vivo เปิดตัวสมาร์ตโฟนจอพับรุ่นใหม่ vivo X Fold5 อย่างทางการในประเทศไทย โดยเป็นทายาทของ vivo X Fold3 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ชูจุดเด่นที่ดีไซน์บางเบา แต่ทนทาน ป้องกันน้ำถึงระดับ IPX9+ ใช้ขุมพลังจาก Snapdragon 8 Gen 3 แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6000mAh ดีไซน์บางเพียง 4.3 มิลลิเมตร ตอบโจทย์การถ่ายภาพด้วยกล้อง 50MP ZEISS Telephoto และมาพร้อม AI Smart Office ซึ่งน่าจะถูกใจคนทำงานแบบ Work from Anywhere อย่างแน่นอน โดยรุ่นนี้มาพร้อมสโลแกน “บางเบาอย่างมีคลาส ทนทานเหนือระดับ”

สเปก vivo X Fold5

- จอแสดงผลหลัก AMOLED ขนาด 8.03 นิ้ว อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz
- จอแสดงผลด้านนอก AMOLED ขนาด 6.53 นิ้ว อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz
- กล้องหลัง 50MP + 50MP + 50MP (Main + Ultra Wide + Telephoto Camera)
- กล้องหน้า 20MP Selfie Camera (ทั้งจอด้านนอกและจอด้านใน)
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3
- ความจำ RAM 16GB (LPDDR5X Ultra) + ROM 512GB (UFS 4.1)
- ขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 16GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM
- การเชื่อมต่อไร้สาย 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, NFC, USB Type-C (USB 3.2 Gen 1)
- ระบุตำแหน่ง GPS (L1+L5), GLONASS (G1), BDS (B1I + B1C + B2a), Galileo (E1+E5a), QZSS (L1+L5)
- เซ็นเซอร์ Proximity, Ambient Light Sensor, Accelerometer, E-compass, Gyroscope, Infrared, Hall Sensor, Colour Temperature, Flicker Sensor, Air Pressure Sensor, Laser Focus Sensor
- สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง (Side-mounted Fingerprint Sensor), สแกนใบหน้า (Face Unlock)
- ระบบปฏิบัติการ FuntouchOS 15 บนพื้นฐาน Android 15
- มาตรฐานป้องกันน้ำ IPX8, IPX9 และ IPX9+
- มาตรฐานป้องกันฝุ่น IP5X
- แบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 6000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 80W Dual-Cell FlashCharge ผ่านสาย USB-C
- รองรับชาร์จเร็วแบบไร้สาย 40W Wireless FlashCharge
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Titanium Gray และ Feather White
- น้ำหนัก 226 กรัม (Feather White) และ 217 กรัม (Titanium Gray)
แกะกล่อง vivo X Fold5

vivo X Fold5 จัดส่งมาในกล่องสีดำ บนฝากล่องพบชื่อรุ่น X Fold5 ขนาดใหญ่ กำกับด้วยข้อความ Co-engineered with ZEISS เพื่อบอกว่ามาพร้อมเลนส์กล้องคุณภาพสูง รวมถึงเทคโนโลยีการถ่ายภาพชั้นนำที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS ผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์ระดับโลก



เมื่อยกฝากล่องขึ้นมา จะเห็นว่า vivo X Fold5 ถูกห่อหุ้มไว้อย่างดี และกางอุปกรณ์ไว้อยู่แล้ว ใต้ถาดวางสมาร์ตโฟน จะเป็นช่องเก็บสายชาร์จ USB-C to USB-A, หัวชาร์จ (90W Power Adapter) และ กล่องเก็บสีดำแบนๆ ข้างในแถมเคสมาให้ 1 อัน สำหรับปกป้องด้านหลังครอบคลุมถึงขอบด้านข้างที่เป็นส่วนบานพับ นอกจากนี้ ยังมีเข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด คู่มือ ข้อมูลสำคัญและบัตรรับประกัน




