Sunday, November 9, 2025
  • Contact us
Flashfly Dot Net
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
Flashfly Dot Net
No Result
View All Result
Home Feature

รีวิว OPPO Find X9 Pro สมาร์ตโฟนซูมดีทุกคอนเสิร์ต กล้อง Hasselblad ซูมชัด 200MP ซูมไกล 120x Super Zoom แบต 7500mAh

Jackrich T. by Jackrich T.
October 29, 2025
in Feature, NEWS, OPPO, Recommended, Review & Preview
0
SHARES
6.1k
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

OPPO เปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ OPPO Find X9 Series อย่างทางการในประเทศไทย มาพร้อมกัน 2 รุ่นได้แก่ OPPO Find X9 และ OPPO Find X9 Pro ซึ่งแน่นอนว่าในปีนี้รุ่น Pro คือรุ่นที่เราจะมารีวืวให้ชมกัน โดยชูจุดเด่นที่ระบบกล้องหลังคุณภาพสูง ที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad โดดเด่นที่กล้อง Telephoto ความละเอียดสูง 200 ล้านพิกเซล ซูมไกล 120x Super Zoom ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Dimensity 9500 แบตเตอรี่ 7500mAh ชาร์จไว 80W มาพร้อมดีไซน์ใหม่สะท้อนความพรีเมียมในทุกสัมผัส ด้วยขอบหน้าจอบางเฉียบ จับถือถนัดมือ ป้องกันน้ำระดับ IP69 ทำงานบนระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด ColorOS 16 ใหม่ล่าสุดอีกด้วย

สเปก OPPO Find X9 Pro

  • จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz
  • กล้องหลัง 50MP Main + 50MP Ultra Wide + 200MP Telephoto + True Color Camera 
  • กล้องหน้า 50MP Selfie Camera (SS 5KJN5)
  • ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 9500
  • ความจำ RAM LPDDR5X + ROM UFS 4.1 (16GB + 512GB)
  • การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 6.0, NFC, USB Type-C (USB 3.2 Gen 1)
  • ระบุตำแหน่ง GPS (L1+L5), GLONASS (G1), BDS (B1i+B1c+B2a+B2b), Galileo (E1+E5a+E5b), QZSS (L1+L5), NavIC (L5)
  • ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ 3D Ultrasonic 
  • ไมโครโฟน 4 ตัว
  • ระบบปฏิบัติการ ColorOS 16 บนพื้นฐาน Android 16
  • มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP66, IP68 และ IP69
  • แบตเตอรี่ 7500mAh (3rd-Gen OPPO Silicon-Carbon)
  • รองรับชาร์จเร็วแบบใช้สาย 80W SUPERVOOC
  • รองรับชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W AIRVOOC และ 10W Reverse Wireless Charging
  • -ขนาดตัวเครื่อง 161.26 x 76.46 x 8.25 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 224 กรัม 
  • มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Silk White และ Titanium Charcoal

แกะกล่อง OPPO Find X9 Pro

OPPO Find X9 Pro จัดส่งมาในกล่องสีเทาที่เน้นความเรียบง่าย หน้ากล่องระบุชื่อรุ่น Find X9 Pro อย่างชัดเจน เหนือขึ้นไปติดโลโก้ OPPO AI Phone ตอกย้ำความสามารถด้าน AI ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รุ่นก่อนที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว และมีตัวเลข 9 ขนาดใหญ่ วางอยู่บนโลโก้ OPPO คู่โลโก้ Hasselblad ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์ ได้ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ OPPO Find X5 Pro 

หลังจากยกฝากล่องขึ้นมา จะพบกับซองเอกสารสีขาวเป็นอย่างแรก ภายในแถมเคสมาให้ 1 อัน (เป็นเคสสีขาวทึบ สำหรับตัวเครื่อง Silk White) พร้อมด้วยคู่มือ และ ข้อมูลความปลอดภัย ถัดลงมาเป็นชั้นวางสมาร์ตโฟน OPPO Find X9 Pro ซึ่งถูกห่อหุ้มไว้อย่างดี และชั้นล่างสุดของกล่องเป็นช่องเก็บสายชาร์จ (USB-C to USB-A), หัวชาร์จ 80W SUPERVOOC (USB-A Power Adapter) และ เข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด

ดีไซน์เรียบหรู เน้นความสมมาตร จับถือถนัดมือ

OPPO Find X9 Pro ได้รับการพลิกโฉมอีกครั้งเมื่อเทียบกับ OPPO Find X8 Pro ที่เปิดตัวช่วงปลายปีที่แล้ว โดยเฉพาะดีไซน์กล้องหลัง แต่ยังคงให้ความทนทานและมีภาพลักษณ์ที่เรียบหรู ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะนี่คือสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมรุ่นล่าสุดของ OPPO

OPPO Find X9 Pro เปิดตัวในประเทศไทยด้วยสี Silk White และ Titanium Charcoal ซึ่งทีมงาน @flashfly ได้รับตัวเครื่องสีขาว Silk White มารีวิว ประกอบขึ้นอย่างประณีต โดยใช้วัสดุคุณภาพสูง อย่างกรอบโลหะพร้อมฝาหลัง Unibody Glass ที่ขึ้นรูปจากกระจกชิ้นเดียว เชื่อมต่อเลนส์กล้องกับตัวเครื่องอย่างไร้รอยต่อ 

