมได้ตั้งแต่ 0.6x จนสูงสุด 18x มาพร้อม Filters ใหม่ๆ อย่าง Fresh, Emerald, Clear และมีฟีเจอร์ Retouch สำหรับปรับความงามบนใบหน้า
นอกจากนี้ กล้องหลังของ OPPO Reno14 Pro 5G ยังรองรับการถ่ายวิดีโอใต้น้ำ (Underwater) ความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที มีโหมด Slo-Mo ความละเอียด 720P ที่ 960 เฟรมต่อวินาที โหมด Time-Lapse สูงสุด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที รวมถึงโหมด Dual-view video เปิดใช้งานกล้องหลังและกล้องหน้าพร้อมกัน
ในโหมด Underwater ผู้ใช้งานสามารถควบคุมกล้องด้วยปุ่มกดด้านข้าง เช่น กดปุ่มเพิ่มเสียงเพื่อถ่ายรูป (กดค้างเพื่อสลับกล้อง), กดปุ่มลดระดับเสียงเพื่อบันทึกวิดีโอ และ กดปุ่มเพาเวอร์เพื่อปิดหน้าจอ ถ้ากดค้างไว้จะออกจากโหมด Underwater พร้อมไล่น้ำออกจากตัวเครื่องอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ OPPO Reno14 Pro 5G สามารถทนอยู่ในน้ำได้ที่ความลึกไม่เกิน 2 เมตร นานสูงสุด 30 นาที
กล้องหน้า 50MP ถ่ายได้ 3 ระยะ
กล้องหน้าก็มีความคมชัดไม่แพ้กล้องหลัง โดยมีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL JN5 ขนาด 1/2.75” ชุดเลนส์ 5P รูรับแสง f/2.0 ให้มุมมองภาพ 90 องศา ทำให้ OPPO Reno14 Pro 5G มีกล้อง 4 ตัว ที่มีความละเอียดเท่ากัน 50 ล้านพิกเซล และรองรับระบบออโต้โฟกัสทั้ง 4 ตัว
โหมด Photo ของกล้องหน้า สามารถซูมได้ 3 ระยะ 0.8x / 1x / 2x มาพร้อมฟีเจอร์ Soft Light ช่วยสร้างเอฟเฟกต์แสงที่มีความนุ่มนวล เลือกได้ 3 สไตล์ ได้แก่ Misty, Glowy และ Dreamy ถัดลงมาเป็น Filters ที่มีตัวเลือกหลากหลาย เช่น Fresh, Emerald, Clear, Vivid, Radiance ขณะที่เครื่องมือ Retouch สามารถปรับแต่งความงามให้กับใบหน้าได้อย่างละเอียด
โหมด Portrait ของกล้องหน้า สามารถถ่ายได้ 3 ระยะ 1x / 2x / 3.5x มีฟีเจอร์ Soft Light, Filters และ Retouch แบบเดียวกับโหมด Photo
โหมด Video ของกล้องหน้า สามารถซูมได้ 3 ระยะ 0.8x / 1x / 2x สามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที พร้อมด้วยฟีเจอร์ Filters และ Retouch
ตัวอย่างภาพถ่าย
AI Editor 2.0
OPPO Reno14 Pro 5G นำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการแก้ไขภาพถ่ายให้เป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือ AI Recompose, AI Perfect Shot และ AI Eraser 2.0
– AI Recompose สามารถจัดองค์ประกอบของภาพถ่ายให้สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นอัตราส่วนภาพ, ครอปภาพ แก้ไขความบิดเบือน และใช้ฟิลเตอร์ต่างๆ
– AI Perfect Shot ช่วยแก้ไขใบหน้าให้ออกมาดูดีได้ง่ายๆ เช่น ถูกถ่ายภาพขณะกะพริบตา สามารถแก้ให้เปิดตาได้ หรือแม้แต่เปลี่ยนสีหน้าที่ขุ่นหมองให้ยิ้มได้
– AI Eraser 2.0 ยางลบอัจฉริยะ สามารถลบบุคคลหรือวัตถุออกจากภาพถ่ายได้ง่ายๆ พร้อมเติมฉากหลังที่หายไปได้อย่างแนบเนียน
ชิป Dimensity 8450
OPPO Reno14 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Dimensity 8450 ของ MediaTek ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร บนสถาปัตยกรรม All Big Core ประกอบด้วย CPU แบบ Octa Core (1x Arm Cortex-A725 + 3x Arm Cortex-A725 + 4x Arm Cortex-A725) ความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุด 3.25GHz ให้ประสิทธิภาพด้าน Multi-core เพิ่มขึ้นถึง 41% ลดการใช้พลังงานสูงสุด 44% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน
ชิป Dimensity 8450 ตอบสนองด้านกราฟิกด้วย GPU Mali-G720 แบบ 7-core ซึ่งมีจุดเด่นที่ลดการใช้พลังงาน 42% และเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด 24% นอกจากนี้ ยังมี NPU 880 สำหรับจัดการด้าน AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมถึง 54% และประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม 18% จากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอป Antutu สามารถมำคะแนนได้เกิน 1.6 ล้านคะแนน