ดีไซน์บางเฉียบ 4.3 มิลลิเมตร กันน้ำสูงสุด IPX9+

vivo X Fold5 เปิดตัวในไทยด้วยสีเทา Titanium Gray และสีขาว Feather White ซึ่งแต่ละสีใช้เทคนิคสร้างชั้นผิวแตกต่างกันไป ทำให้มีความบางและน้ำหนักแตกต่างกันเล็กน้อย โดยสี Titanium Gray เน้นความเป็นโลหะของไทเทเนียม เพื่อให้ความรู้สึกที่ทรงพลังและล้ำสมัย อีกทั้งยังมีความบางเพียง 4.3 มิลลิเมตร (เมื่อกางออก) น้ำหนักเบา 217 กรัม

อย่างไรก็ตาม ทีมงาน @flashfly ได้รับสี Feather White มารีวิว ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากความเบาของขนนก สะท้อนถึงความงดงามอย่างบริสุทธิ์ มั่นคง สง่างามในแบบที่เรียบง่าย โดยมีความบาง 4.55 มิลลิเมตร มิลลิเมตร เมื่อกางออก น้ำหนักเบา 226 กรัม แต่ไม่ว่าจะเลือกสีไหน ล้วนใช้วัสดุระดับพรีเมียมเช่นเดียวกัน มั่นใจได้ในเรื่องความแข็งแรงทนทาน

เนื่องจากเป็นสมาร์ตโฟนจอพับ vivo จึงให้ความสำคัญกับบานพับเป็นพิเศษ โดยอัปเกรดบานพับของ vivo X Fold5 ด้วย Armor Architecture 2 วัสดุอลูมิเนียมเกรดอากาศยาน ผสมคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีความเบา แต่ทนทานมากขึ้น และดีไซน์กลไกบานพับใหม่ เพื่อช่วยลดรอยพับบนหน้าจอ รวมถึงให้ประสบการณ์การพับ และกางอุปกรณ์ได้อย่างมั่นคงและนุ่มนวล รองรับการพับมากถึง 600,000 ครั้ง

ดีไซน์ด้านหลังของ vivo X Fold5 มีส่วนคล้ายกับเรือธง vivo X200 Series โดดเด่นด้วยกรอบวงแหวนขนาดใหญ่ศูนย์รวมของโมดูลกล้อง พร้อมโลโก้ ZEISS และสัญลักษณ์ T* (T Star) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเคลือบผิวเลนส์แบบพิเศษของ ZEISS

จอแสดงผลด้านนอกมีขนาด 6.53 นิ้ว ดีไซน์ขอบหน้าจอบางเป็นพิเศษ ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูง 92.06% รองรับการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ เหมือนเป็นสมาร์ตโฟนรูปทรงแท่งทั่วไป พร้อมติดตั้งกล้องหน้า ไว้ในหลุมบนหน้าจอ และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Armor Glass 2 ที่ให้ความทนทานมากขึ้น (ทนต่อแรงเจาะทะลุได้มากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน)

เมื่อยังไม่ได้กางอุปกรณ์ ส่วนขอบด้านข้างจะมีความบาง 9.2 – 9.7 มิลลิเมตร (ขึ้นอยู่กับสีสันของตัวเครื่อง) มีปุ่มปรับระดับเสียง ถูกวางไว้เหนือปุ่มเพาเวอร์ (ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมไว้กับปุ่มเพาเวอร์ด้วย) ทั้งนี้ กรอบตัวเครื่องรวมถึงปุ่มกดด้านข้าง ทำมาจากวัสดุอลูมิเนียมอัลลอย
vivo X Fold5 ยังมีปุ่มใหม่ที่อยู่เหนือเส้นเสาอากาศ เป็นปุ่มลัดสำหรับเรียกใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เพียงกดค้างไว้ เช่น สลับโปรไฟล์เสียงหรือรูปแบบการแจ้งเตือน, เปิดกล้อง, เปิดไฟฉาย, บันทึกเสียง, เรียกใช้งาน AI Captions รวมถึงเปิดแอปพลิเคชันหรือบริการที่ใช้งานบ่อย

มุมมองด้านบน เห็นตำแหน่งไมโครโฟน 2 ตัว และ ลำโพงสเตอริโอ (ขับเสียงร่วมกับลำโพงด้านล่าง)

ด้านล่างประกอบด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด, ลำโพงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และ ไมโครโฟนตัวหลัก