ดีไซน์กล้องหลังของ OPPO Find X9 Pro เปลี่ยนจากกรอบวงกลมมาใช้กรอบสี่เหลี่ยมที่มีมุมโค้งมน และทำมุมโค้งพอดีกับขอบมุมตัวเครื่อง เพื่อให้มีความสมมาตร ภายในประกอบด้วยกล้องหลัง 3 ตัว รวมถึง True Color Camera และโลโก้ H (Hasselblad) ส่วนแฟลช LED วางอยู่นอกกรอบ

ด้านหน้าเป็นพื้นที่ของจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว โดยมีพื้นที่ขอบจอบางเฉียบ 1.15 มิลลิเมตร และบางเท่ากันรอบด้าน พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ 3D Ultrasonic ไว้บนหน้าจอ และซ่อนกล้องหน้าความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล ไว้ที่บริเวณกึ่งกลางแถวบนของจอแสดงผล

ขอบด้านข้างมีความบาง 8.25 มิลลิเมตร มาพร้อมปุ่มใหม่ Snap Key (ด้านซ้ายมือ) ใช้เป็นปุ่มลัดเปิดฟังก์ชันต่างๆ ที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า เช่น สลับโปรไฟล์เสียง, ไฟฉาย, แปลภาษา, กล้อง โดยค่าเริ่มต้นถูกกำหนดให้กดครั้งเดียว เพื่อจับภาพหน้าจอ, กดสองครั้งจะเปิดใช้งาน AI Mind Space และ กดค้างไว้เพื่อบันทึกเสียง

อีกข้างมีปุ่มปรับระดับเสียง วางอยู่เหนือปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และยังมีปุ่ม Quick Button มาให้เหมือนเดิม สามารถแตะปุ่ม Quick Button สองครั้งเพื่อเปิดกล้อง แตะครั้งเดียวเพื่อถ่ายภาพ หรือแตะค้างไว้เพื่อถ่ายภาพต่อเนื่อง นอกจากนี้ เมื่อถือใช้งานในแนวนอน ยังสามารถปัดบนปุ่ม Quick Button เพื่อซูมเข้าหรือซูมออกได้อีกด้วย โดยปุ่ม Quick Button ได้รับการปรับปรุงให้มีความแม่นยำมากขึ้น สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวแม้ปัดนิ้วเพียง 0.3 มิลลิเมตร

ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่สอง ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างระหว่างบันทึกเสียง บันทึกวิดีโอ รวมถึงระหว่างใช้งานฟังก์ชันการโทร

ด้านล้างมีช่องลำโพง, ไมโครโฟนแบบคู่, พอร์ต USB-C (USB 3.2 Gen 1) และถาดใส่ซิมการ์ด รองรับ 2 ซิม

นอกจากความสวยงามพรีเมียม OPPO Find X9 Pro ยังถูกสร้างมาให้มีความทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการใช้งานในระยะยาว ผ่านมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำทั้งระดับ IP66, IP68 และ IP69 จึงสามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้อย่างไร้กังวล

จอแสดงผลระดับแถวหน้าของวงการมือถือ

OPPO Find X9 Pro มาพร้อมจอแสดงผลคุณภาพสูงระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ให้ความคมชัดด้วยจอภาพ AMOLED ความลึกสี 10-bit หรือ 1.07 พันล้านสี ครอบคลุมขอบเขตสี 100% DCI-P3 ความละเอียด 2772 x 1272 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 450 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) อัตราส่วนภาพ 20:9 ให้ความสว่างสูงสุด 3600 นิต เมื่อใช้งานกลางแจ้ง หรือ 1800 นิต ในโหมด HBM (ความสว่างทั่วไป 800 นิต) รองรับอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ 1-120Hz สนับสนุน Dolby Vision, HDR10+ และ HDR Vivid

จอแสดงผลของ OPPO Find X9 Pro ปกป้องดวงตาด้วยเทคโนโลยีปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ที่ความถี่สูง 2160Hz (70 นิต หรือต่ำกว่า) และ DC Dimming (ที่ความสว่าง 70 นิต ขึ้นไป) รวมถึงผ่านการรับรอง TÜV Rheinland Intelligent Eye Care 5.0 จึงมอบความสบายตาให้กับผู้ใช้งานแม้จ้องหน้าจอในที่แสงน้อย

นอกจากนี้ จอแสดงผลของ OPPO Find X9 Pro ยังรองรับ Splash Touch สามารถควบคุมหน้าจอได้อย่างแม่นยำแม้หน้าจอหรือนิ้วมือเปียกน้ำ พร้อมสนับสนุนฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอด้วยเทคโนโลยี 3D Ultrasonic ที่มีความแม่นยำสูง เชื่อถือได้มากขึ้น 33% ทำงานเร็วขึ้น 35% เมื่อเทียบกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบออปติคัล

ระบบกล้อง Hasselblad Master

ระบบกล้องหลังเป็นจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ OPPO Find X9 Pro ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกับแบรนด์กล้อง Hasselblad อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ OPPO Find X5 Pro ที่เปิดตัวในปี 2022 จนมาถึงรุ่นล่าสุดอย่าง OPPO Find X9 Pro ที่มีการยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto จับคู่กับกล้องหลัก Ultra XDR และกล้อง Ultra Wide เสริมด้วยกล้อง True Color ทำให้ภาพถ่ายมีสีสันคมชัดสมจริงมากยิ่งขึ้น

กล้อง Telephoto แบบ Periscope ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL HP5 ขนาด 1/1.56” รูรับแสง f/2.1 ระยะโฟกัสเทียบเท่า 70 มม. มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS รองรับซูมออปติคัลสูงสุด 3 เท่า ซูมแบบไร้การสูญเสีย 13.2 เท่า ซูมดิจิทัลสูงสุด 120 เท่า สามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด 200 ล้านพิกเซล ด้วยโหมด Hasselblad Hi-Res อีกทั้งยังใช้ดีไซน์เลนส์แบบ Floating focus ทำให้สามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุด 10 เซนติเมตร 

กล้องหลัก 50MP Ultra XDR ใช้เซ็นเซอร์ LYT-828 ขนาด 1/1.28” จาก Sony ชุดเลนส์ 7 ชิ้น รูรับแสง f/1.5 สามารถจับแสงได้มากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ระยะโฟกัสเทียบเท่า 23 มม. และมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS ขณะเดียวกันเซ็นเซอร์ LYT-828 ยังมาพร้อมระบบถ่ายภาพซ้อนแบบเรียลไทม์ 3 ระดับ ช่วยรักษารายละเอียดในส่วนเงา ไฮไลท์ และโทนกลาง ทำให้ได้ช่วงไดนามิกถึง 17 สต็อป ซึ่งเหนือกว่าเซ็นเซอร์ขนาด 1 นิ้ว

กล้อง 50MP Ultra Wide ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL JN5 ขนาด 1/2.75’’ รูรับแสง f/2.0 ระยะโฟกัสเทียบเท่า 15 มม. รองรับระบบออโต้โฟกัส ให้มุมมองภาพ 120 องศา 

กล้อง True Color ใช้เซ็นเซอร์สเปกตรัมหลายช่องสัญญาณ 2 ล้านพิกเซล ช่วยวัดความแปรผันของอุณหภูมิสีในโซนต่างๆ อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะการถ่ายภาพในฉากที่มีสภาพแสงท้าทาย เช่น บริเวณที่มีแสงน้อยในเวลากลางคืนและอยู่ภายใต้แสงนีออน กล้อง True Color จะช่วยฟื้นฟูสีสันให้กลับมาสดใสได้อย่างแม่นยำสมจริง

เข้ามาในแอปกล้องของ OPPO Find X9 Pro จะพบกับโหมด Master, Video, Photo, Portrait, Hasselblad Hi-Res, Night, Panorama, Pro Video, Slo-mo, Time-lapse, Long Exposure, Dual-view Video, Underwater, Sticker, Text Scanner, Doc Scanner, XPAN และ Hasselblad Teleconverter (ใช้งานร่วมกับชุดเลนส์เสริม OPPO Hasselblad)

โหมด Photo รองรับการซูมในช่วง 0.6x, 1x, 2x, 3x, 6x จนสูงสุด 120x เมื่อแตะที่ชื่อโหมด Photo (เหนือปุ่มชัตเตอร์) จะพบกับฟีเจอร์ Smart scenes ซึ่งมีให้เลือก 3 โหมด ได้แก่ Stage (สำหรับถ่ายภาพคอนเสิร์ตหรือการแสดงบนเวที), Silhouette (สำหรับถ่ายภาพเงาเบื้องหน้าฉาก) และ Fireworks (สำหรับถ่ายภาพดอกไม้ไฟ)

โหมด Photo ยังมีฟีเจอร์ Soft light (ไอคอนวงกลม) ช่วยสร้างเอฟเฟกต์แสงที่มีความนุ่มนวล เลือกได้ 3 สไตล์ ได้แก่ Misty, Glowy และ Dreamy 

ถัดลงมาเป็นไอคอน Filters มีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้มากมาย เช่น Neon, Cold Flash, Warm flash, Fresh, Emerald และ Clear 

  • Neon เป็นฟิลเตอร์ใหม่ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในยามค่ำคืนที่มีแสงไฟนีออน ไม่ว่าจะอยู่ในห้องหรือท้องถนน ฟิลเตอร์ Neon จะช่วยคืนความสว่างให้ภาพถ่ายอย่างเป็นธรรมชาติ
  • Cold Flash เป็นอีกฟิลเตอร์ที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในเวลากลางคืน โดยเน้นถ่ายภาพพอร์ตเทรตขณะเดินเล่นริมถนน หรือ อยู่ในร้านอาหาร ทำให้ฉากหลังมืดลง เพื่อให้ตัวแบบสว่างโดดเด่น
  • ฟิลเตอร์ Warm flash คล้ายกับ Cold Flash แต่จะได้ภาพถ่ายพอร์ตเทรตที่มีโทนสีอุ่นกว่า