AI Gaming
OPPO Reno14 Pro 5G ไม่ได้มีจุดเด่นเฉพาะการถ่ายภาพเท่านั้น แต่ยังตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ด้วยชิประดับเรือธงของ MediaTek และยังมี ระบบระบายความร้อนใหม่ AI Nano Dual-Drive Cooling System ประกอบด้วย Vapor Chamber ชนิดบางพิเศษ ครอบคลุมพื้นที่ 5300 ตารางมิลลิเมตร ช่วยระบายความร้อนออกจากชิปประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว และทำงานร่วมกับวัสดุกราไฟต์เป็นสื่อกระแสไฟฟ้าสูงเกรดเดียวกับอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ มีค่าการนำความร้อน 1800W/mK ครอบคลุมพื้นที่ 18755 ตารางมิลลิเมตร ทั้งจอแสดงผล กรอบตัวเครื่อง และ ด้านหลัง ทำให้อุณหภูมิบริเวณที่ผู้ใช้งานจับถือมีอุณหภูมิเย็นสบายมือ
OPPO Reno14 Pro 5G ปรับปรุงการเล่นเกมด้วยเทคโนโลยี AI HyperBoost 2.0 เอนจินพิเศษที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อช่วยปรับแต่งประสิทธิภาพการเล่นเกม โดยใช้อัลกอริทึม AI ขั้นสูง ทำให้เฟรมเรตมีความเสถียร พร้อมควบคุมอุณหภูมิและจัดสรรทรัพยกรอย่างชาญฉลาด ทำให้การเล่นเกมลื่นไหล ลดอาการภาพกระตุก นอกจากนี้ ยังมี AI LinkBoost 3.0 ช่วยให้การเชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สายมีความเร็วและเสถียรยิ่งขึ้น แม้ใช้งานในพื้นที่หนาแน่น
นอกจากนี้ยังมีโหมด Bypass charging ที่ออกแบบมาเพื่อคอเกมในการลดความร้อนตัวเครื่องด้วยการปล่อยกระแสไฟเข้าตัวเครื่องโดยตรงขณะเสียบสายชาร์จ ช่วยให้เล่นเกมได้ยาวนานโดยไม่ส่งผลกระทบกับแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ 6200mAh ชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
ถึงแม้ OPPO Reno14 Pro 5G จะมีดีไซน์บางเฉียบ 7.48 มิลลิเมตร แต่ยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6200mAh ซึ่งเป็นความจุสูงสุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ตโฟน OPPO Reno Series สามารถเล่นเกม Mobile Legends: Bang Bang ได้นานต่อเนื่องถึง 10.85 ชั่วโมง ดังนั้น การใช้งานทั่วไปจึงอยู่ได้นานข้ามวัน
นอกจากนี้ OPPO Reno14 Pro 5G ยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC ผ่านสาย USB-C และหัวชาร์จที่แถมมาให้ในกล่อง โดยใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ภายในเวลา 47 นาที หรือชาร์จเพียง 10 นาที ก็เพียงพอสำหรับการฟังเพลงบน Spotify นานถึง 14 ชั่วโมง หรือดูวิดีโอ YouTube ได้นาน 7 ชั่วโมง อีกทั้งยังรองรับชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W AIRVOOC (แท่นชาร์จไร้สายเป็นอุปกรณ์เสริมที่ต้องซื้อแยกต่างหาก)
ColorOS 15 x OPPO AI
OPPO Reno14 Pro 5G ทำงานบนพื้นฐาน Android 15 ครอบทับด้วย ColorOS 15.0 ซึ่งอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ AI ใหม่ๆ มากมาย เริ่มตั้งแต่ AI Mind Space ตัวช่วยจัดระเบียบข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความ รูปภาพ แชท ตารางนัดหมาย เพียงปัด 3 นิ้วขึ้นด้านบน ข้อมูลบนหน้าจอก็จะถูกจัดระเบียบไว้ในที่เดียว ช่วยเพิ่มความสะดวกในการค้นหา
AI Call Assistant ประกอบด้วยฟีเจอร์ AI Call Summary สามารถบันทึกเสียงการโทร พร้อมสรุปการสนทนาให้กระชับขึ้น และยังมี AI Call Translator ช่วยแปลภาษาแบบเรียลไทม์ เมื่อต้องสนทนากับชาวต่างชาติ
AI VoiceScribe ช่วยถอดเสียงพูดเป็นข้อความ ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Google Meet, Teams, Zoom, Skype, Webex Meetings, Signal, Instagram, Telegram, Messenger, WeChat, LINE, WhatsApp, KakaoTalk, Rakuten Viber Messenger และ Snapchat