เมื่อกางอุปกรณ์ออก ความหนาจะลดลงเหลือ 4.30 – 4.55 มิลลิเมตร (ขึ้นอยู่กับสีสันของตัวเครื่อง) และจะพบกับจอแสดงผลหลัก ขนาดใหญ่ 8.03 นิ้ว มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 92% พร้อมกล้องหน้าอีกตัว ซ่อนอยู่ในหลุมที่มุมบนหน้าจอ

นอกจากดีไซน์ที่สวยงามพรีเมียม vivo X Fold5 ยังถูกสร้างมาให้มีความทนทานเป็นพิเศษ ผ่านมาตรฐานป้องกันน้ำ IPX8 และ IPX9 ตามมาตรฐาน IEC 60529-2013 จึงอยู่รอดในน้ำที่ความลึกไม่เกิน 1.5 เมตร เป็นเวลาไม่เกิน 30 นาที และทนน้ำระดับ IPX9+ หมายความว่าสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่อยู่นอกเหนือจากมาตรฐานทั่วไปได้ โดยผ่านการทดสอบพับตัวเครื่อง 1,000 ครั้ง ขณะอุปกรณ์อยู่ในน้ำจืดที่มีอุณหภูมิห้อง และระดับความลึกไม่เกิน 1 เมตร อีกทั้งยังป้องกันฝุ่นในระดับ IP5X ซึ่งยังไม่ถึงระดับที่จะป้องกันฝุ่นได้อย่างเต็มรูปแบบ (ระดับสูงสุดคือ IP6X)

จอแสดงผล ZEISS Master Color ทั้ง 2 จอ

vivo X Fold5 มาพร้อมจอแสดงผลหลัก AMOLED ที่สามารถพับและกางออกได้ราบ 180 องศา มีความลึกสี 1.07 พันล้านสี (10-bit) ความละเอียด 2480 x 2200 พิกเซล ขนาด 8.03 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 412 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) ให้อัตราส่วนภาพ 4:3.55 ความสว่างสูงสุด 4500 นิต อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz และรองรับ HDR10+, Dolby vision รวมถึง Netflix HDR

จอแสดงผลด้านนอกให้ประสบการณ์การใช้งานแบบเดียวกับสมาร์ตโฟนทั่วไป หมายความว่า vivo X Fold5 รองรับการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องกางอุปกรณ์ โดยใช้จอแสดงผล AMOLED ความลึกสี 1.07 พันล้านสี (10-bit) ความละเอียด 2748 x 1172 พิกเซล ขนาด 6.53 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 457 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) ให้อัตราส่วนภาพ 21.1:9 ความสว่างสูงสุด 4500 นิต และอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz

จอแสดงผลของ vivo X Fold5 ทั้ง 2 จอ ยังได้รับมาตรฐาน ZEISS Master Color สามารถแสดงสีสันได้อย่างคมชัดสมจริงเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะการเปิดดูภาพถ่ายหรือวิดีโอที่บันทึกจากกล้องที่ใช้เลนส์ของ ZEISS เช่นกัน และเป็นจอภาพที่เป็นมิตรกับสายตา ด้วยเทคโนโลยีปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ที่ความถี่สูง 1920Hz สำหรับจอหลัก และ 2160Hz สำหรับจอด้านนอก ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาจากการกระพริบของแสงบนหน้าจอ ผ่านการรับรอง TÜV Rheinland Full Care Display Certification 3.0 และ SGS Eye Protection Certification