ไอคอนใบหน้าเป็นฟีเจอร์ Retouch สำหรับปรับแต่งความงามบนใบหน้า 

โหมด Portrait ถือเป็นไฮไลท์ของ OPPO Find X9 Pro เพราะมาพร้อมกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto สามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ให้เอฟเฟกต์โบเก้ระดับมืออาชีพ เทียบเท่าเลนส์ Hasselblad XCD 30mm เมื่อถ่ายภาพที่ระยะ 1x หรือ 65mm ที่ระยะ 2x และ เทียบเท่าเลนส์ Hasselblad XCD 90V ที่ระยะ 3x อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Soft light ได้รับฟิลเตอร์ใหม่ๆ และฟีเจอร์ Retouch แบบเดียวกับโหมด Photo

โหมด Hasselblad Hi-Res รองรับการถ่ายภาพความละเอียดสูง 200 ล้านพิกเซล โดยค่าเริ่มต้นกำหนดไว้ที่ 50 ล้านพิกเซล ผู้ใช้งานต้องสลับไปยังโหมด 200 ล้านพิกเซล ที่ไอคอนความละเอียด 200MP (แถบเครื่องมือด้านบน) เมื่อเลือกโหมด 200MP สามารถซูมได้ที่ระยะ 3x หรือ 70mm เท่านั้น แต่ในโหมด 50MP จะสามารถซูมได้ที่ระยะ 0.6x, 1x และ 3x 

แน่นอนว่ายิ่งถ่ายโหมดความะเอียดสูงจะยิ่งใช้เวลาในการประมวลผลนานขึ้นโดยขนาดไฟล์ที่ได้ต่อรูปราวๆ 30MB ถึง 50MB เลยทีเดียว ถ้าลดความละเอียดลงมาที่ 50MP ขนาดไฟล์จะประมาณ 10MB – 20MB

ในโหมดนี้ยังรองรับฟีเจอร์ Motion Photo ที่ความละเอียดสูงถึง 4K คมกริบแบบสุดๆอีกด้วย

โหมด Video รองรับการซูมในช่วง 0.6x, 1x, 2x, 3x, 6x จนสูงสุด 10x สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้ และมีฟีเจอร์ Filters รวมถึง Retouch แบบเดียวกับโหมด Photo แถบเครื่องมือด้านบนมีไอคอนสำหรับปรับค่าชดเชยแสง EV, โหมด HDR (Dolby Vision) และสามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที

โหมด Master ช่วยยกระดับการถ่ายภาพให้ผู้ใช้งานทั่วไปกลายเป็นช่างภาพมืออาชีพได้ง่ายๆ ด้วยโหมด Auto หรือสลับเป็นโหมด Pro เพื่อปรับการตั้งค่ากล้องอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นความไวแสง ISO, ความเร็วชัตเตอร์, ค่าชดเชยแสง EV, การโฟกัส และ สมดุลสีขาว เมื่อแตะที่ไอคอนรูปสี่เหลี่ยมซ้อนกัน จะเข้าสู่การปรับแต่งเอฟเฟกต์สี มีทั้งการปรับแต่งคอนทราสต์ ความอิ่มตัวของสี, อุณหภูมิสี, โทนสีฟ้า/ม่วง, ความคมชัด และ Vignette (ทำให้ขอบภาพมืดลงหรือสว่างขึ้น) สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการบันทึกภาพถ่ายในรูปแบบ RAW จะมีไอคอนให้สลับกับรูปแบบไฟล์ JPG ที่แถบเครื่องมือด้านบน 

โหมด XPan ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องฟิล์มของ Hasselblad เหมาะสำหรับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ตามธรรมชาติ ถ่ายภาพแนวสตรีท รวมไปถึงถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ให้อารมณ์เหมือนฉากในภาพยนตร์ ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การถ่ายภาพจากแบรนด์กล้องระดับโลก ด้วยอัตราส่วนภาพ 65:24 รองรับการซูมได้ที่ระยะ 0.6x, 1x, 2x, 3x พร้อมด้วยฟิลเตอร์ B&W, Fresh, Emerald, Clear และ Neon

โหมด Underwater สำหรับการถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอใต้น้ำ (OPPO Find X9 Pro ป้องกันน้ำระดับสูงสุด IPX8 + IPX9) ผู้ใช้งานสามารถควบคุมกล้องด้วยปุ่มกดด้านข้าง เช่น กดปุ่มเพิ่มเสียงหรือปุ่ม Quick Button เพื่อถ่ายรูป, กดปุ่มลดระดับเสียงเพื่อบันทึกวิดีโอ และ กดปุ่มเพาเวอร์เพื่อปิดหน้าจอ ถ้ากดค้างไว้จะออกจากโหมด Underwater พร้อมไล่น้ำออกจากตัวเครื่องอย่างรวดเร็ว 

