ซัมซุง เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างไม่หยุดยั้ง โดยล่าสุดทุ่มเงินกว่า 15 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือชุมชนและประชาชน ที่ประสบอุทกภัยให้ได้รับการเยียวยาทั้งในด้านคุณภาพชีวิตและด้านจิตใจขณะที่ต้องเผชิญกับสภาวะน้ำท่วม จัดแคมเปญใหญ่ “ซัมซุงห่วงใย ช่วยภัยน้ำท่วม” พร้อมส่งมอบ “สถานีเติมสุข” (Samsung Service Stations) ผ่านแนวคิด “เปลี่ยนที่พักพิงให้กลายเป็นบ้านที่อบอุ่น” ให้ศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยน้ำท่วม 3 แห่งครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด พร้อมมอบบริการพิเศษสำหรับผู้ประสบอุทกภัยด้วยบริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าซัมซุงทุกชนิดฟรี และส่วนลดค่าอะไหล่ 50% ถึงสิ้นปีนี้
มร. ชุงโร ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าว “จากวิกฤตการณ์ มหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นครอบคลุมในพื้นที่กว่า 20 จังหวัดทั่วประเทศไทย ส่งผลให้ประชาชนชาวไทยได้รับผลกระทบในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย การคมนาคม ภาวะขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภคและเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก ซัมซุงในฐานะแบรนด์ที่มุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย ภายใต้พันธกิจ “Innovation for Human Development” ที่มุ่งเน้นในการช่วยเหลือและสนับสนุนโครงการเพื่อสังคมมาโดยตลอดได้เล็งเห็นถึงผลกระทบอันเกิดจากความสูญเสียทั้งด้านร่างกาย จิตใจและทรัพย์สินที่ประเมินค่ามิได้ จึงตระหนักเห็นความสำคัญในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจการเยียวยา และรักษาความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อคุณภาพชีวิต ทรัพย์สิน และจิตใจของคนไทย ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “ซัมซุงห่วงใย ช่วยภัยน้ำท่วม” ซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วนที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือชุมชนและประชาชน ที่ประสบอุทกภัยให้ได้รับการเยียวยาทั้งในด้านคุณภาพชีวิตและด้านจิตใจขณะที่ต้องเผชิญกับสภาวะน้ำท่วม รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนที่เครื่องใช้ไฟฟ้าได้รับความเสียหายหลังสภาวะน้ำท่วมบรรเทาลง”
“โดยตลอดระยะเวลา 20 ปีของการดำเนินธุรกิจ ซัมซุงประเทศไทยได้ใช้งบประมาณทั้งหมดรวมกว่า 100 ล้านบาทในการช่วยเหลือและสนับสนุนโครงการเพื่อสังคม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโครงการที่พัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ด้อยโอกาสในทุกภูมิภาคของประเทศไทย อาทิ การช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยสึนามิ ด้วยการเปิดศูนย์บริการชุมชน ซัมซุง คอมมูนิตี้ เซ็นเตอร์ ออฟ โฮป ณ จังหวัดพังงา การมอบทุนการศึกษาให้แก่มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมในพระอุปถัมป์ฯ กิจกรรมการบริจาคทุนการศึกษาและทุนอาหารกลางวันให้แก่บ้านครูน้อย การมอแอลซีดี ทีวีเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาในโครงการศึกษาผ่านดาวเทียม โรงเรียนไกลกังวล กิจกรรมบริจาคและติดตั้งระบบวิทยุกระจายเสียงให้กับเยาวชนบ้านราชวิถี และอื่นๆ ที่เป็นนโยบายสร้างสรรค์แบ่งปันต่อเนื่องยาวนาน”
นางจันทร์วิภา พิพัฒนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวถึงรายละเอียดของแคมเปญว่า “เพื่อให้การช่วยเหลือและการสนับสนุนอย่างครบวงจร ซัมซุงจึงแบ่งการดำเนินการช่วยเหลือและบรรเทาภัยผ่านแคมเปญ “ซัมซุงห่วงใย ช่วยภัยน้ำท่วม” เป็น 2 ส่วน คือ 1) การช่วยเหลือและบรรเทาภัยแก่ชุมชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งจะทำผ่านการบริจาคแก่หน่วยงานภาครัฐ องค์กร