สมาร์ตโฟนจอพับที่มีแบตเตอรี่ความจุสูงที่สุด 6000mAh

ทั้งที่มีดีไซน์บางเฉียบ 4.3 มิลลิเมตร แต่ vivo X Fold5 กลับได้ชื่อว่าเป็นสมาร์ตโฟนจอพับที่มีแบตเตอรี่ความจุสูงที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปได้ด้วยแบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 6000mAh จากเทคโนโลยี Silicon Anode รุ่นที่ 4 ของ vivo ซึ่งมีปริมาณซิลิคอนมากขึ้น 12% และมีความหนาแน่นของพลังงานสูงเป็นพิเศษ 866Wh/L ช่วยให้มีความจุพลังงานสูงขึ้น โดยยังคงรักษาความบางของขนาดแบตเตอรี่ พร้อมเทคนิคเคลือบ 2 ชั้น ประกอบกับคาร์บอนแข็ง และ อิเล็กโทรไลต์พิเศษ ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานยืนยาว นอกจากนี้ ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Semi-Solid Battery รุ่นที่ 2 ทำให้แบตเตอรี่ของ vivo X Fold5 มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น และทนต่อการใช้งานในสภาพอุณหภูมิหนาวจัดถึง -30 องศาเซลเซียส
ด้วยแบตเตอรี่ BlueVolt ความจุสูง 6000mAh ทำให้ vivo X Fold5 สามารถสแตนด์บายได้นานถึง 8.8 วัน / ชมวิดีโอนานสูงสุด 25.9 ชั่วโมง / ฟังเพลงได้นานต่อเนื่อง 80.6 ชั่วโมง / วิดีโอคอลหรือประชุมออนไลน์นาน 13.2 ชั่วโมง อีกทั้งยัง รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W ผ่านสาย USB-C (ในกล่องแถบหัวชาร์จ 90W Power Adapter) และเพิ่มความสะดวกด้วยการชาร์จแบบไร้สาย 40W (แท่นชาร์จไร้สายต้องซื้อแยกต่างหาก)
Snapdragon 8 Gen 3 พร้อมระบบระบายความร้อนขั้นสูง

vivo X Fold5 ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผลระดับเรือธง Snapdragon 8 Gen 3 ของ Qualcomm ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีการผลิตขนาด 4 นาโนเมตร ของ TSMC ที่มี CPU แบบ 64-bit Octa Core ความเร็วสูงสุด 3.3GHz (Arm Cortex-X4 Super Core) ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 30% ประหยัดพลังงานมากขึ้น 20% ขณะที่ GPU – Adreno 750 มีประสิทธิภาด้านกราฟิกดีขึ้น 25% ประหยัดพลังงานมากขึ้น 25%

vivo X Fold5 ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อนขั้นสูง ครอบคลุมพื้นที่ถึง 17,307 ตารางมิลลิเมตร ช่วยกระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึง โดยใช้ดีไซน์เมนบอร์ดแบบเรียงซ้อน และแผ่น Vapor Chamber ที่ช่วยดูดซับและกระจายความร้อนได้ดี สามารถเพิ่มพลังการระบายความร้อนอีก 1,200 ตารางมิลลิเมตร จึงสามารถรักษาประสิทธิภาพในระดับสูงแม้ใช้งานนานต่อเนื่อง



ด้านความจำ vivo X Fold5 ที่ทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิว เป็นเวอร์ชัน RAM 16GB (LPDDR5X Ultra) จับคู่กับ ROM สูงสุด 512GB (UFS 4.1) และสามารถขยายความจำ RAM ได้อีก 16GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM โดยอาศัยพื้นที่ของหน่วยความจำ ROM มาใช้งาน จึงเปรียบเสมือนมีความจำ RAM สูงสุด 32GB ทำให้การใช้งานแบบ Multitasking ลื่นไหลขึ้นอย่างมาก และมีส่วนช่วยให้ vivo X Fold5 ทำคะแนนจากการทดสอบประสิทธิภาพบนแอปพลิเคชัน AnTuTu ได้เฉียด 2 ล้านคะแนนเลยทีเดียว
AI Smart Office ตอบโจทย์ทำงานแบบ Work from Anywhere

vivo X Fold5 ใช้พื้นที่จอแสดงผลหลักขนาดใหญ่ 8.03 นิ้ว ที่มีอัตราส่วนภาพ 4:3.55 ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยฟีเจอร์ AI มากมาย ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา แม้ในระหว่างเดินทาง โดยไม่จำเป็นต้องพกพาแล็ปท็อปให้หนักกระเป๋า เริ่มตั้งแต่ฟีเจอร์ Origin Workbench ที่รองรับการใช้งาน 5 แอปในเวลาเดียวกัน

Origin Workbench ช่วยให้ผู้ใช้ vivo X Fold5 ใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้พร้อมกันสูงสุด 5 แอป โดยแอปที่กำลังใช้งานจะแสดงผลในรูปแบบหน้าต่างขนาดใหญ่ ขณะที่อีก 4 แอป จะแสดงผลในหน้าต่างขนาดเล็กและวางเรียงอยู่ด้านข้าง ซึ่งทุกแอปยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง จึงสามารถสลับการใช้งานแต่ละแอปได้อย่างรวดเร็ว

