AMD เปิดตัว Discovery Project ลูกผสมระหว่างแท็บเล็ต-เกมคอนโทรลเลอร์

AMD ขนทัพเทคโนโลยีล่าสุดที่เป็นหนึ่งเดียว เพื่อมาจัดแสดงให้กับผู้ชมงาน ซึ่งรวมถึงผู้นำด้านเทคโนโลยีจากทั่วโลก โดยผู้เยี่ยมชมบูธของ AMD จะได้เพลิดเพลินไปกับเทคโนโลยีสุดล้ำมากมาย ซึ่งขับเคลื่อนการทำงานด้วยเทคโนโลหน่วยเร่งการประมวลผล (APU) และชิปกราฟฟิกล่าสุดของ AMD ตื่นตาตื่นใจไปกับจอแสดงผลที่มีความคมชัดระดับ 4K หรือให้ภาพความละเอียดสูงกว่าจอทีวีความละเอียดสูงถึง 4 เท่า เล่นเกมบนหลากหลายอุปกรณ์พกพา รวมถึงแท็บเล็ต และเครื่องเล่นเกมพกพก (game consoles) รุ่นล่าสุด คอมพิวเตอร์พีซีรุ่นใหม่ที่เป็นมิตรกับผู้บริโภค สนับสนุนทั้งแอพพลิเคชั่นบนแอนดรอย์ของกูเกิลและวินโดว์สของไมโครซอฟท์

ไฮไลท์เด่นสุดของการแสดงเทคโนโลยีในบูธก็คือการสาธิตเทคโนโลยี “Surround House 2: Monsters in the Orchestra” ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่หน่วยประมวลผลคอมพิวเตอร์จะช่วยในการสร้างเอฟเฟ็กต์เสียงกระหึ่มรอบทิศทาง 360 องศา และการนำเทคโนโลยี AMD เข้าไปช่วยให้ใช้ประโยชน์ความสามารถในการประมวลผลคอมพิวเตอร์ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อสร้างสรรค์ความเสมือนจริงยิ่งขึ้น รวมถึงประสบการณ์โต้ตอบกับเทคโนโลยีการแสดงผลภาพและเสียงระดับนี้เป็นครั้งแรกในตลาด

“เราอยู่ในโลกใหม่ที่น่าตื่นเต้น มีคอมพิวเตอร์อยู่ทุกหนแห่ง และมีผลให้เราเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน” ลิซ่า ซู รองประธานบริหารอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจทั่วโลกของเอเอ็มดี กล่าวว่า “AMD ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนานวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนวิสัยทัศน์แห่งยุคที่มีคอมพิวเตอร์อยู่รอบตัว (Surround Computing)’ ครอบคลุมทั้ง การมอบประสบการณ์รับชมภาพได้เสมือนจริง การเล่นเกมที่สมจริงยิ่งขึ้น พัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลยุคอนาคต ขานรับเทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้ง โดยในงาน CES เราจะสร้างคำจำกัดความใหม่ของคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ให้กับลูกค้าและพันธมิตรในระบบนิเวศน์ทางธุรกิจ”

ไฮไลท์จาก AMD ในงาน CES 2014

Kaveri: หน่วยเร่งการประมวลผล (APU) ที่มาพร้อมขุมพลังในการประมวลผลแรงสุดของ AMD โดยเริ่มทำตลาด 2 รุ่น ได้แก่ AMD A10 7860K และ 7700K (ชื่อรหัส “Kaveri”) สำหรับเครื่องเดสก์ทอป พร้อมเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าได้จากผู้สร้างระบบ ที่ได้รับการคัดเลือก ทั้งนี้ “Kaveri” เป็นหน่วยเร่งการประมวลผล (APU) รุ่นแรกของโลก ที่มีการหลอมรวมคุณสมบัติของ Heterogeneous System Architecture (HSA), เทคโนโลยีเสียงรอบทิศทางแบบสมจริง TrueAudio Technology ของ AMD รวมทั้งสนับสนุนประสบการณ์การเล่นเกมแบบเต็มพิกัดด้วย Mantle API ทางด้าน “Kaveri” สำหรับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค คาดว่าจะวางตลาดได้ภายในไตรมาสแรกปีนี้

