การออกเดินทางเพื่อตามจับโปเกมอนทั่วโลกครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนโดย Expedia โดยนิคได้กลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่สามารถจับโปเกมอนเฉพาะถิ่นได้ครบทุกชนิด ได้แก่ บาร์เรียดที่ปารีส คาโมเนหงิที่ฮ่องกง และตัวสุดท้ายคือการูร่าที่ซิดนีย์ ทั้งนี้ เกม Pokemon GO มีโปเกมอนให้ผู้เล่นตามจับทั้งสิ้น 151 ชนิด ซึ่งนิคสามารถจับโปเกมอนที่อยู่ในสหรัฐได้ครบทั้งหมด 142 ชนิดภายใน 2 สัปดาห์แรกหลังเกมเปิดตัว และตามจับได้อีก 3 ชนิดในการเดินทางครั้งนี้ ส่งผลให้มีโปเกมอนในครอบครองทั้งสิ้น 145 ชนิด (รวม 5,000 ตัว) ส่วนโปเกมอนที่เหลืออีก 6 ชนิดยังไม่มีการปล่อยออกมาให้ผู้เล่นได้จับกัน
มาสคอตหมีของ Expedia ที่ชื่อว่า “Expedia Bear” ได้เดินทางร่วมกับนิคในครั้งนี้ด้วย โดยทั้งคู่ได้เดินทางต่อไปยังกรุงโตเกียวเพื่อผจญภัยต่อไป
จอร์จ รูเบนซาล กรรมการผู้จัดการของ Expedia ประจำออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ กล่าวว่า “เรายินดีที่ได้ช่วยสานฝันของนิคในการเดินทางทั่วโลกเพื่อตามจับโปเกมอนให้ครบทุกชนิด การออกเดินทางของนิคแสดงให้เห็นว่า Pokemon GO ช่วยเปลี่ยนนักเล่นเกมให้กลายเป็นนักเดินทาง สร้างนิยามใหม่ให้กับแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งเชื่อมโยงผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน”
“นอกจากนี้ Pokemon GO ยังผลักดันให้ผู้คนกลายเป็นนักท่องเที่ยวในเมืองของตนเอง โดยการออกสำรวจตามสถานที่สำคัญของเมืองที่อาจไม่เคยไปเยือนมาก่อน Pokemon GO จึงถือเป็นรูปแบบใหม่ของการเดินทาง การพบปะผู้คน และการสำรวจโลก”
ไฮไลท์ของการเดินทางของนิคประกอบด้วย
– จับโปเกมอนในเซ็นทรัลพาร์ค นิวยอร์ก ในช่วงเวลาเดียวกันกับจัสติน บีเบอร์
– น้ำหนักลดไป 3-4 กิโลกรัมภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากการเดิน
– จับโปเกมอนใต้หอไอเฟล (จุดยอดนิยมของการจับโปเกมอน)
– เล่นเกมหน้าซิดนีย์ โอเปร่า เฮ้าส์
– อดหลับอดนอนเพื่อตามล่าคาโมเนหงิในฮ่องกง
