หัวเว่ย รับมอบรางวัล 100 แบรนด์สินค้าที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2557 จากการจัดอันดับโดยอินเตอร์แบรนด์ บริษัทที่ปรึกษาด้านแบรนด์ชั้นนำของโลก ในงานแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้นในนครเซี่ยงไฮ้ หัวเว่ยก้าวเข้ามาอยู่ในอันดับที่ 94 และเป็นหนึ่งในห้าแบรนด์ใหม่ที่ก้าวเข้าสู่ทำเนียบ 100 แบรนด์สินค้าที่ดีที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเป็นแบรนด์สัญชาติจีนแบรนด์แรกที่ได้รับการจัดอันดับโดยอินเตอร์แบรนด์ ซึ่งเริ่มจัดอันดับแบรนด์สินค้าที่ดีที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2542
“หัวเว่ยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้จากอินเตอร์แบรนด์” มร. วิลเลียม ซวี ประธานบริหารฝ่ายกลยุทธ์การตลาดของหัวเว่ย กล่าว “แบรนด์หัวเว่ยเกิดขึ้นจากความเชื่อมั่นของลูกค้า การช่วยสร้างคุณค่าและสนับสนุนให้ลูกค้าประสบความสำเร็จ คนทั่วไปรู้จักแบรนด์หัวเว่ยจากคุณค่ารวมของแบรนด์ที่มาจากผลิตภัณฑ์ บริการ และพนักงานของเรา และเราจะมุ่งมั่นทำต่อไปเพื่อสร้างแบรนด์หัวเว่ยให้เป็นที่ยอมรับทั่วโลก”
มร. เจซ แฟรมป์ตัน ประธานกรรมการของอินเตอร์แบรนด์ มอบรางวัลแบรนด์ทรงคุณค่าที่ดีที่สุดแก่หัวเว่ย กล่าวว่า “เรารอแบรนด์สัญชาติจีนมาหลายปีที่จะเข้ามาอยู่ในทำเนียบของเรา ขอแสดงความยินดีกับหัวเว่ยในฐานะแบรนด์สัญชาติจีนรายแรกที่ก้าวเข้าสู่ทำเนียบ 100 แบรนด์สินค้าที่ดีที่สุดของโลก ประจำปี 2557”
ทำเนียบ 100 แบรนด์สินค้าที่ดีที่สุดในโลกโดยอินเตอร์แบรนด์ เป็นการจัดอันดับแบรนด์อันทรงคุณค่าที่สุดของโลก โดยข้อกำหนดเบื้องต้นสองข้อที่แบรนด์จะได้รับการพิจารณาคือ มีกำไรมากกว่า 1 ใน 3 และมีคนรู้จักแบรนด์ทั่วโลก
ในพิธีมอบรางวัล มร. ซวี ได้กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 27 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า ช่วยสร้างคุณค่าและสนับสนุนให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จ กลยุทธ์นี้ทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก ปัจจุบัน หัวเว่ยจัดหาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และโซลูชั่นให้กับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือชั้นนำ 45 รายจากทั้งหมด 50 รายทั่วโลก บริษัทยังได้สนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยี 4G และเป็นผู้นำในความพยายามที่จะกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยี 5G เพื่อให้อุตสาหกรรมมีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 2556 หัวเว่ยเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับสามของโลกในด้านยอดขาย โดยเฉพาะรุ่นไฮสเปค อาทิ รุ่น Ascend P7, Ascend Mate 7 และ Honor 6 ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ตลาดเอนเตอร์ไพรส์ หัวเว่ยเริ่มได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรและลูกค้าทั่วโลกมากขึ้นเช่นกัน
“แบรนด์หัวเว่ยเติบโตมากขึ้นและขยายสาขาไปทั่วโลก ในช่วงแรก หัวเว่ยเริ่มแข่งขันกับแบรนด์ต่างชาติในประเทศจีน และเริ่มลงทุนใน 3 ด้านหลัก คือ วิจัยและพัฒนาในระยะยาว คิดค้นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และแข่งขันอย่างจริงจังในตลาดโลก ปัจจุบัน หัวเว่ยมีสาขาตั้งอยู่ในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก และรายได้ร้อยละ 65 ของหัวเว่ยมาจากตลาดต่างประเทศ บริษัทยังมีโครงข่ายวิจัยและพัฒนากระจายอยู่ทั่วโลก และศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือ 28 แห่งที่จัดตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือกับลูกค้า รวมทั้งศูนย์วิจัยอีก 16 แห่ง เพื่อวิจัยและสร้างความก้าวหน้าทางนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ กว่าทศวรรษที่ผ่านมา หัวเว่ยจัดสรรงบลงทุนสำหรับการวิจัยและพัฒนาโดยเฉพาะ ด้วยจำนวนเงินกว่าสองหมื่นห้าพันล้านเหรียญสหรัฐฯ หัวเว่ยมีพนักงานกว่า 150,000 คน จาก 150 ประเทศทั่วโลก ให้บริการประชากรประมาณหนึ่งในสามของโลก ด้วยการลงทุนและการให้บริการแก่ชุมชนท้องถิ่นที่หัวเว่ยเข้าไปดำเนินการนี้เอง แบรนด์ของหัวเว่ยจึงได้หยั่งรากลงในตลาดทั่วโลกแล้ว” มร. ซวี กล่าวเพิ่มเติม
“วิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นที่จะสามารถสร้างสรรค์แบรนด์ได้ หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจโลจิสติกส์ดิจิตอล และสร้างโลกที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้นผ่านความร่วมมือจากพันธมิตรในอุตสาหกรรม” มร. ซวี กล่าวสรุปในคำปาฐกถา “ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี จากการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบสลับช่องทางเป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายด้วยบรอดแบนด์ จากเครือข่ายพื้นฐานเป็นเครือข่ายเคลื่อนที่ จากบริการเสียงเป็นวิดีโอ และจากอุปกรณ์ไปสู่คลาวด์ หัวเว่ยพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะทำตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ โดยจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในระบบโลจิสติกส์ดิจิตอล ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตร หัวเว่ยมีเป้าหมายที่จะสร้างโลกที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น โดยจะเป็นผู้ให้บริการการเชื่อมต่อบรอดแบนด์อย่างทั่วถึง ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ รวมถึงการเพิ่มนวัตกรรมความคล่องตัวให้ดีขึ้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีไอซีทีที่ทันสมัย หัวเว่ยมีพันธกิจที่จะขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางสังคมและสร้างโลกที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น สำหรับการเชื่อมต่อเต็มรูปแบบระหว่างคนและคน ระหว่างผู้คนและสิ่งของ และระหว่างสิ่งของและสิ่งของด้วย”