Smart Call Assistant ฟีเจอร์แปลภาษาระหว่างการโทร เปรียบเสมือนเป็นล่ามส่วนตัว ช่วยให้ผู้ใช้งานสนทนากับชาวต่างชาติได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และยังสามารถสรุปประเด็นสำคัญหลังจากจบการสนทนาให้อีกด้วย

AI Captions ช่วยให้ผู้ใช้งานประชุมออนไลน์กับชาวต่างชาติได้อย่างราบรื่น ด้วยความสามารถถอดเสียงเป็นข้อความแบบเรียลไทม์ และสามารถแปลภาษาได้อีกด้วย รวมถึงสรุปประเด็นสำคัญหลังจบการประชุม โดยรองรับการทำงานร่วมกับแอป Zoom, Teams, Google Meet และ WhatsApp

vivo DocMaster ผู้เชี่ยวชาญด้านงานเอกสาร สามารถเปิดไฟล์เอกสาร Word, Excel, PowerPoint, PDF และแปลงไฟล์เอกสารเป็นไฟล์ภาพได้ รองรับหลายภาษา และที่สำคัญใช้งานได้ฟรี
Snap Text เป็นอีกตัวช่วยสำหรับงานเอกสาร สามารถแปลงข้อความจากรูปภาพเป็นข้อความดิจิทัล เพื่อนำไปใช้งานต่อได้ โดยใช้กล้องช่วยสแกนภาพ เช่น นามบัตร, ข้อความบนกระดาษที่เขียนด้วยลายมือ ไปจนถึงข้อความบนหนังสือ และป้ายต่างๆ

AI Screen Translation เครื่องมือแปลภาษาบนหน้าจอแบบเรียลไทม์ที่ขับเคลื่อนด้วย Google Lens เหมาะสำหรับการเปิดเว็บไซต์หรืออ่านข้อความที่เป็นภาษาต่างประเทศ ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องคัดลอกข้อความไปวางในแอปแปลภาษา แต่สามารถใช้ฟีเจอร์ Screen Translation ที่ซ่อนอยู่ใน Sidebar เพื่อแปลภาษาบนหน้าจอได้ทันที โดยรองรับถึง 130 ภาษา เช่น อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น สเปน

Google Gemini ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ผสานระบบ Machine Learning ทำงานร่วมกับเครื่องมือค้นหาของ Google ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับให้ผู้ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกตารางนัดหมาย ขอความแนะนำในการสร้างคอนเทนต์ หรือหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ รวมไปถึงถามข้อมูลที่ต้องการ
กล้องหลัง 50MP AI Triple Camera

การถ่ายภาพถือเป็นอีกจุดเด่นของ vivo X Fold5 โดยติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดเท่ากัน 50 ล้านพิกเซล ประกอบด้วย กล้องหลัก, กล้อง Ultra Wide และ กล้อง Telephoto แบบ Periscope สามารถซูมออปติคัล 3 เท่า ซูมดิจิทัล 100 เท่า พร้อมด้วยเทคโนโลยีการถ่ายภาพจาก ZEISS และเทคโนโลยีเคลือบเลนส์ ZEISS T* (T Star) ช่วยเพิ่มการส่งผ่านแสงที่มองเห็นได้ ทำให้้ภาพถ่ายมีสีสันแม่นยำ ขณะเดียวกันยังช่วยลดการสะท้อนแสง รวมถึงลดเอฟเฟกต์แสงหลอกและแสงแฟลร์

- กล้อง 50MP ZEISS Telephoto ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX882 ขนาด 1/1.953″ รูรับแสง f/2.55 ระยะโฟกัสเทียบเท่า 70 มม. มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS
- กล้องหลัก 50MP VCS (vivo Camera-Bionic Spectrum 2.0) ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX921 ขนาด 1/1.56″ รูรับแสง f/1.57 ระยะโฟกัสเทียบเท่า 23 มม. มีระบบกันสั่น OIS
- กล้อง 50MP Ultra Wide ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1 ขนาด 1/2.76″ รูรับแสง f/2.05 ระยะโฟกัสเทียบเท่า 15 มม. ให้มุมมองกว้างพิเศษ 120 องศา

นอกจากระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS (Optical Image Stabilization) กล้องหลัก และ กล้อง Telephoto ยังได้รับมาตรฐาน CIPA 4.5 หมายถึงผ่านการทดสอบระบบป้องกันภาพสั่นไหวของ CIPA ระดับ 4.5 ทำให้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวของ vivo X Fold5 มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากล้อง SLR

แอปกล้องของ vivo X Fold5 รองรับโหมดถ่ายภาพ Snapshot, Landscape & Night, Portrait, Photo, Video, Portrait Video, High Resolution, Panorama, Ultra HD Document, Slow Motion, Stage, Time-lapse, Professional และ Food
โหมด Photo รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6x, 1x, 2x, 3x, 10x และซูมได้สูงสุด 100x สามารถปรับระยะโฟกัสด้วยตนเองได้จากไอคอน MF (Manual Focus) ไอคอนรูปแผ่นฟิล์มสำหรับเปิดฟิลเตอร์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 หมวดหมู่ ได้แก่ Basic styles และ Personalized styles (มีสไตล์ภาพจาก ZEISS รวมอยู่ในหมวดหมู่ Basic styles) ส่วนไอคอนรูปคนกำลังวิ่ง หมายถึงโหมดถ่ายภาพ Snapshot

แถบเครื่องมือด้านบนของโหมด Photo ยังมีฟีเจอร์ Live Photo มาให้ใช้งานด้วย ช่วยเพิ่มมิติใหม่ให้กับการถ่ายภาพในชีวิตประจำวันให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ถัดมามีไอคอนรูปดอกไม้ เป็นโหมดถ่ายภาพ Super Macro

โหมด Portrait มาพร้อม ZEISS Multifocal Portrait ช่วยให้ผู้ใช้งานถ่ายภาพพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่ระยะ 23, 35, 50, 85, 100 มิลลิเมตร มีเอฟเฟกต์โบเก้ละลายฉากหลังระดับมืออาชีพ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเลนส์อันเป็นเอกลักษณ์ของ ZEISS เช่น Biotar, B-speed, Sonnar, Planar, Distagon, Cine-flare และ Cinematic อีกทั้งยังมีฟิลเตอร์ Basic styles กับ Personalized styles เหมือนโหมด Photo และมีฟีเจอร์ Portrait effect ช่วยให้การถ่ายภาพพอร์ตเทรตในระยะต่างๆ เป็นเรื่องง่าย

โหมด Landscape & Night ได้ผสานรวมโหมดถ่ายภาพ Night, Astro และ Long Exposure ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6x, 1x, 2x, 3x, 10x และซูมได้สูงสุด 100x มีฟีเจอร์ Long Exposure ที่ตั้งค่ามาให้แล้ว ขณะที่ฟิลเตอร์ (ไอคอนรูปแผ่นฟิล์ม) มาพร้อมสไตล์การถ่ายภาพใหม่ Atmosphere และ Soft (รวมอยู่ในหมวดหมู่ Personalized styles) ทำให้ภาพความงามของธรรมชาติที่อยู่เบื้องหน้ามีมิติสมจริง




โหมด Portrait รวมถึงโหมด Landscape & Night ยังมีฟีเจอร์ AI Visual (อยู่ในแถบเครื่องมือด้านบน) ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้เป็นไปตามฤดูกาลต่างๆ ได้แก่ Spring, Autumn, Summer และ Winter อยากให้หิมะตกในไทยก็ทำได้แล้วในตอนนี้
โหมด Stage ผสานการทำงานร่วมกับ AI ช่วยถ่ายภาพการแสดงบนเวทีให้สวยงามคมชัดแม้ซูมจากระยะไกล เหมาะสำหรับบันทึกภาพคอนเสิร์ต เทศกาลดนตรี หรือ ละครเวที รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 1x, 2x, 3x, 10x