LUMO Imaging Engine

นอกจากโมดูลกล้องคุณภาพสูง OPPO Find X9 Pro ยังมาพร้อม LUMO Imaging Engine ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ OPPO ช่วยยกระดับคุณภาพภาพถ่ายด้วยการออกแบบกระบวนการประมวลผลภาพ (Imaging Pipeline) ซึ่งพัฒนาร่วมกับ MediaTek และ Sony โดยถ่ายโอนขั้นตอนการประมวลผลหลักจากเซ็นเซอร์กล้องไปยังชิปประมวลผล ส่งผลให้  OPPO Find X9 Pro สามารถถ่ายวิดีโอได้ยาวนานขึ้น โดยไม่ทำให้ตัวเครื่องร้อนเกินไป และใช้พลังงานลดลงถึง 50%

LUMO Imaging Engine มี 3 องค์ประกอบหลักที่สำคัญ ได้แก่…

  • AI Denoise และ AI Demosaic ใช้โมเดลที่ผ่านการฝึกอบรมด้วย AI เพื่อกำจัดนอยซ์อย่างชาญฉลาด ส่งผลให้การลดนอยซ์และรายละเอียดของภาพดีขึ้นอย่างมาก
  • HyperTone Image Engine รักษาความสมบูรณ์ของภาพโดยแสดงไฮไลท์และเงาด้วยโทนสีธรรมชาติ ช่วยป้องกันไม่ให้ภาพถ่ายดูเหมือนถูกปรับแต่งด้วยซอฟต์แวร์มากเกินไป
  • Lightning Snap Engine สามารถจับภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวได้อย่าง โดยถ่ายภาพได้สูงสุด 10 ภาพต่อวินาที พร้อมลดความเบลอจากการเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด

LUMO Imaging Engine ยังมาพร้อมเทคโนโลยี RAW Multi-Frame Fusion ที่รวมหลายเฟรมความละเอียดสูง ช่วยให้ได้รายละเอียดและพื้นผิวที่คมชัดยิ่งขึ้น ขณะที่ Low-Light Denoising ช่วยลดนอยส์ในสภาพแสงน้อยอย่างมีประสิทธิภาพ และ True-to-Life Color ช่วยเก็บสีสันได้อย่างแม่นยำและสมจริงเป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ LUMO Imaging Engine ยังทำให้ OPPO Find X9 Pro เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกในโลกที่สามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซล โดยอัตโนมัติ (กล้องหลังทั้ง 3 ตัว ถูกกำหนดค่าเริ่มต้นให้ถ่ายภาพ 50 ล้านพิกเซล) มอบความคมชัดระดับ 8K สูงกว่าคู่แข่งที่ใช้เทคโนโลยีรวมพิกเซล (Pixel Binning) ทำให้ภาพถ่าย 50 ล้านพิกเซล จาก OPPO Find X9 Pro มีรายละเอียดคมชัดแม้ถูก Crop

กล้องหน้า 50MP Selfie Camera 

กล้องหน้าของ OPPO Find X9 Pro ติดตั้งไว้ในหลุมบนหน้าจอ โดยมีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Samsung 5KJN5 ขนาด 1/2.75” ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 21 มม. รูรับแสง f/2.0 ชุดเลนส์ 5P รองรับระบบออโต้โฟกัส สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล ด้วยโหมด Hasselblad Hi-Res

โหมด Photo ของกล้องหน้าซูมได้ 3 ระยะ 0.8x, 1x และ 2x ได้รับฟิลเตอร์ใหม่แบบเดียวกับกล้องหลัง ไม่ว่าจะเป็น Neon, Fresh, Emerald, Clear ขณะที่ฟีเจอร์ Retouch สามารถปรับแต่งความงามบนใบหน้าได้อย่างละเอียดตามโซนต่างๆ ของใบหน้า 

โหมด Portrait ซูมได้ 2 ระยะ 0.8x และ 1x พร้อมฟีเจอร์ Soft Light ที่มีให้เลือก 3 แบบ Misty, Glowy และ Dreamy นอกจากนี้ ฟิลเตอร์ใหม่ๆ อย่าง Neon, Fresh, Emerald, Clear รวมถึงฟีเจอร์ Retouch ก็ปรับแต่งได้อย่างละเอียด

โหมด Video ของกล้องหน้าซูมได้ 3 ระยะ 0.8x, 1x และ 2x สามารถบันทึกที่ความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มีฟีเจอร์ Filters และ Retouch ก็ใช้งานได้เหมือนโหมด Photo

ตัวอย่างภาพถ่าย

ตัวอย่างภาพถ่ายซูม 120x

ชุดเลนส์เสริม OPPO Hasselblad

OPPO Find X9 Pro มาพร้อมชุดเลนส์เสริม OPPO Hasselblad ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกล้อง Telephoto โดยใช้โครงสร้างเลนส์ Kepler ประกอบด้วยชิ้นเลนส์แก้วทรงกลมทั้งหมด 13 ชิ้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม พร้อมเลนส์แก้วพิเศษ Extra-low Dispersion อีก 3 ชิ้น ช่วยลดความเพี้ยนของแสงและสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ คืนความแม่นยำของโทนสีให้สมจริงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเคลือบผิวเลนส์ด้วย PVD Low-reflection ถึง 9 ชั้น ลดแสงสะท้อนจากแสงย้อนและคงรูรับแสงกว้างของเลนส์ Telephoto ไว้ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ได้ภาพที่คมชัด สีสันเที่ยงตรง และมีเอกลักษณ์ในแบบฉบับของ Hasselblad