Discovery Project: หนึ่งในนวัตกรรมเด่นที่คว้ารางวัล CES Innovations Awards ในปีนี้ คือ ผลิตภัณฑ์ลูกผสมระหว่างแท็บเล็ต-เกมคอนโทรลเลอร์ productivity dock หรือ Discovery Project ซึ่งทำงานบนชิป Mullins หน่วยเร่งการประมวลผล (APU) กินไฟต่ำที่กำลังจะออกสู่ตลาดในเร็วๆ นี้ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะแสดงถึงศักยภาพด้านนวัตกรรมของ AMD ได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ผลงานเด่นจาก “Discovery Project” จะจัดแสดงทั้งในส่วนนิทรรศการผลงานนวัตกรรมของงาน CES 2014 และสาธิตการใช้งานที่บูธ AMD

Android OS Experience on Windows: AMD พร้อมทั้ง BlueStacks ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยี ร่วมแถลงความร่วมมือพัฒนาโซลูชั่นใหม่ที่จะนำทุกประสบการณ์ใช้งานแอพพลิเคชั่นบนแอนดรอยด์ ขึ้นมาอยู่ในอุปกรณ์พกพาต่างๆ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ต ผลิตภัณฑ์ลูกผสมระหว่างแท็บเล็ต และโน้ตบุ๊ค (2-in-1s) โน้ตบุ๊ค และเครื่องเดสก์ทอป ทั้งนี้เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากหน่วยเร่งการประมวลผล (APU) ยุคที่ 4 ของ AMD ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โซลูชั่นนี้ จะทำให้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทำงานได้เสมือนจริงภายในโปรแกรมวินโดว์ส ทลายข้อจำกัดเดิมๆ ที่ต้องสลับใช้ระบบปฏิบัติการระบบใดระบบหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มีรูปแบบในการใช้งานใกล้เคียงกับการใช้แอนดรอยด์ สนับสนุนแอพพลิเคชั่นบนแอนดรอยด์ รวมทั้งแบ่งปันไฟล์ข้อมูลได้โดยตรง ช่วยให้แอพพลิเคชั่นบนแอนดรอยด์เข้าถึงไฟล์ที่จัดเก็บไว้ในระบบแฟ้มข้อมูลของวินโดว์สได้

Mantle: เป็นครั้งแรกที่จะมีการสาธิตการเล่นเกมสุดฮิต “Battlefield 4™” จากค่าย DICE ต่อหน้าสาธารณชน โดยจะแสดงผลที่มีมาตรฐานความคมชัดสูงถึงระดับ 4K จากกราฟฟิการ์ดที่มาพร้อมเทคโนโลยี Mantle นอกจากนี้ ผู้เยี่ยมชมบูธของ AMD ยังจะได้สัมผัสกับประสบการณ์จากเกมใหม่ “StarSwarm” ที่มาพร้อมเอนจิ้นใหม่ “Nitrous” จากค่าย Oxide Games ซึ่งขับเคลื่อนความสมจริงด้วย Mantle เช่นกัน

New AMD Radeon™ R9/R7/R5 M200 Series GPUs: AMD ใช้งาน CES ปีนี้ เป็นเวทีเปิดตัว Mobile discrete GPU กราฟิกการ์ดตระกูลใหม่จากเอเอ็มดีโดยมีผลิตภัณฑ์จากคู่ค้า เช่น Alienware, Clevo®, Lenovo และ MSI โดยการ์ดจอใหม่ในตระกูล AMD Radeon R9, R7 และ R5 M200 พัฒนาขึ้นบนสถาปัตยกรรม Graphics Core Next (GCN) ที่ได้รับรางวัลมาแล้วให้พลังการประมวลผลภาพระดับสุดยอด ด้วยคุณภาพความคมชัดอันยอดเยี่ยมที่สนับสนุนโดยเทคโนโลยีของ Mantle API