ไม่หวังผลกำไร และพันธมิตรที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยตรง รวมถึงจัดกิจกรรมการเปลี่ยนที่พักพิงให้กลายเป็นบ้านที่อบอุ่น 2) การช่วยเหลือลูกค้าของซัมซุงที่ได้รับผลกระทบเพื่อรองรับสถานการณ์อุทกภัยเมื่ออุทกภัยเริ่มบรรเทาลง ซึ่งที่ผ่านมาซัมซุงได้ดำเนินการการช่วยเหลือและบรรเทาภัยแก่ชุมชน ด้วยการมอบเงินบริจาคจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อสมทบเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือ ผู้ประสบสาธารณภัย ณ สำนักนายกรัฐมนตรี, การสนับสนุนโทรทัศน์ซัมซุงจำนวน 25 เครื่อง ให้แก่ อสมท. เพื่อนำไปใช้ในการทำงานของทีมงานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและอสมท.ในการติดตามข่าวสารน้ำท่วมและการประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการร่วมกับเอไอเอสมอบโทรศัพท์มือถือซัมซุงจำนวน 500 เครื่อง พร้อมซิมการ์ดวัน-ทู-คอล! 500 ซิม และค่าโทรฟรี แก่ครอบครัวข่าว 3 เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม”
ล่าสุด ซัมซุงได้ดำเนินการช่วยเหลือชุมชนที่ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่องด้วยการจัดกิจกรรม “สถานี เติมสุข” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนที่พักพิงให้กลายเป็นบ้านที่อบอุ่น โดยจะมีการส่งมอบทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ซึ่งในเบื้องต้นได้ส่งมอบ “สถานีเติมสุข” แก่ศูนย์พักพิง 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัยสนามราชมังคลากีฬาสถาน ศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัยสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี และศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ จังหวัดชลบุรี เพื่อให้บริการบรรเทาภัยน้ำท่วมแบบครบวงจร โดยซัมซุงได้เตรียมจุดบริการครอบคลุมทั้งพื้นที่สันทนาการ ได้แก่บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมซิมการ์ดจากการสนับสนุนของดีแทคเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารต่างๆ และติดตั้งโทรทัศน์เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้ติดตามข่าวสารและบรรเทาความเครียด รวมถึงมอบเครื่องซักผ้าจำนวน 100 เครื่อง เพื่อให้ประชาชนสามารถทำความสะอาดเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มได้อย่างทั่วถึง โดย “สถานีเติมสุข” จะเปิดให้บริการในศูนย์อพยพดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป”
ด้านนาย เดชา เศวตศิโรรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจและสิทธิประโยชน์ ศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย สนามราชมังคลากีฬาสถาน กล่าวด้วยความยินดีว่า “ในฐานะตัวแทนของศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย รู้สึกขอบคุณและยินดีที่ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยด้วยการสร้างสถานีบริการครบวงจร เพื่ออำนวยความสะดวกสบายและสร้างความบันเทิงแก่ผู้ที่เข้ามาพักอาศัย เนื่องจากผู้พักพิงมักจะประสบกับอาการเครียดและหวั่นวิตกในสถานการณ์น้ำท่วม การยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้วยการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมให้อบอุ่นเสมือนบ้าน ย่อมมีส่วนช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถฟื้นฟูสภาพจิตใจได้รวดเร็วมากขึ้น”
และเพื่อเป็นการช่วยบรรเทาทุกข์ให้ผู้ประสบภัย สำหรับลูกค้า ซัมซุงได้กิจกรรมต่อเนื่องภายใต้ แคมเปญ “ซัมซุงห่วงใย ช่วยภัยน้ำท่วม” ด้วยการช่วยเหลือประชาชนที่เครื่องใช้ไฟฟ้าได้รับความเสียหายจากอุทกภัย โดยสามารถติดต่อศูนย์บริการลูกค้าซัมซุง 0-2689-3232 หรือโทรฟรีจากโทรศัพท์บ้าน 1800-29-3232 เพื่อนำสินค้าซัมซุงทุกชนิดมารับบริการซ่อมแซม โดยไม่เสียค่าบริการ พร้อมรับส่วนลดสำหรับค่าอะไหล่ 50% โดยลูกค้าซัมซุงสามารถไปใช้บริการดังกล่าวได้ ณ ศูนย์บริการซัมซุงใกล้บ้านหรือบริการซ่อมถึงที่พักเฉพาะกรณี ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคมนี้
“ทั้งนี้ ซัมซุงคาดว่าการส่งมอบ “สถานีเติมสุข” จะสามารถช่วยเหลือผู้อพยพกว่า 30,000 คนที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด และหวังว่ากิจกรรมทั้ง 3 ในแคมเปญ “ซัมซุงห่วงใย ช่วยภัยน้ำท่วม” จะมีส่วนช่วยบรรเทาความยากลำบากที่เกิดขึ้นต่อผู้ประสบภัยไม่มากก็น้อย พร้อมกันนี้เรายังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ประสบอุกทกภัยรวมทั้งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้จะได้รับการฟื้นฟูและคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด” นางจันทร์วิภา กล่าวส่งท้าย
นอกจากนี้ ซัมซุง กรุ๊ป ยังได้ มอบความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทยด้วยงบประมาณช่วยเหลือเป็นเงินสดและผลิตภัณฑ์รวมมูลค่า 400,000 เหรียญสหรัฐ (12,416,000 บาท)
ที่มา – Samsung