ชิปเรือธง Dimensity 9500 มีระบบระบายความร้อน

OPPO Find X9 Pro ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Dimensity 9500 ของ MediaTek ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดืิอนกันยายนที่ผ่านมา ถูกสร้างขึ้นบนกระบวนการ 3 นาโนเมตร ของ TSMC ใช้สถาปัตยกรรมซีพียู All Big Core รุ่นที่ 3 ประกอบด้วย Ultra Core ความเร็ว 4.21GHz, Premium Core (3-core) และ Performance Core (4-core) มอบประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงสุด 32% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 55% ด้านกราฟิกมาพร้อม GPU Arm G1-Ultra มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงสุด 33% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 42% ส่วน NPU ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงสุด 111% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 56%

นอกจากใช้ชิปเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ MediaTek ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อน  Vapor Chamber ที่ผสมผสานวัสดุขั้นสูงหลายชนิดเข้าด้วยกัน รวมถึงตาข่ายสแตนเลสสตีลบางพิเศษ 0.025 มิลลิเมตร ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่  36,344.4 ตารางมิลลิเมตร ใหญ่กว่ารุ่นก่อนถึง 33.7% ทำให้ OPPO Find X9 Pro สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดีขึ้น สามารถใช้งานหนักๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ถ่ายวิดีโอระดับ 4K ได้ยาวนานขึ้น

จากการทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องด้วย AnTutTu Benchmark ทำไปได้สูงกว่า 3.4 ล้านคะแนนเลยทีเดียว เรียกได้ว่าแรงแบบไม่เกรงใจใคร ใช้งานไปได้ยาวๆหลายปีได้อย่างหายห่วง

Trinity Engine

OPPO ทำงานร่วมกับ MediaTek อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับแต่ง Trinity Engine สำหรับชิป Dimensity 9500 ช่วยปรับปรุงการจัดการทรัพยากรในระดับชิป ให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่สูงอย่างต่อเนื่องและประสิทธิภาพพลังงานที่เหนือกว่า โดยใช้ 4 เทคโนโลยีหลักได้แก่

การซิงค์เฟรมไดนามิกส์ระดับชิป (Chip-level Dynamic Frame Sync) การติดตามความต้องการการเรนเดอร์ของระบบแบบเรียลไทม์ และการกระจายพลังการประมวลผลอย่างชาญฉลาด ส่งผลให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 37% ในสถานการณ์ที่มีความเครียดสูง (High-stress scenarios) 

การประมวลผลพลังงานแบบรวม (Integrated Power Modeling) สร้างแบบจำลองการประมวลผลแบบเต็มรูปแบบในระดับระบบสำหรับ CPU, GPU และ DSU เพื่อให้ได้ความแม่นยำมากกว่า 90% ในการคาดการณ์การใช้พลังงาน

ตัวกำหนดตารางการทำงานแบบตั้งโปรแกรมได้ของ OPPO (Programmable Scheduler) ลดความซ้ำซ้อนของคำสั่งได้มากถึง 29.6% ช่วยลดการใช้พลังงานลง 15.65% ในสถานการณ์การเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

เซ็นเซอร์ Offload ใช้ประโยชน์จากชิปเซ็ต Dimensity 9500 เพื่อจัดการงานหนักๆ ที่โดยปกติแล้วถูกจัดการโดยเซ็นเซอร์ภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ใช้พลังงานน้อยลง 16.1% ในระหว่างการบันทึกวิดีโอ 4K HDR ที่ 60 เฟรมต่อวินาที 

แบตใหญ่ 7500mAh ชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC 

OPPO Find X9 Pro ได้รับการปรับปรุงแบตเตอรี่อย่างก้าวกระโดด โดยใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ Silicon-Carbon รุ่นที่ 3 ของ OPPO ประกอบด้วย Silicon 15% ซึ่งสามารถเพิ่มความจุได้ถึง 7500mAh โดยยังคงรักษาความบางของตัวเครื่องไว้ที่ 8.25 มิลลิเมตร ขณะที่ OPPO Find X8 Pro มีความจุแบตเตอรี่ 5910mAh 

ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7500mAh ทำให้ OPPO Find X9 Pro รองรับการใช้งานได้ยาวนานข้ามวัน อีกทั้งยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC แถมหัวชาร์จมาให้แล้วในกล่อง และยังรองรับชาร์จเร็วสูงสุด 55W ด้วยอุปกรณ์ PD จากผู้ผลิตรายอื่น นอกจากนี้ ยังรองรับชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W AIRVOOC และ 10W Reverse Wireless Charging 

