ในช่วง 3 เดือนล่าสุดระหว่างกรกฏาคม ถึง กันยายน แผนกเกมของโซนี่มีรายได้ลดลง 15.8 เปอร์เซนต์ เหลือ 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากยอดรายได้ 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายก็ลดลงเหลือ 29 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 37 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเดียวกันของปีก่อน
โซนี่ระบุว่าสาเหตุที่ทำให้รายได้แผนกเกมลดลงมาจาก ยอดขายที่ลดลงของเครื่องเกมเพลย์สเตชัน 3 และเครื่องเกมพกพา PSP รวมถึงซอฟต์แวร์ของเกมทั้งสองเครื่องก็ขายไม่ค่อยดีด้วย ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ดูจะไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร ทางโซนี่ระบุอีกด้วยว่ายอดรายได้อาจจะลดต่ำมากกว่านี้ หากไม่มีแรงหนุนจากเครื่องเกมพกพาตัวใหม่ “เพลย์สเตชัน วีตา”
ในช่วง 3 เดือนล่าสุด เครื่องเพลย์สเตชัน 3 และ เพลย์สเตชัน 2 ทำยอดขายเครื่องรวมกันได้ 3.5 ล้านเครื่อง ลดลงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายรวม 4.9 ล้านเครื่อง ด้านยอดขายเครื่องเกมพกพา PSP รวมกับเครื่องเพลย์สเตชัน วีตา ทำได้ 1.6 ล้านเครื่อง ลดลงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำยอดขายรวมเครื่องพกพาได้ 1.7 ล้านเครื่อง โดยที่ขณะนั้นเครื่องวีตา ยังไม่เปิดตัววางจำหน่าย
ด้านซอฟต์แวร์เกมบนเครื่องเพลย์สเตชัน 3 และเพลย์สเตชัน 2 ทำยอดขายรวมกันได้ 41.4 ล้านชุด เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำยอดขายรวมได้ 40.2 ล้านชุด ส่วนซอฟต์แวร์เกมบนเครื่อง PSP และวีตา รวมกันได้ 8.7 ล้านชุด เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 8.2 ล้านชุด ที่เป็นเกมจากเครื่อง PSP อย่างเดียว เนื่องจากขณะนั้นเครื่องวีตายังไม่เปิดวางจำหน่าย
สำหรับผลประกอบการของโซนี่ทั้งองค์กรในช่วง 3 เดือนล่าสุด มีรายได้อยู่ที่ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 19,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ขาดทุน 192.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 336.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
ที่มา – manager