โหมด Video รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6x, 1x, 2x, 3x, 10x และซูมได้สูงสุด 15x สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 8K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที อีกทั้งยังมีโหมด Portrait Video ความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที สามารถปรับเอฟเฟกต์โบเก้ได้ มีฟีเจอร์ Beauty ช่วยปรับใบหน้าให้ดูดีขึ้น และมี Styles ให้เลือกหลายแบบ ที่เหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอแบบเน้นตัวบุคคลโดยเฉพาะ
กล้องหน้าคู่ 20MP Selfie Camera

vivo X Fold5 ติดตั้งกล้องหน้ามาให้ 2 ตัว พบได้ที่จอแสดงผลได้นอก (อยู่กึ่งกลางหน้าจอบริเวณขอบจอด้านบน) และ จอแสดงผลด้านใน (มุมบนหน้าจอ) โดยโมดูลกล้องหน้าทั้ง 2 ตัว มีสเปกเดียวกัน ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ OmniVision OV32D40 ขนาด 1/3.6″ รูรับแสง f/2.4 รองรับโหมดถ่ายภาพ Portrait, Photo, Video และ Portrait Video

โหมด Photo ของกล้องหน้า มาพร้อมฟิลเตอร์ Basic styles และ Personalized styles โดยมีสไตล์ภาพจาก ZEISS รวมอยู่ในหมวดหมู่ Basic styles และมีฟีเจอร์ Live Photo เปิดใช้งานได้จากแถบเครื่องมือด้านบน

โหมด Portrait มีเอฟเฟกต์โบเก้ละลายฉากหลังจาก ZEISS ได้แก่ Biotar, Sonnar, Planar, Distagon และ Cinematic ไอคอนถัดลงมาเป็นฟีเจอร์ Beauty สำหรับปรับแต่งความงามบนใบหน้า พร้อมด้วยฟีเจอร์ Makeup ช่วยแต่งหน้าได้หลากหลายสไตล์ นอกจากนี้ ยังมี Portrait effect ให้เลือกใช้ระหว่าง Natural และ Classic

โหมด Video ของกล้องหน้า รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด Full HD 1080p ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที และรองรับโหมด Portrait Video สำหรับถ่ายวิดีโอแบบพอร์ตเทรต ซึ่งสามารถปรับเอฟเฟกต์ละลายฉากหลังได้ มีฟีเจอร์ Beauty ทำให้ใบหน้าดูดีขึ้น และยังมีสไตล์การถ่ายวิดีโอแบบพอร์ตเทรตให้เลือกมากมาย เพื่อให้วิดีโอออกมาดูดีและเข้ากับฉากหลังมากที่สุด

ทั้งนี้ vivo X Fold5 ยังมี Flex Mode เมื่อกางอุปกรณ์ประมาณ 90 – 100 องศา ก็สามารถวางสมาร์ตโฟนเพื่อถ่ายภาพได้ โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งเข้ามาช่วย และสามารถแบ่งหน้าจอออกเป็น 2 ฝั่ง เพื่อควบคุมการถ่ายภาพได้สะดวกมากขึ้น

และเนื่องจากเป็นสมาร์ตโฟนจอพับ ทำให้ vivo X Fold5 รองรับฟีเจอร์ Dual-Display Preview สามารถแสดงตัวอย่างภาพแบบเรียลไทม์ได้ทั้ง 2 หน้าจอ หมายความว่า คนถ่ายสามารถปรับแต่งการตั้งค่าหรือจัดเฟรมได้จากหน้าจอหลัก ขณะที่ตัวแบบก็สามารถดูการจัดท่าทางได้จากหน้าจอด้านนอก หรือจะใช้กล้องหลักในการถ่ายภาพเซลฟี่ก็ได้เช่นกัน
ตัวอย่างภาพถ่าย



AI Image Studio

นอกเหนือจากการทำงาน vivo X Fold5 ยังนำเทคโนโลยี AI มาช่วยปรับแต่งแก้ไขภาพถ่ายให้เป็นเรื่องง่าย เริ่มตั้งแต่ AI Magic Move สามารถปรับแต่งองค์ประกอบในภาพให้ลงตัวมากขึ้น เพียงแตะค้างไว้ที่วัตถุก็สามารถลากไปวางในตำแหน่งใหม่ได้ทันที



AI Image Expander ช่วยขยายพื้นที่รูปภาพให้กว้างขึ้น เหมาะสำหรับการแก้ไขภาพถ่ายจากมุมแคบ แต่ต้องการขยายฉากหลังให้กว้างขึ้น โดย AI จะช่วยเติมฉากหลังที่ถูกขยายได้อย่างแนบเนียน ทำให้องค์ประกอบโดยรวมของภาพถ่ายออกมาสมบูรณ์แบบ