ถึงแม้จะชาร์จเร็วสูงสุด 80W แต่แบตเตอรี่ของ OPPO Find X9 Pro ก็ได้รับการออกแบบมาให้สามารถรักษาความจุในระดับสูง 80% แม้ผ่านการใช้งานไปแล้ว 5 ปี หมายความว่า OPPO Find X9 Pro รองรับการใช้งานในระยะยาวอย่างน้อย 5 ปี ก่อนที่แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพ

ColorOS 16 ใหม่ล่าสุด

OPPO Find X9 Pro ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 16 ครอบทับด้วย ColorOS 16 ซึ่งได้รับการพัฒนาให้ทำงานได้ลื่นไหลและฉลาดยิ่งขึ้น พร้อมด้วยฟีเจอร์ AI มากมาย ที่ช่วยให้การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันราบรื่นยิ่งขึ้น และเพิ่มความมั่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดกว่าเดิม

ระบบปฏิบัติการ ColorOS 16 มาพร้อม AI Mind Space ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถบันทึกข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็วในคลิกเดียว ทุกความทรงจำจะถูกจัดระเบียบอย่างชาญฉลาด เพื่อการใช้งานที่ง่ายและรวดเร็ว โดยระบบจะตรวจจับ วิเคราะห์ และจัดเก็บข้อมูลโดยอัตโนมัติ พร้อมให้ผู้ใช้งานเรียกดูหรือถามคำถามกับ Gemini ได้ทันที  ไม่ว่าจะเป็นบทความ ย่อหน้า รูปภาพ หรือเสียง 

ColorOS 16 ยังมาพร้อมชุดเครื่องมือแก้ไขภาพ AI Portrait Glow ช่วยปรับแต่งภาพถ่ายพอร์ตเทรตได้ง่ายในคลิกเดียว โดยใช้เทคโนโลยีการปรับแต่งโทนสีผิวขั้นสูง ไม่ว่าจะถ่ายในสภาวะแสงน้อย แสงย้อน หรือแสงจ้า ก็ให้โทนผิวสวยเป็นธรรมชาติ พร้อมโหมดไฟหลากหลาย เช่น Natural Light, Flash, Studio, Rim Light และ Base Light 

นอกจากนี้ ColorOS 16 อีกทั้งยังนำ AI มาช่วยปรับปรังเครื่องมือตัดต่อวิดีโออีกด้วย ตั้งแต่การตัดต่อคลิป การเปลี่ยนความเร็วในการเล่น การเพิ่มเพลง การครอปเฟรม และ การใส่ข้อความหรือฟิลเตอร์ ผู้ใช้ยังสามารถปรับค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ได้อย่างละเอียด เช่น คอนทราสต์ความสว่าง และ ความอิ่มตัวของสี

สรุปราคาและการจำหน่าย

เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่ดีที่สุดในปี 2025 สำหรับ OPPO Find X9 Pro ที่จัดเต็มด้วยระบบกล้องหลังคุณภาพสูงจาก Hasselblad โดยเฉพาะกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto รองรับการซูมออปติคัล 3 เท่า ซูมดิจิทัลสูงสุด 120 เท่า เหมาะสำหรับการถ่ายภาพระยะไกล ไม่ว่าจะอยู่ในงานคอนเสิร์ต หรือ เก็บความสวยงามของธรรมชาติ อีกทั้งยังปรับปรุงการถ่ายภาพพอร์ตเทรตให้ดีขึ้นในทุกสภาพแสง และบันทึกวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที โดยมีประสิทธิภาพระดับเรือธงจากขุมพลังใหม่ของ MediaTek และมีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ จึงรองรับการใช้งานได้ยาวนาน ทำให้ OPPO Find X9 Pro เป็นเรือธงที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้รอบด้าน ไม่ว่าจะดีไซน์ การถ่ายภาพ และ ประสิทธิภาพ

ดย OPPO Find X9 Pro มาพร้อมความจุ 16+512GB ใน 2 สี ได้แก่ สีขาว Silk White และสีเทา Titanium Charcoal ในราคา 42,999 บาท ส่วน OPPO Find X9 มีให้เลือกสองรุ่นความจุ 12+256GB และ 16+512GB พร้อมมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา Titanium Grey และสีดำ Space Black ราคาเริ่มต้นที่ 29,999 บาท เปิดจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศ ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษช่วงเปิดตัว

สำหรับลูกค้าที่จองเครื่องในช่วงวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ถึง วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 และรับเครื่องภายในวันที่กําหนด จะได้รับของสมนาคุณพิเศษมูลค่าสูงสุด 28,347 บาท ดังนี้ 

  • E-VIP Card ประกันจอแตกจํานวน 1 ครั้ง ภายในระยะเวลา 2 ปี (นับจากวันที่รับเครื่อง ผลบังคับใช้ 2 ปี) 
  • OPPO Enco X3s หรือ OPPO Enco Air4 Pro 
  • Google AI Pro ฟรี 3 เดือน 
  • Light Luxury Magnetic Case  

พร้อมทั้งบริการ Premium Service 180 Days Replacement Service หรือ เปลี่ยนเครื่องใหม่ 1 ครั้ง ภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันที่รับเครื่อง หากเครื่องเกิดความเสียหายภายใต้เงื่อนไขการรับประกัน ลูกค้าสามารถใช้สิทธินี้เปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ฟรี 1 ครั้ง 