นวัตกรรมด้านเสียง “Surround House 2: Monsters in the Orchestra” เป็นการนำวิสัยทัศน์ของเอเอ็มดี ในการใช้พลังการประมวลผลคอมพิวเตอร์มาช่วยสร้างเอฟเฟกต์เสียงรอบทิศทางแบบเสมือนจริงอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ทั้งนี้ “Surround House 2: Monsters in the Orchestra” มีการผสมผสานของเสียงเครื่องดนตรีที่บรรเลงในการแสดงเพลงในอัลบั้มของวง Misfit ซึ่งจัดขึ้นในโรงภาพยนตร์หลังคาทรงโดมที่ให้มุมมองรอบทิศทาง 360 องศา ประสบการณ์สมจริงนี้ ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีของ AMD ทั้งปัจจุบันและที่อยู่ระหว่างการพัฒนา รวมถึงเทคโนโลยีที่ใช่การเคลื่อนไหวของร่างกายสั่งการ ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ของ HAS ในหน่วยเร่งการประมวลผลรุ่นใหม่ “Kaveri” เทคโนโลยีกราฟฟิกสำหรับอนาคต AMD FirePro™ ที่นำเสนอภาพความละเอียดสูงถึง 14 ล้านพิกเซลผ่านจอฉายภาพ 6 หน้าจอพร้อมกัน ใช้เทคโนโลยี TrueAudio ของ AMD ในการประมวลผล รวมถึงเทคโนโลยี Discrete Digital Multipoint Audio (DDMA)

ทำเนียบขาว : AMD “เราคือตัวจริง (We The Geeks)” ในการเน้นย้ำถึงพันธกิจในโลกเทคโนโลยีวันนี้และอนาคต มาร์ค เปเปอร์มาสเตอร์ รองประธานบริหารอาวุโส และหัวหน้าผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของเอเอ็มดี ได้ร่วมเวทีเสวนาพิเศษในหัวข้อที่ได้รับความนิยมของงานนี้ “เราคือตัวจริง (We The Geeks) : อนาคตของโลกคอมพิวเตอร์” เพื่อค้นหาว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพา จะสามารถผลักดันให้อุปกรณ์เหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับชีวิตประจำวันของทุกคนได้อย่างไร โดยวิทยากรผู้นำการสนทนาบนเวทีนี้ คือ “ทอม คาลิล” รองผู้อำนวยการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ประจำทำเนียบขาว เวทีเสวนานี้ จัดขึ้นในวันพุธที่ 8 มกราคม เวลา 11.00 น. (เวลามาตรฐานแปซิฟิก) ทั้งนี้ “เราคือตัวจริง (We The Geeks)” เป็นซีรี่ย์ใหม่ของ Google+ Hangouts ที่เน้นหัวข้อวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในสหรัฐ และเผยแพร่ผ่าน webcast live ที่ WhiteHouse.gov/WeTheGeeks และ White House Google+ page  พร้อมสนทนาผ่านทวิตเตอร์ได้ที่ #WeTheGeeks.

<iframe src=”//www.facebook.com/plugins/likebox.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fflashfly&amp;width=600&amp;height=258&amp;colorscheme=light&amp;show_faces=true&amp;header=false&amp;stream=false&amp;show_border=true&amp;appId=207805489285466″ scrolling=”no” frameborder=”0″ style=”border:none; overflow:hidden; width:600px; height:258px;” allowTransparency=”true”></iframe>
<a href=”http://twitter.com/flashfly” class=”twitter-follow-button”>Follow @flashfly</a>
<script src=”http://platform.twitter.com/widgets.js” type=”text/javascript”></script>