AI Erase เครื่องมือลบวัตถุหรือบุคคลออกจากภาพถ่าย พร้อมเติมฉากหลังที่หายไปได้อย่างแนบเนียน โดยใช้ AI ช่วยระบุวัตถุหรือบุคคลได้อย่างแม่นยำ และสามารถลบออกได้ง่ายๆ ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว AI Reflection Erase สำหรับลบเงาสะท้อนในกระจกหรือพื้นผิวที่มีความมันเงา

AI Photo Enhance ช่วยฟื้นฟูรูปภาพให้มีรายละเอียดและคมชัดกว่าเดิม ด้วยการปรับความสว่าง คอนทราสต์ รวมถึงลดจุดรบกวน พร้อมปรับแต่งใบหน้าให้สวยงามยิ่งขึ้น
สรุปราคาและการจำหน่าย

vivo X Fold5 เป็นสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียม ที่มีดีไซน์บางเบา ทนทาน สามารถพกพาได้อย่างสะดวก เหมือนสมาร์ตโฟนรูปทรงแท่งทั่วไป แต่ได้รับจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 8.03 นิ้ว เพียงกางอุปกรณ์ออกมา ขณะที่จอด้านนอก 6.53 นิ้ว ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานได้เต็มรูปแบบ นอกเหนือจากดีไซน์แบบพับได้ vivo X Fold5 ยังเพียบพร้อมไปด้วยสเปกระดับเรือธง ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล ระบบระบายความร้อน และยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งที่เป็นสมาร์ตโฟนจอพับในตลาด ด้วยความจุ 6000mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W และชาร์จเร็วแบบไร้สาย 40W

ด้านการถ่ายภาพก็จัดเต็มเช่นกัน vivo X Fold5 มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดเท่ากัน 50 รวมถึงกล้อง Ultra Wide และ Telephoto โดยเฉพาะกล้อง Telephoto ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตอย่างมืออาชีพ และยังได้รับเทคโนโลยีการถ่ายภาพจาก ZEISS ด้วยดีไซน์แบบพับได้ ทำให้ vivo X Fold5 รองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ให้ประสบการณ์ความบันเทิงและเล่นเกมได้เต็มอิ่มบนหน้าจอที่ใหญ่กว่าสมาร์ตโฟนทั่วไป ขณะเดียวกัน ยังรองรับการทำงานนอกสถานที่ได้อย่างคล่องตัว ผ่านเครื่องมือมากมายของ AI Smart Office

สรุปแล้ว vivo X Fold5 ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ตโฟนที่มีดีไซน์พรีเมียม ทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน เป็นทั้งแท็บเล็ตและสมาร์ตโฟนในร่างเดียว และมาพร้อมสเปกระดับเรือธง

vivo X Fold5 เปิดตัวให้ผู้ใช้งานชาวไทยได้มาพับอย่างมีคลาสพร้อมกันแล้ววันนี้ ในราคา 59,999 บาท สำหรับรุ่นความจุ 16GB + 512GB วางจำหน่ายที่ vivo Brand Shop ทุกสาขา ช่องทางออนไลน์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พิเศษ! สำหรับผู้ที่จับจองเป็นเจ้าของภายในวันที่ 6 – 31 สิงหาคม 2568 นี้ รับของสมนาคุณมูลค่ารวมสูงสุดกว่า 35,998 บาทไปเลยทันที ได้แก่
- vivo Care ประกันตัวเครื่อง 2 ปี และประกันหน้าจอแตก 2 ปีแรก จำนวน 1 ครั้ง (มูลค่า 34,999 บาท)
- และ เคสสมาร์ตโฟน vivo X Fold5 (มูลค่า 999.-)
นอกจากนี้ยังมีโปรโมชัน “เก่าแลกใหม่” รับส่วนลดเพิ่มจากราคาประเมินสูงสุดถึง 8,000 บาท! อย่าพลาดโอกาสในการเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนจอพับที่ผสานความหรูหราเข้ากับนวัตกรรมสุดล้ำได้อย่างลงตัว พร้อมดีลสุดพิเศษที่จัดมาเพื่อ vivo fans ชาวไทยโดยเฉพาะ
#vivoXFold5 #SoLightSoStrong