AI Translate เปรียบเสมือนเป็นล่ามส่วนตัว สามารถแปลภาษาได้หลากหลายวิธี รวมถึงการถ่ายภาพที่มีข้อความเป็นภาษาต่างประเทศ ,
O+ Connect แอปพลิเคชันที่ช่วยทำลายกำแพงกั้นระหว่างอุปกรณ์ Android กับ iOS ด้วย O+ Connect ผู้ใช้ OPPO Reno14 Pro 5G สามารถแชร์ไฟล์ รวมถึง Livephoto ไปยัง iPhone หรือ iPad ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ ColorOS 15 ยังรวม Gemini มาให้แล้ว โดยผสานการทำงานร่วมกับแอป Notes, Calendar และ Clock อีกทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์ Circle to Search ที่ไม่เพียงแต่ช่วยค้นหาข้อมูลที่ต้องการบนหน้าจอ แต่ยังได้รับการพัฒนาให้สามารถระบุเพลงได้แล้ว เพียงร้องหรือฮัมเพลงออกมา
สรุปราคาและการจำหน่าย
เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มจริงๆ สำหรับ OPPO Reno14 Pro 5G รุ่นพรีเมียมของ OPPO Reno14 Series 5G ที่มีคุณสมบัติเพียงพอแข่งขันกับสมาร์ตโฟนระดับเรือธงได้อย่างทัดเทียม ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นจากวัสดุโลหะคุณภาพสูง ลวดลายหางปลาที่พริ้วไหวบนฝาหลัง ป้องกันน้ำระดับ IP69 มาพร้อมกล้อง 50 ล้านพิกเซล ถึง 4 ตัว ทำงานร่วมกับแฟลช 3 ดวง AI Flash Photography ทำให้ภาพถ่ายในที่มืดสว่างคมชัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในอุตสาหกรรมมือถือ อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยเครื่องมือ AI แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6200mAh ชาร์จไวทั้งใช้สายและไร้สาย ทั้งหมดนี้ทำให้ OPPO Reno14 Pro 5G เป็นเรือธงที่ตอบโจทย์การใช้งานการถ่ายภาพพอร์ตเทรตอย่างแท้จริง
OPPO Reno14 Pro 5G ที่มาพร้อมระบบถ่ายวิดีโอที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในตระกูล Reno ข้ามขีดจำกัดงานวิดีโอไปอีกขั้นด้วย AI Enhanced 4K HDR Video ที่รองรับการบันทึกวิดีโอระดับ 4K HDR ครบทุกระยะเลนส์ ไม่ว่าจะเปลี่ยนมุมมองหรือซูมแค่ไหนก็มอบวิดีโอที่คมชัดและสีสันสดใส พร้อมระบบลดเสียงรบกวน เพื่อให้ได้คุณภาพวิดีโอระดับมืออาชีพ ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8450 ที่มอบประสิทธิภาพทรงพลัง ใช้งานได้ยาวนานกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,200mAh และชาร์จไว 80W SUPERVOOC พร้อมชาร์จไร้สาย 50W AIRVOOC ประสิทธิภาพทรงพลังในดีไซน์บางเฉียบ สวยนำเทรนด์กับลวดลายหางปลาแสนอิสระ มีให้เลือก 2 สีได้แก่ สีขาว Opal White และสีเทา Titanium Grey เรียบหรูแมตช์ทุกสไตล์ โดย OPPO Reno14 Pro 5G มาพร้อมความจุ RAM 12GB + 512GB วางจำหน่ายในราคา 24,999 บาท
สำหรับโปรโมชั่น เมื่อซื้อในช่วงวันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2568 และกดรับสิทธิ์ ผ่าน MY OPPO ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เท่านั้น จะได้รับ E-VIP Plus ประกันจอแตกภายใน 1 ปี (1 ครั้งต่อปี), ประกันความเสียหายจากนํ้าภายใน 1 ปี (1 ครั้งต่อปี) และรับประกันในพื้นที่เอเชีย-แปซิฟิก (นับจากวันที่ซื้อสินค้า ผลบังคับใช้ 1 ปี)
- OPPO Reno14 F 5G ประกัน E-VIP Plus มูลค่า 7,000 บาท
- OPPO Reno14 5G ประกัน E-VIP Plus มูลค่า 9,000 บาท
- OPPO Reno14 Pro 5G ประกัน E-VIP Plus มูลค่า 15,000 บาท
พิเศษเมื่อซื้อรุ่น OPPO Reno14 5G หรือ OPPO Reno14 Pro 5G ในช่วงวันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2568 และกดรับสิทธิ์ผ่าน Google One หรือ Gemini App ภายใน 30 วันเท่านั้น นับจากวันที่ซื้อสินค้า จะได้รับสิทธิ์ Google AI Pro ฟรี 3 เดือน มูลค่า 2,250 บาทพร้อมรับ Reno Chill Backpack มูลค่า 2,999 บาท **ของสมนาคุณมีจำนวนจำกัด ขอสงวนสิทธิ์จนกว่าของจะหมด โปรโมชั่นดังกล่าวเฉพาะร้านค้าที่เข้าร่วมเท่านั้น**
#Reno14SeriesTH #ไปชิลล์กัน #OPPOAIPhone