iPhone รุ่นถัดไปที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ถูกอ้างว่าจะมีด้วยกัน 4 รุ่น และทั้งหมดจะสนับสนุนเทคโนโลยี 5G โดยใช้ชิปโมเด็ม 5G ของ Qualcomm อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี 5G มีความแตกต่างกันตามคลื่นความถี่ที่รองรับ ซึ่งมีทั้ง mmWave และ Sub-6GHz แต่อะไรคือความแตกต่าง?
5G เป็นชื่อเรียกกว้างๆ ของยุคการสื่อสารไร้สาย ที่ปัจจุบันอยู่ในช่วงเริ่มต้นของยุค 5G ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจาก 4G ที่ใช้งานกันมาตั้งแต่ปี 2010 โดยเครือข่าย 5G มี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ mmWave และ Sub-6GHz
mmWave หมายถึง คลื่นความถี่ที่มีความยาวคลื่นในระดับมิลลิเมตร โดยเฉพาะคลื่นความถี่สูงตั้งแต่ 24GHz ถึง 40GHz ส่วน Sub-6GHz หมายถึง ย่านความถี่กลางและความถี่ต่ำ ที่ต่ำกว่า 6GHz โดยย่านความถี่ต่ำอยู่ต่ำกว่า 1GHz ในขณะที่ย่านความถี่กลาง มีตั้งแต่ 3.4GHz ถึง 6GHz
เครือข่าย mmWave มีความเร็วเป็นพิเศษ แต่ส่งสัญญาณได้ประมาณ 1 ช่วงตึกเท่านั้น จึงไม่เหมาะที่จะใช้งานบนพื้นที่ชานเมืองหรือชนบท อีกทั้งสัญญาณ 5G บนเทคโนโลยี mmWave ยังถูกจำกัดถ้าหากมีสิ่งกีดขวาง อย่าง กำแพง ประตู ต้นไม้ จึงต้องใช้เสาจำนวนมาก เพื่อให้สัญญาณครอบคลุม ทำให้มีต้นทุนสูงสำหรับผู้ให้บริการ
mmWave จึงเหมาะสำหรับใช้งานในเขตเมืองที่มีผู้คนหนาแน่น เช่น สนามบิน หรือ สถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ แต่ไม่เหมาะที่จะนำไปใช้ในพื้นที่ชนบทและชานเมือง เนื่องจากมีช่วงไม่เพียงพอ ซึ่งทำให้เทคโนโลยี Sub-6GHz เข้ามารองรับการใช้งาน โดยมีความเร็วกว่า 4G แต่ยังช้ากว่า mmWave อย่างไรก็ตาม Sub-6GHz สามารถส่งสัญญาณได้ไกลกว่า และสามารถเจาะสิ่งกีดขวางได้ดีกว่า จึงมีต้นทุนถูกกว่า
สำหรับ iPhone 12 ถูกลือว่าจะรองรับ 5G บนเทคโนโลยี Sub-6GHz แต่จะมีเฉพาะรุ่น Pro หรือ อาจสงวนไว้เฉพาะ iPhone 12 Pro Max (ขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว) เพียงรุ่นเดียว และคาดว่าจะวางจำหน่ายเฉพาะในสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น เนื่องจากประเทศอื่นๆ ยังไม่มีเครือข่ายสำหรับ mmWave ที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบันนี้
สำหรับความเร็วของ 5G แตกต่างจาก 4G ขนาดไหน? ดูได้จากกราฟด้านล่าง ซึ่งเป็นผลสำรวจในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาจาก OpenSignal
ที่มา – MacRumors
https://www.flashfly.net/wp/313196