เมื่อ วันที่ 10 ม.ค. บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า จากกรณีที่วานนี้ (9 ม.ค.) นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ออกมายืนยันว่า DTAC ยังคงให้บริการในประเทศไทยต่อไป และยังจะลงทุนสร้างโครงข่ายใหม่ระบบ 2G และ 3G อย่างต่อเนื่อง แม้ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งล่าสุดไปในจำนวนใกล้เคียงกับกำไรสะสมที่ยัง ไม่จัดสรรของงวด 9M54 โดยให้เหตุผลว่า มีกระแสเงินสดจำนวนมาก และต้องการตอบแทนผู้ถือหุ้นบ้าง นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนในระยะ 3 ปีนี้ คือตั้งแต่ 2555 ด้วยงบลงทุน 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการเข้าประมูลใบอนุญาต การอัพเกรดโครงข่าย 3G HSPA 850 MHz และที่เหลือใช้ติดตั้งสถานีฐาน 2.1 GHz อีกทั้ง DTAC ซึ่งได้ตระเตรียมแหล่งเงินทุนไว้แล้ว ขณะที่ปัญหา Network สัญญาณล่ม 3 ครั้ง คือ 21 ธ.ค. 2554 และ 5 ม.ค. 2554 เกิดขึ้นจากการขัดข้องของตัวบรรจุฐานข้อมูลของลูกค้า (HLR) ซึ่งเกิดระหว่างการย้ายระบบฐานข้อมูล และการโอนถ่ายลูกค้าจากระบบเดิมไปสู่ระบบใหม่
ทั้งนี้ ได้สั่งให้ฝ่ายวิศวกรของบริษัทหยุดการโอนถ่ายฐานข้อมูล 4-6 สัปดาห์ และเพิ่มหน่วยความจำ HLR จากเดิมเป็น 2 เท่า ส่วนวันที่ 8 ม.ค. 2555 เกิดจากเครื่อข่ายเคเบิลใยแก้วของ DTAC รับความเสียหายจากเหตุรถบรรทุกเกิดอุบัติเหตุที่ จ.เพชรบุรี และปราณบุรี ส่งผลให้ไฟลุกไหม้เสาสัญญาณ ทำให้สัญญาณในภาคใต้ล่ม ซึ่งได้ใช้เวลาแก้ไข 2 ชม. ปัญหาสัญญาณล่มในเวลาที่ใกล้เคียงกันถึง 3 ครั้ง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการ ทำให้ DTAC ต้องใช้เวลาในการเรียกความมั่นใจในคุณภาพการให้บริการลูกค้ากลับคืนมา
ขณะ ที่การยืนยันของผู้บริหารของ DTAC ที่จะยังคงให้บริการในประเทศต่อไป สอดคล้องกับความเห็นของฝ่ายวิจัย เนื่องจาก DTAC มีฐานลูกค้าจำนวนมากถึง 23 ล้านเลขหมาย และมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเข้ามาปีละไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท จึงไม่มีปัญหาในการระดมเงินกู้มาเพื่อขยายกิจการ ขณะที่ในปี 2555 คาดกำไรสุทธิจะมีแนวโน้มทรงตัวจากปี 2554 แม้ DTAC ต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้ CAT เพิ่มจาก 25% เป็น 30% มีผลตั้งแต่ 16 ก.ย. 2554 แต่คาดจะได้รับการชดเชยจากจำนวนสมาชิก และรายได้บริการ Non-Voice ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตตามกระแสสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรุ่นใหม่
รวม ทั้งยังได้รับประโยชน์จากการปรับลดฐานอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล จากอัตรา 30% เหลือ 23% ในปี 2555 ประกอบกับราคาหุ้นปัจจุบัน ได้ปรับตัวลดลงมา สะท้อนเงินปันผลที่ได้จ่ายออกมาจำนวนมากถึง 16.46 บาทต่อหุ้นแล้ว จนราคาปัจจุบันมี Upside ถึง 21% จากมูลค่าพื้นฐานหุ้น หลัง XD ที่ 82.60 บาท บวกกับ DTAC ยังมีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่สดใส และพร้อมที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังได้รับใบอนุญาตใหม่ 3G อีกทั้งเงินปันผลปี 2555 ยังจูงใจ โดยคาด Div Yield ปี 2555 สูงถึง 7.4% จึงยืนยันซื้อ
ที่มา – thairath