และสามารถเป็นเจ้าของ OPPO Find X9 Series ได้ง่ายมากขึ้นด้วยโปรโมชั่นมากมายดังต่อไปนี้

  1. เป็นเจ้าของ OPPO Find X9 Series ได้ง่ายกว่าที่เคยด้วย SG Finance+ดาวน์เริ่มต้น 0% ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
  2. พิเศษสำหรับผู้ที่สนใจ OPPO Find X9 Series เป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย UFUND ดาวน์เริ่มต้น 0 บาท ผ่อนสบายสูงสุด 48 เดือน ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
  3. สำหรับลูกค้าที่จองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย AIS และ True-dtac จะได้รับส่วนลดสูงสุด 11,000 บาท 
  4. สามารถนำเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ผ่านโปรแกรม Trade up เพื่อรับส่วนลดสูงสุด 10,000 บาท 

สำหรับลูกค้าที่สนใจชุดเลนส์เสริม OPPO Hasselblad จัดจำหน่ายในราคา 6,999 บาท สามารถใช้ได้กับ OPPO Find X9 Pro เท่านั้น โดยจะมีจำหน่ายเฉพาะ OPPO Brand Shop บางสาขา และช่องทางออนไลน์ OPPO Official เท่านั้น

#OPPOFindX9SeriesTH #ซูมดีทุกคอนเสิร์ต #กล้องHasselbladซูมชัด200MP






Tags: OPPOOPPO Find X9 ProReviewสมาร์ตโฟนซูมดีทุกคอนเสิร์ต
ShareTweetShare

Related Posts

เผยสเปก OPPO Reno15 Series ก่อนเปิดตัวทางการ 10 พฤศจิกายนนี้
NEWS

เผยสเปก OPPO Reno15 Series ก่อนเปิดตัวทางการ 10 พฤศจิกายนนี้

November 7, 2025
OPPO Reno14 และ Reno14 Pro เปิดตัวแล้ว มาพร้อมชิปรุ่นใหม่ของ MediaTek กันน้ำ IP69 แบตเตอรี่ขนาดใหญ่
NEWS

OPPO Reno15 จะใช้ชิป Dimensity 8450 แรม 16GB อ้างอิงจากแอป Geekbench

November 4, 2025
หลุดสเปก OPPO Find N6 ขนาดหน้าจอ ระบบกล้อง ดีไซน์บางเบากว่าเดิม
NEWS

หลุดสเปก OPPO Find N6 ขนาดหน้าจอ ระบบกล้อง ดีไซน์บางเบากว่าเดิม

November 1, 2025
Load More
  • ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    356 shares
    Share 0 Tweet 0
  • วาร์ปสู่โลกใหม่!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy S24 Series ครบทุกรุ่นทุกสี พร้อมใช้งาน Galaxy AI สุดล้ำ

    101 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy Tab A9+ แท็บเล็ตสุดคุ้มจอ 11 นิ้วรีเฟรช 90Hz ใช้ชิป Snapdragon 695 รองรับ 5G ระบบเสียง Dolby Atmos ราคา 8,990 บาท

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy S23 FE มาอย่างพี๊คคค สเปกแฟล็กชิป ในราคาเป็นมิตร จอ 120Hz กล้องหลัง 3 ตัว 50MP ซูม 3x คมกริบ แบต 4,500mAh

    502 shares
    Share 0 Tweet 0
  • เปรียบเทียบ 2 เรือธงแห่งปี Galaxy S25 Ultra vs iPhone 17 Pro Max

    0 shares
    Share 0 Tweet 0

Browse by Category

  • AIS
  • Android
  • App Free
  • BlackBerry 10
  • dtac
  • EV Car
  • Feature
  • Flashfly Online Channel
  • Games
  • iPhone
  • Lifestyle
  • NEWS
  • Nintendo
  • Nokia
  • OPPO
  • Playstation
  • PR News
  • Recommended
  • Review & Preview
  • Samsung
  • Smartphone
  • Tips&Tricks
  • Truemove H
  • Windows Phone

Recent News

iPhone 17 Pro ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ หลังจากจมอยู่ใต้โคลนนาน 3 วัน จากเหตุน้ำท่วมฉับพลัน

iPhone 17 Pro ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ หลังจากจมอยู่ใต้โคลนนาน 3 วัน จากเหตุน้ำท่วมฉับพลัน

November 9, 2025
SanDisk Extreme Fit USB-C แฟลชไดรฟ์ความจุ 1TB ขนาดเล็กที่สุดในโลก ราคาเริ่มต้นราว 590 บาท

SanDisk Extreme Fit USB-C แฟลชไดรฟ์ความจุ 1TB ขนาดเล็กที่สุดในโลก ราคาเริ่มต้นราว 590 บาท

November 9, 2025
  • About
  • Advertise
  • Privacy & Policy
  • Contact

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');

No Result
View All Result
  • NEWS
  • Review & Preview
  • iPhone
  • Android
  • Smartphone
  • Games

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');