แอป Phone ได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่ใน iOS 26 ทั้งดีไซน์ และฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยป้องกันผู้ใช้งานจากสแปม และบางฟีเจอร์ก็ช่วยประหยัดเวลาได้อีกด้วย

ดีไซน์ใหม่
แอป Phone ใน iOS 26 ได้รับการออกแบบใหม่ ที่รวมทั้งรายการโปรด รายการล่าสุด และวอยซ์เมลไว้ด้วยกันในที่เดียว แต่ก็มีตัวเลือกให้ใช้เค้าโครงเดิมของ iOS 18 ได้เช่นกัน

รายการโปรดยังคงอยู่ที่ด้านบนสุดของอินเทอร์เฟซ และยังคงมีแท็บสำหรับสลับไปยังรายชื่อติดต่อและคีย์แพด ผู้ใช้งานสามารถเปิดหรือปิดมุมมองใหม่ได้ โดยแตะที่ไอคอน 3 เส้น ตรงมุมขวาบนของหน้าจอ
Call Screening
ฟีเจอร์ Call Screening หรือคัดกรองสายเรียกเข้า ต่อยอดมาจากวอยซ์เมลสด ช่วยขจัดการรบกวนโดยการรวบรวมข้อมูลจากผู้โทร และให้รายละเอียดที่จำเป็นต่อการตัดสินใจของผู้ใช้ว่าจะรับสายหรือตัดสาย

iPhone ที่ทำงานบน iOS 26 มีตัวเลือกให้ถามชื่อและเหตุผลการโทร จากผู้โทรที่ไม่รู้จัก (หรือบุคคลที่ไม่ได้บันทึกไว้ในรายชื่อผู้ติดต่อ) เมื่อเปิดใช้งาน ระบบจะดำเนินการอัตโนมัติ
บุคคลที่โทรมาหา จะได้รับข้อความตอบกลับอัตโนมัติคล้ายกับข้อความเสียงที่ขอข้อมูลเพิ่มเติม และจะถูกพักสายไว้ ขณะที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะขอข้อมูลเพิ่มเติม รับสาย หรือปฏิเสธสาย
หากต้องการขอข้อมูลเพิ่มเติมจากสายที่โทรเข้ามา ต้องเปิดฟีเจอร์ Ask Reason for Calling ในแอป Settings > Phone
ปิดเสียงเรียกเข้า สำหรับสายที่ไม่รู้จัก
การตั้งค่าแอป Phone ใน iOS 26 มีตัวเลือก Screen Unknown Callers เมื่อเปิดใช้งาน iPhone จะไม่เล่นเสียง เมื่อมีสายเรียกเข้าจากหมายเลขที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อ โดยบุคคลที่โทรเข้ามาจะถูกโอนไปยังวอยซ์เมลโดยอัตโนมัติ และหมายเลขยังแสดงอยู่ในรายการล่าสุด
Call Filtering
นอกจากฟีเจอร์ Call Screening ยังมี Call Filtering ตัวเลือกใหม่สำหรับสายที่ไม่ได้รับและวอยซ์เมลจากหมายเลขที่ไม่ได้บันทึกไว้ในรายชื่อผู้ติดต่อ โดยจะรวมไว้ในรายชื่อผู้โทรที่ไม่รู้จักโดยเฉพาะ และซ่อนสายเหล่านั้นจากมุมมองหลัก

รายงานวอยซ์เมลที่เป็นสแปม
เมื่อผู้ใช้ iPhone แตะวอยซ์เมลจากหมายเลขที่ไม่รู้จัก จะมีปุ่ม “Report Spam” เพื่อรายงานว่าเป็นสแปมและเก็บไว้ หรือรายงานแล้วลบทิ้งก็ได้ การลบวอยซ์เมลจากหมายเลขที่ไม่รู้จัก ยังแสดงตัวเลือกให้รายงานว่าเป็นสแปม และมีตัวเลือกให้รายงานสแปมทันทีขณะที่กำลังฟังข้อความเสียงที่เข้ามาด้วย

ทั้งนี้ การรายงานวอยซ์เมลว่าเป็นสแปมจะไม่บล็อกผู้โทร และต้องทำขั้นตอนแยกต่างหาก แตะที่ปุ่ม “i” เลื่อนลงมาที่รายชื่อผู้ติดต่อ แล้วแตะ “Block Contact ” เพื่อบล็อกผู้ส่งสแปม
Hold Assist
เมื่อผู้ใช้งานโทรออก และถูกพักสาย Hold Assist จะรับหน้าที่รอสายแทน และจะแจ้งเตือน เมื่อมีคนมารับสาย ทำให้ผู้ใช้งานมีเวลาไปทำอย่างอื่นขณะรอสาย

ฟีเจอร์ Hold Assist ทำงานโดยการตรวจจับเพลงพักสาย ถ้าหาก iPhone ตรวจพบเพลงพักสาย ระบบแจ้งให้ผู้ใช้งานเปิด Hold Assist
Live Translation
ฟีเจอร์ Live Translation ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารข้ามภาษาโดยการแปลข้อความและเสียงแบบสดๆ สามารถเปิดใช้งานได้หลังจากโทรออก ให้แตะปุ่ม … จากนั้นแตะ Live Translation แล้วเลือกภาษาที่ต้องการแปล (ปัจจุบันรองรับภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน โปรตุเกส และสเปน)

ประวัติการโทร
iOS 26 มีประวัติการโทรเพิ่มเติมสำหรับผู้ติดต่อแต่ละราย ในแอป Phone ให้แตะ “i” ข้างชื่อหรือหมายเลขใดก็ได้ แล้วแตะตัวเลือก “Call History” จากนั้นจะเห็นประวัติการโทรทั้งหมดของรายชื่อนั้น

พิมพ์โต้ตอบกับ Siri
ระหว่างการโทร ผู้ใช้สามารถพิมพ์โต้ตอบกับ Siri เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ หรือทำงานให้เสร็จได้
Screen Sharing & SharePlay
Apple ขยายฟีเจอร์ Screen Sharing และ SharePlay ให้รองรับการทำงานร่วมกับแอป Phone ใน iOS 26 โดยแตะปุ่ม “…” แล้วเลือก SharePlay หรือ Screen Sharing ระหว่างการโทร
ปรับปรุงการถ่ายโอน eSIM
กระบวนการโอนย้าย eSIM ไปยัง Android หรือ eSIM ของ Android ไปยัง iPhone ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นใน iOS 26

การตั้งค่าเครือข่ายมือถือของ iPhone จะมีตัวเลือก Transfer to Android สำหรับซิมที่มีอยู่ รวมถึงตัวเลือก “Transfer From Android” เมื่อเพิ่มซิมใหม่ไปยัง iPhone
แอป Phone สำหรับ iPad และ Mac
iPad และ Mac ที่ทำงานบน iPadOS 26 และ macOS Tahoe ก็ได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ ของแอป Phone ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Call Screening, Hold Assist, Live Translation อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ iPad และ Mac จะต้องมี iPhone ที่ใช้บัญชี Apple เดียวกัน และจะต้องเปิดใช้งาน Wi-Fi Calling เพื่อให้สามารถรับสายบน iPad หรือ Mac ได้

ที่มา – MacRumors






